วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

The edge of Anatolia: Pergamum and Ephesus




อัลบั้มที่สามตามมาไม่ช้าไม่เร็ว พอภาระทางการเรียนซาๆ ลง ก็มาเล่าเรื่องกันต่อดีกว่านะคะ

หลังจากออกจาก Istanbul ทางเรือเฟอรี่ข้าม Marmara Sea กว่า 2 ชม. ในที่สุดเราก็เข้ามาสู่ดินแดนอนาโตเลีย (Anatolia) หรือ Asia Minor กัน

ใครที่รู้จักยิ้มมานานหลายปีหน่อย ย่อมได้ยินยิ้มพูดๆ บ่นๆ มาบ้าง ว่า “ชอบคำว่า Anatolia จัง อยากไปๆ” ที่อยากไปหนักหนาก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ตอนอยู่ปี 1 ระดับปริญญาตรี ยิ้มได้เรียนวิชา World Archaeology ตอนนั้นก็ได้รับรู้ว่ามีโบราณสถานสำคัญอยู่ในแถบ Anatolia นี้หลายไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเมืองทรอย หรือหมู่บ้านก่อนประวัติศาสตร์ชื่ออ่านยาก ‘Catalhoyuk’ (ชา ตาล โฮ ยุค) ที่อาจารย์ที่คณะโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัย UCL ชอบไปขุด และพูดถึงบ่อยๆ (เหลือเกิน)

วันนี้ได้มาเหยียบ Anatolia แล้ว!! เย้ !! ถึงหนังสือท่องเที่ยวจะจัดกลุ่มให้เป้าหมายของเราอยู่ในเขต Aegean Coast แต่แหม...อย่างไรเสียมันก็ยังอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า Anatolia แหละน่า Northwest Anatolia ไง ถือว่าข้าพเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว ย้าฮู้ !!

ดินแดนนี้เป็นดินแดนในแถบเอเชียที่ได้รับอิทธิพลจากกรีกและโรมันอย่างยิ่งยวด จากการขยายฐานอำนาจของอาณาจักรใหญ่ในยุโรปในสมัยก่อนโน้น ดังนั้น...สิ่งที่เราจะได้เห็นจนเจนตาก็คือ

1. Theatre หรือโรงมหรสพที่มีรูปร่างกลมๆ มีที่นั่งเป็นขั้นบันได ถึงเราจะเรียกสิ่งก่อสร้างนี้ว่า Theatre แต่มันไม่ได้ใช้ในการบันเทิงอย่างเดียวนะคะ แต่เขามีไว้เป็นที่ชุมนุมทางการเมืองด้วย ในแถบนี้มีให้ดูทั้งแบบกรีก และแบบโรมันกันเลยทีเดียว




2. Column คือเสากลมๆ ที่บนยอด (เรียกว่า capital) จะมีลักษณะต่างๆ กันไป บ้างก็ดูเหลี่ยมๆ ธรรมดา (แบบดอริก) บ้างก็ม้วนลง (แบบไอออนิก) หรือบ้างก็เป็นลวดลายดอกไม้อ่อนช้อยงดงาม (แบบโครินเธียน) เนื่องด้วยมันมีเยอะมากกกกกก จนถ่ายรูปมุมไหนก็มักจะติด column มา เราจึงเกือบจะรวมรูปที่ถ่ายมาทั้งหมดเป็น Column Collection ได้อยู่แล้ว



3. Arch คือส่วนที่อยู่ระหว่างเสาหรือบนช่องประตู ใช่ค่ะ..ที่เห็นโค้งๆ กลมๆ นั่นแหละค่ะ ซึ่งเราก็มีหลายแบบต่างๆ กันไป แบบมนๆ ไม่มีเหลี่ยมเลยก็เรียกว่าแบบ Romanesque (ได้รับอิทธิพลมาจาก Roman) แบบแหลมๆ นิดหน่อย (ที่แพร่หลายในอังกฤษ) ก็เรียกว่าแบบ Gothic หรือ Early English แต่ในอนาโตเลียนี่มีแต่แบบโรมันอย่างเดียวแหละนะ



4. acropolis

ตอนเรียนๆ มาเขาก็ไม่นิยามด้วยว่า acropolis คืออะไร เพราะพอพูดว่า acropolis นักเรียนก็อ๋อออออ...เข้าใจในคอนเซ็ปต์ (แล้วจะอธิบายยังไงดีฟะ) ยิ้มเข้าใจเอาเองว่าเป็น 'เมืองสูง' ที่เป็นวัด เป็นสถานที่สำคัญ เป็นอาคารศูนย์กลาง เป็นส่วนสำคัญของเมือง แล้วก็มีบ้านเรือนคนธรรมดารายล้อมอยู่เบื้องล่าง

เอาล่ะ...อารัมภบทมายาวพอละ บล็อกนี้ตัวหนังสือเยอะนะคะ ถ้าเบื่อก็ลากลงข้างล่างโลด รูปที่ข้าพเจ้าถ่ายมาก็มีไม่เยอะ เอาเป็นว่าถ้าสนใจดูภาพทุกเหตุการณ์โดยละเอียด ขอเชิญที่บล็อกพี่เต่าเจ้าเก่าตาม link ด้านล่างนี้ค่ะ

http://tktao.multiply.com/photos/album/33 ---- Burgama and Foca

http://tktao.multiply.com/photos/album/34 --- Ephesus - Kusadasi - Samos

เมืองที่เราจะไปเที่ยวกันในเวลา 2 วันที่เหลือนี้ เป็นเมืองเก่า ชื่อ Pergamum เมืองใหญ่ในสมัยกรีก (บางตำราก็เรียก Pergamon น่ารักดีอ้ะ ฟังดูคล้ายๆ การ์ตูนโปเกมอนเลย) และ Ephesus (อ่านว่า ef-fes) เมืองใหญ่ในสมัยโรมัน ซึ่งโบราณสถานทั้งสองแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Burgama และ Selcuk (อ่านว่า เซล - ชุค) ของประเทศตุรกีตามลำดับ

จะว่าไปแล้วก็ไม่สามารถนิยามลงไปเลยว่า Pergamum เป็นกรีก หรือ Ephesus เป็นโรมันนะ คือจริงๆ มันก็เริ่มต้นจากสมัยกรีกหมดแหละ แต่ pergamum ยังดูเป็นกรีกอยู่มาก แต่ Ephesus โดนความเป็นโรมันครอบลงไปหมดแล้ว

พอลงมาจากเฟอรี่ ลัดเลาะผ่านถนนใหญ่มอเตอร์เวย์ได้พักใหญ่ อยู่ดีๆ เราก็ต้องมาผ่านถนนเล็กถนนน้อยที่เผยให้เห็นความเป็น ‘ตุรกี’ แท้ๆ หลายต่อหลายสาย เพราะถนนแต่ละเส้นผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่ให้เราเห็นวิถีชาวบ้าน และทิวทัศน์แบบที่จะหาไม่ได้ตามโปรแกรมทัวร์ใดๆ

ดูไปดูมา อื่ม...รู้สึกว่าคล้ายๆ ต่างจังหวัดในประเทศไทยมากเลย ออกจะแออัดและไร้ระเบียบกว่าด้วยซ้ำ

ภูเขาในแถบนี้แห้งแล้งมาก จากการสังเกตคร่าวๆ ยิ้มว่ามันเป็นหินหรือดินแห้งๆ นะ ดูท่าทางร่วนเหมือนทราย ไม่รู้จะกักเก็บน้ำได้ดีแค่ไหน ต้นหมากรากไม้ก็ต้นเล็กๆ แกร็นๆ แพะ แกะ วัว ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ก็ผอมมาเชียว...แม่เจ้า...นี่ขนาดอยู่ใกล้ทะเล น่าจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมบ้างนะ ยังดูแห้งแล้งได้ขนาดนี้ แล้ว inland ลึกๆ เข้าไปมันจะไม่แย่ไปกว่านี้เหรอ

คิดไปคิดมา เออ...ย่านสมบูรณ์มันอาจจะอยู่แถวๆ ตอนใต้ แถบฝั่ง Mediterranean หรอไม่ก็แถบ Black Sea ก็ได้นะ เอาเหอะ..อย่างไรเสียมันก็ต้องมีวิธีให้เขาทำมาหากินได้แหละ เติบโตเป็นประเทศกันมาได้นานขนาดนี้แล้ว

มาๆ เข้าเรื่องกันต่อค่ะ แล้วเราก็มาถึงเมือง Burgama ซึ่งเป็น Market Town ของแท้ ตัวเมืองทั้งแออัด ยัดเยียด แต่ก็ทำเมินๆ มองข้ามไป เพื่อไปให้ถึงจุดหมายหลักแห่งแรก ก็คือ Acropolis หรือเมืองสูง ซึ่งต้องขับรถขึ้นดอยไปหน่อย รถแล่นขึ้นไปเรื่อยๆ บนถนนลาดยางที่บางจนเหมือนรถวิ่งอยู่บนลูกรัง มองไม่เห็น Public Transport ใดๆ เลย เห็นแต่นักท่องเที่ยวแบบ Backpacker 2 คนเดินอยู่บนถนนหัวแดงเพราะฝุ่นคลุ้งกระจาย คุณพระคุณเจ้า นี่โชคดีนะ ที่เรามีคนอนุเคราะห์ยานพาหนะ ไม่อย่างนั้น...กว่าจะเดินขึ้น Acropolis ได้ กล้ามขาคงอักเสบกันพอดี

จากการประเมิน Acropolis ของเมือง Pergamum แบบคร่าวๆ อื่ม ใช้ได้นะ ถึงจะดูเหมือนไม่ค่อยได้รับการดูแลเอาใจใส่เท่าไหร่ แต่ว่าความอลังและความสำคัญของเมืองก็มีไม่น้อย และการตั้งอยู่บนภูเขาสูง (สูงกว่า acropolis ในเอเธนส์อีก) ทำให้ทิวทัศน์ออกมาดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว ตอนที่ยืนมองลงมาจาก Theatre ชั้นบนสุดอ้ะ ขาสั่นพับๆ เลยค่ะ



จาก Acropolis เราก็ข้ามสถานที่สำคัญอื่นๆ แล้วไปที่ Asclepeion ซึ่งเป็นสถานที่ในการรักษาพยาบาล อา....แต่ไม่ใช่ในลักษณะโรงพยาบาลนะคะ แต่ที่นี่เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งการรักษามากกว่า เขาให้นิยามว่า 'healing temple' น่ะค่ะ คนป่วยก็จะมานอน มาบวงสรวงให้เทพมาเข้าฝันว่าต้องรักษายังไง พอหายก็เอาของมาถวาย อะไรทำนองนั้น เราเดินชมกันได้นิดหน่อยฝนก็เทลงมาๆ ๆ เลยไม่ได้ชื่นชมและบันทึกภาพเท่าไหร่ แต่ก็มีเรื่องพอให้ได้ฮานิดๆ หน่อยๆ ค่ะ คือมีน้องหมาตัวเมียสีขาวตัวหนึ่ง ชีชอบเข้ากล้องมาก พอพวกเราถ่ายรูปกัน ชีก็เดินมานอนโพสต์ท่าโน่นนี่ แล้วก็ล้มตัวลงนอนขวางวิถีกล้องของพวกเราไปซะ พอบอกให้นอนหงายก็หงายขึ้นมาแล้วยกสองขาทันที ราวกับเป็นนางแบบมืออาชีพ บอกให้เก็กท่าก็เก๊ก ว่านอนสอนง่ายจัง (จริงๆ แล้วหมาตัวนี้มันอาจจะนอนท่าแปลกๆ อยู่แล้วก็ได้แฮะ มันอาจจะคิดในใจว่า "คนพวกนี้เป็นอะไรวะ ถ่ายรูปอยู่ได้ เกิดมาไม่เคยเห็นหมานอนหรือไง")



จาก Pergamum เราก็ไปค้างคืนกันที่ Foca (ฟอร์ - ช่า) เมืองที่ (เขาอ้างว่า) เป็นเมืองเมืองรีสอร์ตสำหรับชนชั้นกลาง อยู่ติดทะเล วิวสวย พอไปถึงจริงๆ แล้วก็อืม... ก็น่ารักดีนะ แต่ห่างไกลจากคำว่าเมืองรีสอร์ตอ้ะ เหมือนเมืองประมงมากกว่า เพราะมีเรือจอดเต็มไปหมด แล้วก็มีร้านอาหารทะเลเรียงรายทั่วทั้งฝั่ง ได้โอกาสสั่งอาหารทะเลมากินแล้ว ปลาท้องถิ่นทอด (ที่ไม่รู้ชื่อ เพราะเจ้าบ้านเป็นคนสั่ง) อร่อยมากค่ะ เนื้อมันนุ่มๆ หวานๆ ฉ่ำพอดี ไม่แห้งเกินไป สั่งมา 2 ตัว กินกันไม่หวาดไม่ไหวทีเดียว

เช้าวันถัดไป เราก็เดินทางออกจาก Foca ตรงต่อไปที่ Ephesus ซึ่งลงใต้ไปอีกหน่อย เมืองนี้ได้รับอิทธิพลโรมันอย่างเห็นได้ชัด ดูจากการวางผังเมือง สภาพบ้านเรือน หรือศิลปะ และดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ได้รับความนิยมมากกว่า Pergamum เพราะได้รับการดูแลมากกว่า มีนักท่องเที่ยวเยอะกว่า และดูสะอาดสะอ้านกว่า



วันนี้ฟ้าใสมากกกก มากจนทำให้ศศิษยาต้องควักเอาครีมกันแดด SPF 60 ออกมาทา ซึ่งก็ถนอมรักษาผิวไม่ให้ไหม้แดด (แต่ไม่ได้ช่วยรักษาความขาวเลย วันเดียวดำลง 20%) ให้ตายสิ...แต่กระนั้นก็ดี ก็ยังเดินไปได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ เพราะว่าเมืองมันสวยทุกอณูจริงๆ

สิ่งที่เราไม่ได้เห็นก็คือ The Temple of Artemis ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ตอนนั้นก็หากันใหญ่ เพราะ Lonely Planet แนะนำไว้ แต่หายังไงก็ไม่เจอ..พอมาค้นคว้าทีหลัง อ๋อ....มันอยู่แถวๆ ขอบเมือง selcuk โน่น ไม่ได้อยู่ในตัว Ephesus แต่ถึงไปก็ไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ เพราะว่า...พวกรูปสลักที่เจอในการขุดค้นที่ได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษ ก็ระเห็จไปอยู่ใน British Museum ณ "Ephesus Room" เรียบร้อยโรงเรียนบริเตน

Ephesus เป็นเมืองท่าที่สำคัญ ตอนนั้นระดับน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นมาถึง Selcuk เลยมีท่าเรืออยู่ใกล้ๆ พอมีท่าเรือ เศรษฐกิจก็เจริญ ทำมาค้าขึ้น ขยายเมืองออกได้เรื่อยๆ แต่พอถึงช่วงน้ำทะเลลงต่ำ เมืองนี้ก็ค่อยๆ ล่มสลายลง... (ระดับน้ำทะเลมันเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว เพราะแผ่นทวีปของเราบางด้านก็ยกตัว บางด้านก็ยุบตัว ทางฝั่งอ่าวไทยของเรานี่ เมื่อก่อนระดับน้ำก็ต่ำกว่านี้เหมือนกัน)

จริงๆ คำว่าล่มสลายมันก็ฟังดูแรงไปหน่อย...เรียกว่าค่อยๆ หายไปจากประวัติศาสตร์น่าจะฟังดูดีกว่านะคะ (เขาใช้คำว่า decline ซึ่งยิ้มว่ามันไม่เชิงล่มสลายนะ ไม่ได้เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนขนาดนั้น)

พวกเราเดินอยู่เกือบๆ 4 ชั่วโมงก็ทั่วไซต์ (แต่จริงๆ คงมีซากปรักหักพังที่ยังอยู่ใต้ดินอีกมาก) ตั้งแต่ 11.30 ถึงบ่ายสาม และ...แน่นอนค่ะ เราอดข้าวกลางวันอีกตามเคย เพราะในไซต์ไม่มีร้านอาหารเลย (แหงล่ะ ถ้าใครไปตั้งภัตตาคารกลางเมืองโบราณสมัยโรมันอย่าง Ephesus อิฉันก็จะเขียนจดหมายไปร้องเรียนให้เพิกถอนเหมือนกัน)

โชคดีนะ ที่เอาขนมติดไปด้วย หุหุหุ กินไปก่อนกันตาย

และแล้ว..เราก็จาก Ephesus มาด้วยรอยคล้ำบนผิวกาย รอยยิ้มบนใบหน้า และรอยความทรงจำที่ย้ำเตือนไว้ในใจ ชอบมากๆ เมืองโบราณใกล้ฝั่งทะเล Aegean 2 เมืองนี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาจากลา Theirry แล้ว เพราะเราต้องนั่งเรือข้ามฝั่งจาก Kusadasi ไป Samos ซึ่งเป็นเกาะของประเทศกรีซ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับการดูแลที่ดีเลิศ หากมีโอกาสจะพาเที่ยวไทยตอบแทน

บ๊าย บาย...ตุรกี ไม่เสียใจเลยที่ได้มา..และถ้ามีเวลา จะไปตามเก็บให้ครบทั่ว Anatolia นะจ๊ะ...

47 ความคิดเห็น:

Nitikarn Pinmuang-ngarm กล่าวว่า...

สวยจัง

Yim S. กล่าวว่า...

เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากอ้ะ

ipanpook p กล่าวว่า...

แล้วตกลงลอดได้ป่าว?

:D

ipanpook p กล่าวว่า...

โห..................... เสาเอียงเลยอ่ะ.. ดูดิ ปลายเสาด้านบนเอียงเกือบถึงขอบรูปแล้วอ่ะ

:D

ipanpook p กล่าวว่า...

เมื่อเรียนปี ๑ ลงวิชาอารยธรรม แบบว่าน่าสนใจมากทีเดียว พอได้อ่านเนื้อหาที่ยิ้มเอามาบรรยายประกอบ ก็...แง........... อยากไป ตามรอยวิชาที่เคยลงเรียนปี ๑ แง..............

Yim S. กล่าวว่า...

ได้สิคะลุงขา น้องยิ้มก็เข้าทางข้างหน้านี่แหละ ไม่ได้อ้อมมาจากด้านหลังนะ

Yim S. กล่าวว่า...

เออ จริง..
งั้นห้ามให้คนในแวดวงโบราณมาดูเด็ดๆ
เดี๋ยวโดนดุ ^ ^'

ipanpook p กล่าวว่า...

- -''

อ่อ..ไม่ชอบเข้าข้างหลังนี่เอง :D

Yim S. กล่าวว่า...

ยิ้มก็ว่าลุงน่าจะชอบอยู่มากทีเดียว
^ ^

แต่ถ้าจะไป ไปที่ Kusadasi แล้วหารถออกไป Ephesus ก็พอละนะ ไม่ต้องไป Pergamum ก็ได้ ไปยากอ้ะ

Yim S. กล่าวว่า...

เข้าข้างหน้าละกัน ดูท่าจะง่ายกว่า
.
.
.
ข้างหลังมันดูมีหินรกๆ น่ะ ^ ^'

ipanpook p กล่าวว่า...

เหรอๆ เออไว้ถ้าจะไปจริงๆ จะถามรายละเอียดอีกที แต่ว่าถ้าเป็นอย่างงี้คงเช่ารถขับดีกว่า ขับช้าๆ หน่อยก็คงไม่เป็นไรดีกว่าไปลำบากลำบนกับระบบขนส่งสาธารณะที่ท่าทางจะ unreliable คล้ายๆ บ้านเรา - -''

ipanpook p กล่าวว่า...

เข้าข้า่งหลังก็ง่าย...... ดูดิยิ้มยังผลุบๆ โผล่ๆ ได้เลย

:D

Yim S. กล่าวว่า...

Pergamum มันขับรถไกล แล้วสิ่งที่ได้มันก็ไม่ค่อยคุ้มค่าด้วยลุง Ephesus นี่แหละ ง่ายๆ แต่คุ้มค่า เสร็จแล้วก๊อ ข้ามไป Samos แล้วต่อไปเกาะอื่นๆ ของกรีซได้ สบายๆ

ipanpook p กล่าวว่า...

ไป Mykonos ลัลล้า...............

:)

Yim S. กล่าวว่า...

^
^
^

ว่าแล้วเชียว ว่าอยากไปที่นั่น ^ ^'
คิก ๆ ๆ ๆ ๆ

ipanpook p กล่าวว่า...

ไมเหรอ? ก็เห็นทัวร์เค้าก็ขายกันโครมๆ นี่.. นี่ก็รู้มาจาก Contiki tour and Lonely Planet น่ะแหละ

Yim S. กล่าวว่า...

^
^
เป็น gay-friendly resort area
มี Gay clubs เยอะแยะมากมาย
intense nightlife

^ ^'

ลุงชอบแบบนี้นี่เอง

ipanpook p กล่าวว่า...

- -''

Lex actually กล่าวว่า...

ดูจากเหลี่ยมนี้ ตอนที่ยังสมบูรณ์ คงจะเป็นสถานที่ที่งดงามมากเลยนะเนี่ย

Yim S. กล่าวว่า...

เขาสันนิษฐานว่าเมื่อก่อนเป็นแบบนี้น่ะค่ะ พี่เล็ก
อลังมากมาย

เครดิต: www.sandrashaw.com/AH1L22.htm

Thanit Lim กล่าวว่า...

theatre แบบนี้มันเหมือนกับamphitheatre เปล่า น่าิอิจฉาจริงๆ เรียนแล้วได้ไปดูของจริง

Yim S. กล่าวว่า...

น่าจะใช่นะพี่ขนุน
กลม และ open-air สร้างโดยโรมัน

Tan Mctanuz กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลน่าสนใจ กับภาพสวยๆมาให้ชมกันครับ

Yim S. กล่าวว่า...

ขอบคุณนะค้า ที่แวะมาเยี่ยมชม

Tan Mctanuz กล่าวว่า...

มุมสวยครับ

Som Thaksa-on P. กล่าวว่า...

ละเอียดมากเลยยิ้ม ได้ความรู้จากนักโบราณคดีอีกต่างห่าง ตุรกีเค้ามีดีจริงๆชอบอ่ะ มีทั้งความเป็นเมืองที่มีอิทธิพลจากศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ในอิสตันบูล และพวกซากปรักหักพังแบบกรีกและโรมันในแคว้นอนาโตเลีย ทริปนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเนอะยิ้ม ไม่ผิดหวังเลยเนอะยิ้ม อาจจะมีช่วงที่นั่งเรือป่าวเห็นบ่นกัน เหอๆๆ แต่เราว่าเป็นประสบการณ์อีกแบบนึงแหละ แบบว่าผ่านมาหมดแล้วขึ้นรถ ลงเรือ นั่งเครื่องบินในหนึ่งทริป

Yim S. กล่าวว่า...

ทริปนี้คุ้มมากๆ เลยแหละส้ม ได้เห็นทุกแบบ
นั่งเรือยาวก็จริง แต่มันก็ทำให้ทริปมีสีสันขึ้นนะ พอถึง Santorini ความรู้สึกตอนนั่งเรือก็เลือนๆ ไปแล้วแหละ

Yim S. กล่าวว่า...

ป.ล.

จริงๆ น่าจะมีขี่ลาอีกอย่างหนึ่งเนอะ เห็นแถวนั้นเขาชอบเลี้ยงลากัน ^ ^'

Heathrow :D กล่าวว่า...

กลางคืนสวยแท้ๆ
ใครช่างหาที่พักครับเนี่ย

ที่ซานโทรินี่ก็สวย ที่นี่ก็สวยอีกแล้ว

Heathrow :D กล่าวว่า...

เหมือนสมัยที่ได้เรียนเลยอ่ะ ดอริก ไอออนิก โครินเธียน

Heathrow :D กล่าวว่า...

โห มาดนักเดินทางเลยครับ

เหนื่อยไหมเนี่ย
ของพี่นะครับ ไปไหนไกลๆก็สู้ แต่ถ้าไมได้นอนแล้วเหนื่อยๆ เนี่ย ไม่สู้ :P

Heathrow :D กล่าวว่า...

แสดงว่าคนในสมัยโบราณนี่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย

ทึ่งอ่ะครับ ที่มันอยู่มานานมากๆ เป็นของคนที่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับเราแล้ว

Heathrow :D กล่าวว่า...

รอบคอบกันมากเลย เตรียมร่มกันไปด้วย

me myself กล่าวว่า...

โห ฟ้าสวย น้ำสวย เดินเล่นยามค่ำนี่คงลั้นลาไปเลยนะคะ
อยากไปมั่งอ่ะค่ะ

me myself กล่าวว่า...

ดูยิ่งใหญ่จังค่ะ อยากไปยืนตอนยุคที่มีชิวิตจัง จะขนาดนั้นน๊า
ขนาดตอนนี้ดูยังขนลุกเลยค่ะ

me myself กล่าวว่า...

ใหญ่และชันมาก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้ว
นัก biologist ขอ assume ว่า คนยุคนั้นต้องเข่าแข็งแรงมากๆ แน่นอนค่ะ 555

Yim S. กล่าวว่า...

อิอิ ได้คนละอารมณ์กันน่ะค่ะ
เมืองนี้ Theirry เป็นคนเลือก ส่วนที่พักที่แนะนำใน Lonely Planet น่ะ

Yim S. กล่าวว่า...

ฮ่าๆ ก็นอนกันไป 4-5-6 ชม แล้วแต่โปรแกรม ว่ารีบร้อนแค่ไหน

Yim S. กล่าวว่า...

ฮ่าๆ ก็เด็กอังกฤษนี่คะ ต้องพกร่มติดตัว

Yim S. กล่าวว่า...

บรรยากาศดีมากเลยค่ะ พี่สา
เสียแต่ว่าอะไรๆ ก็ปิดเร็วไปหน่อย

5 ทุ่มเนี่ย เริ่มเงียบละ

Yim S. กล่าวว่า...

นั่นสิคะ หุหุหุ
เห็นเขาว่ามันชันที่สุดในบรรดา Theatre ของยุคโบราณเลยแหละ

Heathrow :D กล่าวว่า...

5 ทุ่มปิดเร็วไปหน่อย T_T

นั่นแน่ น้องยิ้มอยากให้มีร้านปิดดึกๆ จะได้เปิดโต๊ะ เบอ อานาโตเลีย หรือเปล่า (เหมือนโต๊ะเบอลาว แบบปีก่อนไง 5 5 5)

Yim S. กล่าวว่า...

ยิ้มยังอยู่ในพรรษาอยู่ค่ะ
งดเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด

ป.ล. พี่คูณไปดูอัลบั้ม Scottish Highlands กะ Istanbul หรือยังคะ

Lady Jade กล่าวว่า...

เรียนแบบนี้ก้อดีนิ ได้ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ไม่ซ้ำบรรยากาศเลย ไม่เบื่อดี

norra s. กล่าวว่า...

พอดีจะไปตุรกี และ อยากไปที่กรีก เกาะ ซานโตรินี่ ต้องนั่งเรือข้ามฝั่งจากเมืองไหนค่ะ จะไปแถว Marmaris ค่ะ
รบกวนด้วยค่ะ

norra s. กล่าวว่า...

ขอถามเพิ่มเติมด้วยค่ะว่าต้องเสียค่าเรือข้ามฟากเท่าไร และ ต้องใช้เวลานานไหมจากท่าเรือที่ตุรกีไปที่เกาะ ซานโตรินี่ค่ะ

jintana mathakittporn กล่าวว่า...

อยากไปเที่ยวบ้างจัง