3 October 2008
อัลบั้มนี้มาช้าไปหน่อย ^ ^' พอดีแอบอู้ ขี้เกียจไปตามประสา
ชมภาพแบบละเอียดได้ที่บล็อกพี่เต่า เช่นเคยนะค้า
http://tktao.multiply.com/photos/album/36
ในที่สุดเราก็เดินทางออกจาก Santorini มาถึง Athens ด้วยความอาลัยบรรยากาศเบาๆ สบายๆ ผ่อนคลายตามแบบทะเล แต่ก็จริงของพี่เต่าที่ว่า "ถ้าไม่ไป Athens ก็เหมือนยังไม่สมบูรณ์นะ" แหม..มาถึงกรีซแล้ว จะไม่ไปดูสถานที่อันเป็นต้นแบบรากฐานของศิลปะตะวันตกที่ลือเลื่องไปทั่วโลกได้ยังไงกัน เราก็เลยเรียกความกระฉับกระเฉงกลับมาแล้วเดินทางกันต่อ
Athens ก็เป็นเหมือนเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ นะคะ เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง คนเยอะ ค่อนข้างวุ่นวาย แต่ที่ตั้งอยู่เหนือไปจากความสับสน พลุกพล่านของเมืองใหญ่ ก็คือ..Acropolis ซากปรักหักพังของเมืองเก่าที่ตั้งอยู่บนภูเขาหิน (Acropolis Rock) เด่นเป็นสง่า เปรียบประหนึ่งมงกุฎของเมือง เหนือความวุ่นวายและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ใดๆ

แล้วเราก็เดินขึ้นเนินไปกัน (เมือง Athens ถึงจะดูใหญ่ๆ แต่พอเดินจริงๆ มันก็ต่อเนื่องถึงกันหมด แล้ว Acropolis ก็เด่นซะจนไม่มีทางหลงเป็นอันขาด) ระหว่างทางก็เห็นซากปรักหักพังบนดินบ้าง อยู่ในหลุมบ้าง เมืองที่เก่าแก่แบบนี้ก็ย่อมมีรอยอารยธรรมหลงเหลืออยู่เยอะมากเป็นธรรมดา
เอ แต่จะว่าไปแล้ว...ยิ้มคิดว่าสถานที่ใดก็ตามที่เป็น 'เมือง' ต่างก็โอบอุ้มสิ่งก่อสร้าง และร่องรอยของการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสมัยก่อนเหมือนๆ กันทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเมือง Athens York กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ หรือลอนดอน แต่ละที่ล้วนมีเรื่องราวความเป็นมา มีการซ้อนทับทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นทั้งนั้น
ประเด็นอยู่ที่ว่า...
1. ลักษณะของวัฒนธรรมแบบไหนจะหลงเหลือร่องรอยอารยธรรมมาถึงชนรุ่นหลัง และ
2. สภาพสังคมแบบไหนจะโอบอุ้มการ 'คงอยู่' ของร่องรอยอารยธรรมเหล่านั้นได้ดีกว่ากัน
ในแต่ละสังคม ปรัชญาการอนุรักษ์โบราณสถานและโบราณวัตถุไม่เหมือนกันเลยนะคะ บางทีอาจจะเน้นการอนุรักษ์วัตถุและสถานที่ที่ทรงคุณค่า บางที่อาจจะรณรงค์ให้อนุรักษ์สิ่งที่เป็นอยู่โดยไม่ต้องบูรณะปฏิสังขรณ์ (preseved as found) บางที่อาจจะต้องการให้สถานที่อันมีความหมายต่อจิตใจและความเชื่อของคนในท้องถิ่นดู "ใหม่" และ "มีชีวิตชีวา" อยู่เสมอ จนต้องซ่อมแซมด้วยวัสดุใหม่ๆ ตลอดเวลา (อย่างสังคมตะวันออกของเรา)
สิ่งก่อสร้างบน Acropolis ที่หลงเหลืออยู่นี้ เป็นลักษณะศิลปะแบบ Classical (หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่าในยุคก่อนหน้านี้ก็มีสิ่งก่อสร้างอยู่บ้าง เช่นในสมัย Minoan หรือ Mycenaean แต่หลักฐานที่มีไม่แน่นพอที่จะบอกได้ว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นหน้าตาเป็นยังไง แค่รู้ว่ามีเฉยๆ) ซากวิหารต่างๆ บนเนิน Acropolis นี้จัดเป็นมรดกโลก มรดกยุโรป มรดกบลา บลา บลา อีกมากมาย เรียกได้ว่า...โปรไฟล์ความสำคัญแน่นเอี๊ยดดดด น่ะ
แล้วเราก็ขึ้น Acropolis กัน ทันทีที่เท้าเหยียบไปถึง Propylaea ซึ่งเป็นเหมือนประตู (gateway) เข้าไปสู่เมืองศักดิ์สิทธิ์ อา...ขนลุกเยือก ไม่ใช่เพราะความอลัง แต่เป็นเพราะโครงเหล็กมากมายที่ค้ำยันสิ่งก่อนสร้างไว้อยู่น่ะค่ะ - -'
Under Construction นี่หว่าาาาา.....แง.......
จริงๆ แล้วรูปภาพจากหนังสือหรือโปสการ์ดที่เคยเห็นมา ก็พอจะเห็นโครงเหล็กค้ำยันอยู่ จนคิดไปว่า เอ...หรือบางทีมันอาจจะเป็นการเสริมความแข็งแรงแบบถาวร (เอาออกไม่ได้ เดี๋ยวถล่ม) เลยก็ได้ ก็พอจะเข้าใจว่าโครงสร้างที่เหลืออยู่มันเปราะบาง ต้องค้ำยันบ้าง ซ่อมโน่นนิดนี่หน่อยอยู่ตลอดเวลา แต่ครั้งนี้โครงเหล็กมันออกจะเยอะไปหน่อย (เยอะพอๆ กับนักท่องเที่ยวเลย) มองดูแล้ว เอิ่ม...แทบไม่มีส่วนที่ไม่ถูกค้ำยัน
แต่ก็เอาเหอะ...พอจะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปได้ ด้วยการมองไปถึงความสำคัญระดับโลก และการจัดการที่ยอดเยี่ยมแทน (ชนิดที่ว่าทำสะพานไม้ หรือทางหินอัดให้คนเดิน กันการสึกกร่อนของหินอ่อนและยังมีพนักงานคอยเป่านกหวีดห้ามคนป่ายปีนหินด้วย)
จริงๆ ในฐานะที่ก็ร่ำเรียนมาในวงการนี้พอสมควร ก็รู้นะคะว่านักท่องเที่ยวไม่ควรสัมผัสโบราณสถานหรือวัตถุอย่างใกล้ชิดมาก (นักท่องเที่ยว 100 คนก็โดนลูบ 100 ครั้ง - นานๆ เข้าหินมันก็สึกหรือมันแผล็บได้เหมือนกันนะ) แต่แหะๆ พอไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ เข้าใจเลย ว่าใครๆ ก็อยากใกล้ชิด ยิ้มเองก็อดใจไม่ไหวไปจับๆ หรือปีนๆ บ้างเหมือนกัน จากการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำให้คิดว่า ถ้าข้าพเจ้าต้องไปจัดการไซต์ไหน จะลองหาวัตถุที่ไม่ได้สำคัญสุดยอด หรือมีของแบบเดียวกันหลายๆ ชิ้น จับได้ไม่แตกหักมาให้คนชมลูบๆ คลำๆ สัมผัสอย่างใกล้ชิดบ้าง เพราะการเรียนรู้ของคนเรามันมีหลายทาง บางคนเรียนรู้ด้วยการมอง (visual) บางคนด้วยการฟัง(auditory) บางคนด้วยการอ่าน(reading) บางคนด้วยการกระทำ(kinesthetic) และพวกหลังเนี่ย จะชอบจับๆ แตะๆ มากกว่าพวกอื่น (ตัวยิ้มเองเป็น visual learner มากกว่าอย่างอื่น แต่ก็มีความเป็น kinesthetic ไม่น้อยไปกว่ากันนัก และไม่ใช่ audotorial learner เลย เวลาไปเที่ยวก็เลยชอบดู ของอ่าน ชอบจับมากกว่าจะชอบซื้อ audio guide มาฟัง)
นอกเรื่องอีกแล้วเรา...กลับ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
สถานที่สำคัญๆ บน Acrolpolis Rock ก็คือ วิหาร Pathenon, วิหาร Erechtheion, วิหาร Athena Nike (เล็กๆ) แต่ละที่ก็..หลงเหลืออยู่บ้างในระดับหนึ่ง จริงๆ แล้ว...ถ้าอยากเห็นหินอ่อนแกะสลักแห่งวิหาร Pathenon ก็สามารถไปดูที่ British Museum ได้นะคะ ที่นั่นลัก เอ๊ย...นำเอาหินประดับเหนือประตูของที่นี่ไปจัดแสดงอยู่เป็นร้อยๆ ปีละ ( เขาเรียกว่า frieze อ้ะ จะแปลว่าอะไรดีเนี่ย ทับหลังเหรอ สงสัยจะไม่ใช่ - -' อันนั้นมัน lintel )

นี่คือวิหาร pathenon
ส่วนวิหาร Erechtheion ที่มีเสาเป็นรูปผู้หญิง (นัยว่านางเหล่านั้นเป็นเทพปกปักรักษาวิหาร) ก็สามารถดูอะไรที่คล้ายๆ กันได้ที่โบสถ์ St. Pancras ในลอนดอน ละม้ายมาก (ขนาดใหญ่กว่าของจริงที่ Athens อีก)

อันนี้ของจริง
จะว่าไปแล้ว โบราณสถานส่วนมากก็เป็นพวก Temple หรือว่าอะไรก็ตามที่ถวายเป็นบรรณาการแก่องค์เทพล่ะค่ะ
จาก Acropolis เราก็ลงมาเดินด้านล่าง ซึ่งเป็น Market area หรือที่เรียกว่า 'Agora' เป็นส่วนของเมืองที่...ผู้คนได้ใช้งานจริงหน่อย ไม่ได้เป็นส่วนของสถานที่สำคัญทางศาสนาและการปกครองเหมือน Acropolis แถวๆ Agora นี้ก็เป็นที่นักปราชญ์ชาวกรีกเดินไปเดินมาแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สนทนากันน่ะค่ะ อู๊ย ตื่นเต้นเนอะ เราได้เดินอยู่ในที่ที่ Socrates, Plato หรือ Aristotle เคยเดิน อืม...อดนึกย้อนจินตนาการไม่ได้ ว่าเขาจะทำอะไรขณะที่อยู่ตรงนั้น แล้วที่ที่เราเดินอยู่ เขาจะเคยเหยียบย่ำไว้เป็นเทือกหรือเปล่า

Agora มองเห็น Temple of Hephaestus อยู่ลิบๆ

นี่สร้างขึ้นมาใหม่ เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุที่พบในแถบนี้ กะให้เหมือนของเดิม สถานที่ที่คนกรีกจะมาเดินไปมา ชุมนม พบปะ สังสรรค์
พอเดินเที่ยวหมด เราก็หมดแรงกันพอดี...ไปหาอะไรกินแก้หิว โน้ตก็เตรียมจะแยกไปเที่ยวอิตาลีต่อ ส่วนยิ้มและพี่เต่าก็เตรียมจะกลับอังกฤษ
2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอะไรที่...คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ เห็นมาทุกแบบทั้งแบบธรรมชาติและแบบที่สร้างโดยน้ำมือมนุษย์ ทะเลสาบ เกาะ ป่าเขา โบราณสถาน เมืองที่ยังมีคนอยู่ ทะเล ภูเขาไฟ
ถ้าจะถามว่า...ชอบที่ไหนที่สุด พระเจ้า...ถามอะไรยากจังเลย เอามีดมาแทงให้ตายกันเลยดีกว่ามั้ย ยิ้มคงจะต้องตอบว่าชอบไปคนละแบบล่ะค่ะ (ตอบแบบนี้มีคนเคยแย็บๆ ว่าตอบได้แบบนักการเมืองจริงๆ) มันเลือกไม่ได้จริงๆ นะ คือแต่ละที่ก็มีข้อดี ข้อเสียของมัน สุดท้ายแล้วก็มีแต่ความทรงจำดีๆ ที่โดดเด่นออกมา ส่วนอะไรที่ไม่ค่อยดี...นานๆ เข้าก็กลายเป็นเรื่องโจ๊กเรื่องขำขันไป เมื่อเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว
คงไม่ลืมไปอีกนานเลยทีเดียว...
36 ความคิดเห็น:
หยะ หยะ อยากไป...............................
ชอบๆ รู้จักเอเธนส์มานานแล้วและรู้จักลึกซึ้งมากขึ้นอีกเมื่อเรียนวิชาอารยธรรมบวกกับเป็นนักเรียนรัฐศาสตร์ ก็เลยอยากไปเห็นมาก......
โดยรวมเอาเข้าจริงที่เอเธนส์ก็คงมีอันนี้อันเดียวที่เป็นไฮไลท์ล่ะเนาะ
นอกนั้นที่ได้ยินมาก็อากาศร้อนๆ สกปรกๆ - -''
อืม...ก็ประมาณนั้นแหละลุง
นอกจาก Acropolis กับโยราณสถานที่กระจายๆ ไปก็ยังนึกไม่ออกแฮะ ว่าใน Athens มีไรเป็นจุดเด่นอีก เพราะพวกบ้านเมือง มหาลัย สวน อะไรอย่างนี้เมืองหญ่อื่นๆ ก็มี
หูยยยยยย.... คุณพี่อธิบายละเอียดยิบเลยอะ
ได้ความรู้ควบคู่กับภาพด้วยนะเนี่ย แบบนี้ เต็มสิบ อะ อิอิ
อลังการงานสร้างจริงๆ มันขนหินมายอดเขากันยังไงหว่า คนสมัยก่อนคงแข็งแรงเนอะขนมาสร้างบนยอดเขาได้
theatre อันใหญ่จัง สมัยก่อนคนมันจะเยอะขนาดเต็มอัฒจรรย์เหรอเนี่ย สงสัยต้องปิดเมืองมาดู
เห็นเครนก่อสร้างเหมือนกำลังสร้างตึกใหม่เลย ทำไมดูมันแห้งแล้งดีจังบนยอดเขา หรือคนกรีกมันทนร้อนทนแดด
^ ^
บล็อกนี้เน้นตัวหนังสืออ่ะค่ะ คุณน้องเบิ้ล หุหุ
แบบว่าเจ้าของบล็อกชอบเขียน
เนอะ
ขนาดเดินขึ้นตัวเปล่ายังหอบแฮ่ก ๆ เลย
ไว้ใช้ตอนสำคัญๆ มั้ง
อันนี้เน้นกว้าง แต่ที่ Pergamum ในตุรกีเน้นสูง มองลงไปหวิวๆ จะเป็นลม
บนยอดมันเป็นวัดชนวัดมั้ง เลยไม่ได้ปลูกต้นไม้ต้นไร่อะไร (อาจจะเพิ่มความจุนักท่องเที่ยวด้วยมั้ง ^ ^' แค่นี้ยังแบบ โอ...อย่างกะเดินห้างวันที่มี Midnight Sale)
แต่ว่าลงไปด้านล่างๆ ของเนินก็มีต้นไม้กะทางเดินร่มรื่นนะพี่ขนุน ทนร้อนตอนเดนดูข้างบนนิดนึง ลงไปก็โอเค อิอิ
แมวน่ารักจัง ขนฟู..ชอบๆ
ว่าแต่มันมองอะไรอยู่เอ่ย..
สีเหลืองสู้ๆ ^^
มันหันหน้าหนียิ้มอยู่ ^ ^'
ฮ่าๆ สู้จนวันสุดท้าย..
(จริงๆ ตอนนั้นเหงื่อซ่ก หน้ามันสุดๆ)
จะว่าเขาขโมยไปหรือว่าเขาเอาไปช่วยเก็บให้ดีล่ะเนี่ย -''-
อ่านแล้วได้ข้อคิดเหมือนกัน
พี่ว่า ตอนนี้ทุกๆที่ในโลก ก็เกิด "การซ้อนทับทางวัฒนธรรม" กันทั้งหมดแหละครับ แม้แต่เมืองที่เกิดขึ้นใหม่ เวลาเปลี่ยน คนเปลี่บน ความคิดเปลี่ยน แค่คนรุ่นพ่อแม่เรายังมีอะไรที่แตกต่างกับเราตั้งมากมายเนอะ :D
ช่วงก่อนไป มาหลายวัดเหมือนกัน เห็นภาพเขียนถูก เขียนทับไปก็ใจหาย เสียดายที่จะไม่ได้เห็นภาพเขียนของคนในอดีต แต่พอไปวัดลำปางหลวง วัดพระสิงห์ ก็เห็นภาพเขียนที่นับวันจะจางลงจางลง ก็เลยไม่รู้ว่าแบบไหนจะดีกว่ากัน
พี่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้ของเก่าดั้งเดิม "เก่า" ช้าที่สุด น่าจะมีวิธีอะไรที่ไม่ทำให้มันเลือนหายหรือสกปรกเนอะ
แต่ที่นี่เหมือนเค้าจะพยายามรักษาโครงสร้างไว้ให้เหมือนเดิมที่สุด แยกคนละที่กับที่อยู่คนปัจจุบนเลย (หรือเปล่า)
ที่อยุธยา เห็นเค้าสร้างโรงพยาบาลทับวัด ข้างๆอาคารผู้ป่ายมีเจดีย์เก่าๆ ไม่รู้วันดีคือดีจะมีใครเห็นอะไรหรือเปล่า :D
โห ใหญ่มากๆ คนสมัยนั้นเค้าสร้างได้ไงเนอะ น่าเอาหนังกลางแปลงไทยไปฉายซักหน่อยนะ อิอิ
เทพธิดายิ้ม สอยมาสักชุดไหมครับ ? :P
ใช่เขาของ zeus ป่าวนิ
อยากมาแนววิชาการ แต่อดแซวไม่ได้ว่า เสื้อสีเจ็บจริงๆ แจ๊ดมากๆ
(แต่ตอนนนี้สีนี้ ถ้าอยู่เมืองไทยจะโดนแซว นะรู้ป่าว)
เอื๊อก พี่คูณ บ่อ กล้า กิน
สรุป..
เอเธนนี่ เป็นอีกเมืองที่พี่ฝันไฝ่อยากไปครับ (ทำไมไปแต่เมืองที่เราอยากไปอ่ะ)
แต่ไม่รู้จะเหมือนที่คิดไว้ไหม อยากไปสัมผัสรากเหง้าวัฒนธรรมตะวันตกจริงๆ (แต่เหมือนจะได้ไปเรียนที่ๆ เป็น derivative ของยุโรปอีกที T_T )
ขอบคุณมากๆ สำหรับภาพสวยๆและข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆนะครับ :D
กะไว้แล้วค่ะ
ว่าหินขาวๆ แถมนักท่องเที่ยวเยอะๆ เราต้องใส่เสื้อสีแจ๊ดๆ จะได้ไม่หลงกัน อิอิ
(พี่เต่าก็ใส่สีแดงสดเชียว)
ไม่ได้สอยแฮะ ^ ^'
กลัวว่าใส่แล้วจะดูไม่จืด
แต่อร่อยนะคะ เนื้อแกะนุ่มเชียว
เปื่อย ละลายในลิ้น
^ ^
เมืองพวกนี้มาเที่ยวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ
มาเรียนจริงๆ อาจจะไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้
โลกมันเปลี่ยนไปเสมอ...บางที...สิ่งที่อ่านมากับโลกแห่งความเป็นจริง มันก็ไม่เหมือนกันมากนะ อิอิ
รอยอดีต เผย รอยอารยธรรม..
อันนี้สุดยอด เสียดายถ้ายังอยู่ครบสมบูรณ์ละก็ รับรองสวยขนาด..
ใช่ๆ อิอิ เห็นด้วย
แต่นะ..มันก็เป็นเวลาประมาณ 2 พันปีมาแล้ว รอดมาได้เท่านี้ก็หรูแล้วล่ะ
^ ^
ที่เอเธอนส์ขุดลงไปตรงไหนก็เจอซากเก่าๆ ในอาคารบางแห่งเขาก็เอากระจกปิด โชว์ให้เห็นกันจะๆ เลย ว่าในหลุมนั้นเป็นรากฐานของโบราณสถาน
เพิ่งเห็นความคิดเห็นนี้ (เอ่อหมายถึงของพี่คูณนะคะ เหวอจัด ลืม quote อีก - -') มองข้ามไปได้ไง ชอบจัง ความเห็นยาวๆ เพราะเราชอบเสวนาวิชาการ หุหุหุ
พี่ว่า ตอนนี้ทุกๆที่ในโลก ก็เกิด "การซ้อนทับทางวัฒนธรรม" กันทั้งหมดแหละครับ แม้แต่เมืองที่เกิดขึ้นใหม่ เวลาเปลี่ยน คนเปลี่บน ความคิดเปลี่ยน แค่คนรุ่นพ่อแม่เรายังมีอะไรที่แตกต่างกับเราตั้งมากมายเนอะ
.
.
ใช่ค่ะ นั่นก็คือสิ่งที่ยิ้มบอกไปด้านบนเหมือนกัน ว่าการซ้อนมับมันเกิดทุกที่ แต่เพราะสองเงื่อนไขนั่นมันทำให้สิ่งต่างๆ หลงเหลือมาในยุคปัจจุบันไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้น..เวลาที่คนถามว่า "โฮ้ย พวกโบราณสถาน หรือโบราณวัตถุมันไมหมดไปเรื่อยๆ เหรอ ขุดกันทุกวันๆ " ยิ้มก็มักจะตอบว่า "ไม่หรอก ตราบใดที่มนุษย์เรายังประกอบกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมพวกนั้นมันทิ้งร่องรอยเอาไว้หมดแหละ โบราณคดีไม่ใช่ล่าสมบัตินะ แต่เป็นการเรียนรู้ว่ามนุษย์เราในอดีตดำรงชีวิตยังไง"
ช่วงก่อนไป มาหลายวัดเหมือนกัน เห็นภาพเขียนถูก เขียนทับไปก็ใจหาย เสียดายที่จะไม่ได้เห็นภาพเขียนของคนในอดีต แต่พอไปวัดลำปางหลวง วัดพระสิงห์ ก็เห็นภาพเขียนที่นับวันจะจางลงจางลง ก็เลยไม่รู้ว่าแบบไหนจะดีกว่ากัน
.
.
ตรงกะหัวข้อ thesis เราเลย ฮัดช้าๆ
รัฐที่นับถือศาสนาพุทธ เชื่อในเรื่องการทำบุญโดยสร้างศาสนสถานค่ะ หากไม่มีแนวคิดตะวันตกเรื่องการอนุรักษ์เข้ามาเอี่ยว ชาวบ้านจะซ่อมแซม บูรณะวัดเก่าๆ โดยการสร้างใหม่ทับไปเลย กรณีภาพเขียนนี่ก็ด้วย โดยเชื่อว่า...เป็นการทำบุญ ไม่ได้คิดหรอกว่าเป็นการทำลายหลักฐานทางวัฒนธรรม
แนวคิดและความเชื่อของชาวบ้าน กับ Dominant discourse of heritage (วาทกรรมหลักแห่งมรดกทางวัฒนธรรม) ที่เราๆ ได้รับอิทธิพลมาจากทางตะวันตก บางทีก็สวนทางกัน
คำถามก็คือ...ความพอดีอยู่ตรงไหน??
การทำให้ของเก่า เก่าช้าลงๆ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ฮอตฮิตในวงการ แต่ก็ตองไม่ลืมว่า pigment บางทีมันก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรจีรัง
แต่ที่นี่เหมือนเค้าจะพยายามรักษาโครงสร้างไว้ให้เหมือนเดิมที่สุด แยกคนละที่กับที่อยู่คนปัจจุบนเลย (หรือเปล่า)
.
.
Acropolis โชคดี ที่มันเป็นโบราณสถานที่แบกออกมาจากเมืองโดยชัดเจน ตอนที่ยังเป็น living heritage อยู่ Acropolis ก็มีหน้าที่เฉพาะที่ทำให้โดดเด่นแยกออกมาจากการใช้งานปกติของมนุษย์อยู่แล้ว การอนุรักษ์เลยค่อนข้าง Straightforward
ในประเทศไทย..เรามี 2 ตัวอย่างให้ท่านดู
1. สุโขทัย - แยกออกมาจากเมืองใหม่เลย ชาบ้านอยู่ใกล้ๆ ก็ย้ายซะ ปลูกหญ้า ทำเป็น Historical Park ไปเลย - คชอบมาก บอกว่าสวย เที่ยวสะดวก แต่นักโบราณคดีในยุคนั้นหลายท่านร้องไห้ บอกว่าเป็นการทำลายหลักฐานทางโบราณคดี และทำลายความเป็นของแท้และดั้งเดิม (Authenticity)
2. อยุธยา หรือ เวียงกุมกามก็ได้ - อันนี้โบราณสถานแทรกเมือง ก็พยายามจะให้กลมกลืนกัน แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แนวนี้...นักวิชาการตะวันตกชอบ บอกว่าประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จะได้ไม่ต้องถูกกีดกัน ทำให้รู้สึกว่าโบราณสถานเป็น 'ของรัฐ' หรือของ 'คนอื่น' เป็นการแสดงให้เหนถึงการซ้อนทับทงวัฒนธรรมใน living heritage อย่างแท้จริง
แต่...
คนไทยพร้อมหรือยัง ที่จะดูแลโบราณสถานให้ถูกต้องตามหลักสากล (เพราะอยุธยาเป็น World Heritage ไปแล้ว จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงกฎของ UNESCO WHC)
ก็หาสมดุลกันไปละกันเนอะ มันไม่มีคำว่า 'ถูก' หรือ 'ผิด' อย่างโจ่งแจ้งในการจัดการมรดกทางวัฒนธรรมหรอก คำตอบคือ 'สิ่งที่เหมาะสมกับสภาพสังคม' มากที่สุดต่างหากล่ะเนอะ
เอื้ย เข้าทางๆ มาเป็นชุด 5 5 5
ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ หลังจากที่สงสัยมานาน
พี่เคยประวัติกรุงเทพ บอกว่ารื้อถอนอิฐจากอยุธยามาสร้างกำแพงเมือง ตอนนั้นพี่ก็ติดว่า เสียดายคนโบราณไม่น่าไปรื้อเลย น่าจะอนุรักษณ์ไว้ แต่ลืมไป แนวคิดอนุรักษณ์อาจจะมาทีหลัง แล้วคนที่อยู่สมัยเดียวกัน ก็คงไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่มีค่ามาก เหมือน ตอนนี้ เหมือนเราตอนนี้ก็คงไม่ได้คิดอะไรมากกับของที่อยู่ในยุคเดียวกับเรา :D
ใช่แล้วค่ะ ^ ^'
อาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่า รูปปั้นกรีก โรมันที่เห็นเป็นหินอ่อนสีขาว ทรงคุณค่าน่ะ
ในสมัยของมัน... หน้าตามันก็ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาสีๆ หน้า แมคโดนัลด์ หรือ เคเอฟซีหรอก เพราะว่า..ในสมัยนั้น วัตถุต่างๆ ก็คือของใช้ ของประดับร่วมสมัย
อยากสอบถามเรื่องสนามบินที่เเอเธนส์ค่ะ ว่าTerminalของสนามบินในประเทศ มา Terminalของสนามบินระหว่างประเทศไกลหรือเปล่าค่ะ อยู่ตึกเดียวกันหรือเปล่า คล้ายสนามบินสุวรรณภูมิหรือเปล่าค่ะ
(คือจองตั๋วไปซานโตรินี่ของ Aegean air ไว้ ขากลับต้องบินต่อกลับกรุงเทพเลย ปรากฎว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากสายการบินทำให้เหลือเวลาแค่ 1 ช.มในการเดินทางจากสายการบินภายในประเทศกรีซ ไปขึ้นเครื่องสายการบินไทย ระหว่างประเทศ )อยากทราบว่าจะทันรึเปล่าค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ยังไม่ได้ไปเลยค่ะเมืองนี้ แต่จะไม่พลาดเป็นอันขาด
แสดงความคิดเห็น