วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2551

หลากสีสัน กับ 2 วัน ใน Istanbul




27-30 September 2008

อัลบั้มที่สองมาแล้วค่ะ...ไวกว่ากำหนดนิดนึง เนื่องจากทางบ้านรอดูรูปอยู่ แหะๆ ^ ^'

Istanbul เป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกี เป็นเมืองที่ถูกแบ่งออกป็น 2 ส่วน คือส่วนเอเชียและส่วนยุโรปโดยช่องแคบ Bosphorus (อ่านว่า บอส - ฟอร์) โดยส่วนตัวแล้วเป็นเมืองที่ยิ้มชอบมากเลยค่ะ มีความเป็น 'วัฒนธรรม' ดี เป็นเมืองที่มีคาแรกเตอร์เด่นชัด รวมทั้งความเป็นตะวันตกกับตะวันออกมาผสมผสานกันอย่างกลมกลืนบ้าง ไม่กลมกลืนบ้าง แต่มีสีสันในตัวอย่างน่าอัศจรรย์





ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายดีนะ สงสัยจะต้องเป็น หลากหลายทางวัฒนธรรม, colourful, vibrant, vivid, emotional, และอื่นๆ อีกมากมาย

เมืองอิสตันบูลนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่สมัย ก่อนประวัติศาสตร์ แต่ว่าเริ่มนับตั้งแต่สมัยสำคัญๆ ดีกว่าเนาะ เรียกว่านับว่ามีความสำคัญมาตั้งแต่สมัย Byzantine, Constantinople (อิทธิพลจากโรมัน) และสมัย Ottoman (เข้าสู่ความเป็นอิสลามเต็มตัว)

ในเวลา 2 วัน โปรแกรมอัดแน่นเต็มที่ ได้เห็นสถานที่สำคัญๆ ของเมืองเกือบครบเลยทีเดียว ต้องขอขอบคุณเจ้าบ้าน คุณ Thierry เพื่อนของพี่เต่าที่ให้ความอนุเคราะห์ทั้งที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ พร้อมทั้งโปรแกรมทัวร์อันละเอียด อัลบั้มนี้..คงเป็นแค่น้ำจิ้ม หรือ Appetiser เท่านั้น เนื่องจากเจ้าของบล็อกต้องการบันทึกไว้เตือนความจำ หากต้องการชมภาพอย่างละเอียด ขอเชิญที่บล็อกของพี่เต่าตาม link ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพแน่นอน

http://tktao.multiply.com -- โฮมเพจ
http://tktao.multiply.com/photos/album/31 --- อัลบั้ม Istanbul ที่ 1
http://tktao.multiply.com/photos/album/32 --- อัลบั้ม Istanbul ที่ 2


ขอแบ่งการเล่าเรื่องเป็นส่วนๆ ตามสถานที่ที่ได้ไปมาดังนี้นะคะ

1. Hagia Sophia ในภาษากรีก หรือภาษาท้องถิ่นคือ Aya Sofya



ในยุคแรกๆ สิ่งก่อสร้างแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นโบสถ์ค่ะ (หรือเรียกว่ามหาวิหารดี ใหญ่โตซะขนาดนี้) สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้า Justinian ประมาณ ค.ศ. 500 กว่าๆ และคงความยิ่งใหญ่ในอาณาจักรแห่งคริสตศาสนามาเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกอาณาจักร Ottoman เอาชนะในปี 1453 เจ้าบ้านบอกว่า..สิ่งก่อสร้างนี้ แรกเริ่มเดิมทีมีแต่โดมค่ะ เหมือนมหาวิหารอื่นๆ ทั่วไปนั่นแหละ แต่พออาณาจักร Byzantine ล่มสลาย ก็มีเสาแหลมๆ โผล่มาอีก 4 เสา กลายเป็นมัสยิดไปเลย

ก้าวแรกที่เดินเข้าไปใน Aya Sofya รู้สึกขนลุกวาบบบบบ ไม่ได้เป็นเพราะมีสัมผัสที่หกแล้วรู้สึกว่ามีอะไรรอเราอยู่ (เหมือนที่เคยรู้สึกที่ยอร์ค) หรอกนะ แต่ขนลุกเพราะความอลังการน่ะ อย่างตอนที่ไปเที่ยววาติกัน นั่นก็ตื่นตาตื่นใจกับความใหญ่โตมากพอแล้ว มาที่นีมันรู้สึก...ตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่ากับความมลังเมลืองของการตกแต่ง (ที่ใช้ทองประดับประดา)

ที่สำคัญก็คือเราจะมองเห็นร่องรอยของความยิ่งใหญ่ในสมัย Christendom ของอาณาจักร Byzantine จากสถาปัตยกรรม รอยโมเสคที่ยังเหลืออยู่ รอยไม้กางเขน และอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มองเห็นการถูกดัดแปลงใช้เป็นมัสยิดด้วย เราก็จะเห็นทั้งอักษรจากอัล กุรอาน และโมเสครูป Virgin Mary, พระเยซู หรือทูตสวรรค์ กาเบรียลไปในคราวเดียวกัน ดูแปลกตาดี

ชอบมาก...มองเห็นการซ้อนทับทางวัฒนธรรม ขอเรียกสิ่งก่อสร้างแบบนี้ว่า "สถานที่เล่าเรื่อง" น่ะนะ

เสียอย่างหนึ่งก็คือ ตอนเดินชมสถานที่นั้น ข้าพเจ้าหิวไปหน่อย ^ ^' ลงจากเครื่องบินตอนเที่ยง หลังจากนั้นเราก็รวดไปเที่ยวเลย ยังไม่ได้แวะกินข้าวที่ไหน นอกจากข้าวโพดที่ขายหน้า Aya Sofya ในสนนราคา 1 Lira (ประมาณ 50 cent ของ euro) โอย...ข้าวโพดอะไรเนี่ย...แข็งเป็นบ้า หรือว่าคนตุรกีจะกินข้าวโพดแก่ๆ หว่า...ไม่ได้กินข้าวโพดอ่อนๆ อย่างเรา อืม เอาเหอะ...กินกันกระเพาะเปื่อยไปได้ล่ะนะ

2. Basilica Cistern



Cistern คือที่เก็บน้ำ และ Basilica Cistern ถูกเรียกขานตามนี้ เพราะว่าเคยมี Basilica (แปลว่าโบสถ์สำคัญ หรือสิ่งก่อสร้างสาธารณะในยุคโรมัน) อยู่ข้างบน ที่เก็บน้ำนี้ตั้งอยู่ติดๆ กับ Aya Sofya เลย ไม่กว้างใหญ่มาก แต่มีสะพานก่อสร้างให้นักท่องเที่ยวลงไปเดินชมได้ทั่วๆ มีการติดไฟสีแดงๆ ส้มๆ เอาไว้ เสริมความขลัง และความสวยงามให้บรรยากาศ ละม้ายๆ Roman Bath ที่เมือง Bath ประเทศอังกฤษ

เสียดายไม่มีนิทรรศการ หรือพิพิธภัณฑ์มาให้ความรู้เพิ่มเติมเหมือนที่บาธ กะจะหลอกขายไกด์บุคให้อิฉันใช่ไหมคะ ^ ^' กินยากหน่อยนะจ๊ะ เพราะว่าอิฉันชอบมา research หาความรู้ทีหลัง ถ้าไม่เข้าใจอะไร หรือมีข้อสงสัยเวลาเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ

ใน cistern นี้มีเสาสลักเป็นรูปนางเมดูซาอยู่ 2 ต้น (นางในตำนานกรีกที่มีหัวเป็นงู ใครจ้องตาแล้วจะกลายเป็นหิน) ต้นแรกนางกลับหัว อีกต้นตะแคงๆ ยังไม่มีใครรู้ว่าตั้งไว้ทำไม ก็คงต้องปล่อยเป็นปริศนาลึกลับดำมืดต่อไป ไม่รู้เป็นความเชื่อเรื่องโชคลางอะไรรึเปล่าเนอะ

3. Grand Bazaar



ตลาด Grand Bazaar นี้ก็เรียกได้ว่าหลากสีสันอีกละ เพราะว่ามีของขายหลายๆ แบบมาก ทั้งของที่ระลึก ของกิน ของใช้ เฟอร์นิเจอร์ เหมือนเดินจตุจักรเลย เดินไปก็กลัวหลงกัน ก็เลยต้องรอๆ กันหน่อย การซื้อของนี่ก็ต่อราคาได้เหมือนเมืองไทยเลยค่ะ แต่ต่อได้มากบ้าง น้อยบ้างต่างๆ กันไป

4. Blue Mosque



Blue Mosque เป็นสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งของ Istanbul สร้างขึ้นในสมัย Ottoman ละ หนังสือไกด์บุคบอกให้สุภาพสตรีเตรียมผ้าไปคลุมหัวด้วย ศศิษยาก็เลยพกผ้าพันคอติดกระเป๋าไป ไม่อยากใช้ของสาธารณะ เพราะคิดว่าคงผ่านมาแล้วหลายมือ และหลายหัว ช่วงนี้อยู่ในช่วงใกล้จะออกรอมฎอนแล้ว (ถือศีลอด) พวกเราก็เลยแอบอินเทรนด์กันนิดนึงด้วยการอดอาหารตามด้วย

555 พูดเล่นนะคะ จริงๆ แล้วโปรแกรมเที่ยวมันอัดแน่นจนแทบไม่มีเวลากินต่างหาก เพราะเราอยู่ใน Istanbul แค่ 2 วัน สิ่งที่รองท้องไปในช่วงกลางวันของแต่ละวันนั้นก็คือข้าวโพดต้ม และขนมปังโรยงาแบบท้องถิ่น T-T

ตอนเข้า Blue Mosque เราแอบมองเห็นความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ผู้ชายสามารถเข้าไปสวดมนต์ได้ถึงกลางมัสยิด แต่ผู้หญิงจะต้องอยู่รอบนอก หรือไม่ก็ชั้นบน ซึ่งอยู่หลังบริเวณที่กันไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวเข้ามานั่งชมเสียอีก

อืม..ก็ไม่รู้จะว่ายังไงนะคะ เพราะที่เมืองไทยผู้หญิงก็ขึ้นองค์พระธาตุไม่ได้เหมือนกัน (จนเป็นเหตุให้คุณระเบียบรัตน์ออกมาโวยทีนึงแล้ว แต่ขอร้องเถอะค่ะ เรื่องของวัฒนธรรมและความเชื่อ อย่าหักล้างกันง่ายๆ เลย มันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสังคม) เอาเป็นว่า...ยิ้มเชื่อว่าคงเป็นกุศโลบายของคนโบราณอย่างใดอย่างหนึ่งกระมัง อาจจะเป็นเพราะ...เขาไม่อยากให้หญิงชายเข้าใกล้กัน เกรงจะเกิดเรื่องไม่ดี หรืออะไรๆ ก็ว่ากันไป เดากันไปละกัน

5. Dolmabahce Palace



พระราชวังนี้เป็นการผสานเอาความเป็นตะวันตกเข้ามาเต็มตัว สถาปัตยกรรมจะออกแนว Baroque หรือ Neo-classic พระราชวังนี้สร้างเสร็จในปี 1856 ออกมาได้ตะวันตกสมใจ เพราะยิ้มเดินไปเดินมา ก็เกือบลืมไปแน่ะ ว่าเดินอยู่ในเมืองมุสลิม เผลอคิดไปว่าเดินอยู่แถวๆ แวร์ซาย...วินด์เซอร์ หรืออะไรทำนองนั้น มีช่วงเวลาเปลี่ยนการ์ดเหมือนกันด้วยนะ เท่ห์ชะมัด

ทำเลที่ตั้งพระราชวังนี้สวยดีนะคะ อยู่ติด Bosphorus เลย น้องโน้ตเลยถือโอกาสเดินชม + ถ่ายรูปไป เพราะว่าไม่มีเวลาลงไปล่องเรืออย่างที่ตั้งใจไว้

6. Topkapi Palace



นี่ก็เป็นอีกสถานที่ ที่ใครๆ ก็แนะนำให้ไป เพราะเป็นพระราชวังให้องค์สุลต่านมานมนาน ความอลังและสวยงามคงไม่เท่า Dolmabahce แต่ว่าความเก่า ความมีเอกลักษณ์ก็ไม่ได้แพ้กัน ในพระราชวังนี้จะแยกออกเป็นตำหนักๆ ไม่ได้รวมกันหนึ่งเดียวเหมือนพระราชวังแบบตะวันตก ส่วนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Harem หรือ ราชฐานชั้นในนั่นเอง



คำว่าฮาเร็ม คนไทยจะเอาไปใช้ในความหมายทางลบ คล้ายๆ กับแหล่งบันเทิงที่เต็มไปด้วยสาวสะคราญห้อมล้อมชายหนุ่ม จริงๆ แล้วมันก็ถูกอยู่นะ แต่ไม่ได้ถูกไปทั้งหมดเสียทีเดียว จริงๆ แล้ว ฮาเร็มน่าจะเรียกได้ว่าเป็นราชฐานชั้นในที่มี Queen Mum (พระมารดาของสุลต่าน), เจ้าชาย เจ้าหญิงองค์น้อยๆ และนางสนมอยู่มากกว่า ไม่ได้เป็นคลังสตรีโดยหน้าที่หลัก

อื่ม..แต่กระนั้นก็ดี...พอเดินมาถึงหอพักของสาวๆ แล้วก็เกิดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจขึ้นมานิดๆ เพราะว่าอ่านป้ายข้อมูลแล้วได้ความว่า..สาวๆ ที่ถูกส่งมาบรรณาการจะต้องเริ่มจากเป็นทาส หากพระมารดาพอใจก็จคัดไว้ให้สุลต่าน ถ้ามีลูกก็ได้ยศได้เงินกันไป "แต่" ทั้งนี้ทั้งนั้น...นางบำเรอเหล่านั้นต้องไม่ใช่มุสลิม คริสต์ หรือ ยิว เพราะตามกฎแล้ว...ใช้คนเหล่านั้นเป็นทาสไม่ได้

อ้าวววววววว งั้นก็เหลือชาวพุทธ เต๋า ขงจื๊อ ชินโต พราหมณ์ ซิกข์ และคนนอกศาสนาสิ ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ เฮ้อ...ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกันนะ ก็แหม...สัตว์โลก...ย่อมรักพวกพ้องของตนมากกว่าพวกอื่นอยู่แล้ว

7. อาหาร

อาหารตุรกีแบบ traditional อร่อยมากค่ะ ที่นี่กินแกะกันเป็นล่ำเป็นสัน กินกันเพลินไปเลย (เพราะคนตุรกีเขาไม่กินหมู ส่วนยิ้มไม่กินเนื้อ ไม่มีตัวเลือกให้มากนักหรอก)

วันที่สองเจ้าบ้านพาไปเลี้ยงอาหารแบบ traditional มื้อนึง โอ...อลังการงานสร้างมาก เพราะอาหารเรียกน้ำย่อยเขาคือซุปไก่ รสชาติออกนมๆ เนยๆ นิดหน่อย คล้ายของตะวันตกดี ส่วนจานเล็กจานน้อยก็เป็นพวกชีส น้ำผึ้ง แยมผลไม้ ลูกอินทผลัม ไส้กรอก แฮม (ทำจากเนื้อ) มะกอก ขนมปัง อาหารที่คล้ายๆ พายแต่ไส้ชีสและผักโขมอะไรพวกนั้น ซึ่งส่วนมากจะหวาน เลยไม่ค่อยได้กิน

อาหารหลักเป็นแกะอบ...นุ่มละมุนลิ้น รสชาติเหมือนขาหมูมาก นึกอยากได้น้ำจิ้มสีส้มๆ เผ็ดๆ เปรี้ยวๆ เอามากินกับข้าวแฮะ ส่วนของหวานเป็นขนมประจำถิ่นเป็นแผ่นแป้งบางๆ ทับกัน ราดด้วยนม และเม็ดทับทิม อร่อยแบบแปลกๆ ดี

เครื่องดื่มก็รสดีไม่แพ้กันค่ะ ชา...มาเสิร์ฟในลักษณะหม้อกลั่น ต้มให้เดือดตลอดเวลา เทหัวชาใส่แก้วนิดหน่อย ผสมน้ำเยอะๆ เพราะว่าชาเขาแรงมาก (แต่กลิ่นหอมดี ไม่เหมือนชาแถวๆ อินเดีย หรือจีนแฮะ) ส่วนน้ำผลไม้ที่เขาเสิร์ฟกับอาหารเป็นน้ำทับทิม ใส่น้ำผึ้ง น้ำมะนาว ปรุงรสได้กลมกล่อม โอ....อร่อยมากค่ะ จัดการไปเลย 2 แก้ว

สรุป: อยู่แค่ 2 วัน แต่ใช้เวลาได้คุ้มทุกดอกเลยนะจ๊ะ

35 ความคิดเห็น:

Gift waidhaya กล่าวว่า...

งี้ด พี่อยากไปเมียงแขก

อยากไปดู necropolis (มันอยู่ที่นี่ป่ะ)

Gift waidhaya กล่าวว่า...

แมวแขกนี่เขาหน้าไม่เหมือนแมวบ้านเราเลยเนอะ

Gift waidhaya กล่าวว่า...

ปลาไหงตัวเท่ามะหยัง? -''-

Gift waidhaya กล่าวว่า...

สวยมากกกกกกกกก

Gift waidhaya กล่าวว่า...

แอร๊ยยย พี่จะเป็นหินป่ะเนี่ย

Gift waidhaya กล่าวว่า...

จะว่าไปก็อยากเห็นยิ้มใส่นะ...



คงดูไม่จืด

Yim S. กล่าวว่า...

necropolis (สุสาน) เหรอ ไม่รู้เหมือนกันแฮะ
แต่ในตุรกีมี acropolis (เมืองสูง) อยู่ที่เมือง pergamum แหละ
เดี๋ยวลงรูปในอัลบั้มหน้า

Yim S. กล่าวว่า...

หรือมันจะเป็นแมวลูกครึ่งเปอร์เซีย ^ ^'

Yim S. กล่าวว่า...

ไว้มีร้านข้าวขาหมูมาว่าจ้างไปเป็นพรีเซนเตอร์จะยอมใส่ อิอิ

ipanpook p กล่าวว่า...

ฮ่าๆ อุตส่าห์ไปถ่ายมาตั้งไกล ที่ยอร์คก็มีคู่นึงไม่ใช่เหรอ?

:D

ipanpook p กล่าวว่า...

บรรยายอย่างนี้ทำให้บล็อคน่าติดตามและน่าสนใจมากมาย ;-) ได้ความรู้ไปพร้อมกับรูปที่นำมาบรรยายและรูปอื่นๆ ในอัลบั้มอ่ะ...

ให้ 10/10 (เดี๋ยวเลียนแบบมั่งดีกว่า ฮ่าๆ)

สุดท้ายแล้วก็........................ อยากไป T_T

Yim S. กล่าวว่า...

^ ^

ลุงนี่ล่ะก้อ...

Yim S. กล่าวว่า...

เลียนแบบ คิดค่าลิขสิทธิ์นะลุง

Santi Santiago กล่าวว่า...

อยากไปบ้างอะ.. อิสตันบูล เลิศกว่าที่คิดไว้เยอะ..จิงๆ
นอกจากภาษาอาหรับแล้ว พวกตุรกีในเมืองนี้ พอพูดฝรั่งเศส ได้บ้างไหมอะ..
เพราะในฝรั่งเศส มีร้านอาหารแนวเกบับ ของพวกตุรกี ก็ค่อนข้างเยอะ..
ว่าแต่ ชาตุรกี แชมป์ชอบมากๆ ฮะๆๆ โดยเฉพาะรสมินท์

Santi Santiago กล่าวว่า...

สถาปัตยกรรมของที่นี้ ก็หนึ่งในสุดยอดเช่นกัน

Yim S. กล่าวว่า...

อื่ม..คิดว่าน่าจะพอมีคนพูดฝรั่งเศสได้บ้างนะ
แต่เค้าก็พูดภาษาอังกฤษกันอ้ะ สื่อสารได้สบายดี ไม่ยากเย็น
ไม่เหมือนตอนไปฝรั่งเศส ^ ^' ที่เราถามไปเป็นภาษาอังกฤษ แต่คนตอบตอบมาเป็นฝรั่งเศสยาวเหยียดเลย

Yim S. กล่าวว่า...

ช่ายๆ
มันสวยแบบมีลักษณะเฉพาะดี

a mossy กล่าวว่า...

กรี๊ดๆๆ อิจฉาคนได้แอ่ว (>.<)

Nattama Pongpairoj กล่าวว่า...

ชอบตุรกีจ่ะ

Yim S. กล่าวว่า...

พี่ยุง: ^ ^' ตอนนั้นมันไม่มีบ้านอยู่อ้ะ

พี่เล็ก: ยิ้มก็ชอบมากๆ เหมือนกันค่ะ

Thanit Lim กล่าวว่า...

ของจีนก็มีนะรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม แต่แขวนไม้กางเขนเป็นเซรามิกสวยเชียว เป็นการผสมผสานความเชื่อพื้นเมืองกับภายนอกเข้ากันอย่างลงตัว

Yim S. กล่าวว่า...

เหรอๆ ๆ
อยากเห็นๆ

ชอบอะไรที่มันดูผวฃสมผสานซ้อนทับอ้ะ อิอิ

Pitipat Srichairat กล่าวว่า...

จิงจังซะนึกว่ากำลังวิเคราะห์สุสานมัมมี่

Yim S. กล่าวว่า...

^ ^'

แหมๆ ก็กำลังวิเคราะห์ราคาของ + คำนวณจำนวนเงินที่อยู่ในกระเป๋าอยู่

Pitipat Srichairat กล่าวว่า...

อาจจะเป็นแมวผสมผสานทางวัฒนธรรมก็ได้นะ... พ่อมาจากยุโรป แม่ทางเอเชีย

Yim S. กล่าวว่า...

ถ้าคนลูกครึ่งมีตาคนละสีแบบนี้บ้างคงเท่พิลึก อิอิ

Heathrow :D กล่าวว่า...

อยากไปมากๆ อิสตันบูล
รู้สึกว่าเป็นเมืองหลวงของหลายอารยธรรมตลอดช่วงเวลาเลย

Heathrow :D กล่าวว่า...

รูปนี้สวยสุดๆ มีเอกลักษณ์มากๆเลย

Heathrow :D กล่าวว่า...

ไม่เห็นเหมือนทับทิมบ้านเราเลย เค้าแกะน่ากินเนอะ

Heathrow :D กล่าวว่า...

ชอบคำบรรยาย :D

Heathrow :D กล่าวว่า...

ตานึงเอาไว้ดูเวลา กลางวัน อีกตามเอาไว้ดูเวลากลางคืนครับ :D

Heathrow :D กล่าวว่า...

ดูแล้ว มีหลากหลายศิลปะมากเลยเนอะ เดี๋ยวก็เหมือน ยิว เดี๋ยวก็เหมือนฝรั่ง เดี๋ยวก็เหมือน อาหรับ

เป็นเมืองที่มีความหลากลายมากๆเลย ต้องหาโอกาสไปเยือนสักครั้งในชีวิตแน่นอนครับ :D

Yim S. กล่าวว่า...

เนอะ เหมือนมันจะบ่งบอกอะไรหลายๆ อย่างที่เป็น 'Istanbul' ได้ดีน่ะค่ะ
ทั้งมัสยิด บ้านเรือนวุ่นวาย ช่องแคบ Bosphorus ที่แบ่งความเป็นยุโรปกับเอเชีย

Yim S. กล่าวว่า...

ลูกของเค้าโต๊..โต น่ากิน ^ ^
ทับทิมไทยแกะยากง่ะ คงทำแบบนี้ไม่ได้ แหะๆ

Yim S. กล่าวว่า...

คุ้มค่าแน่นอนๆ
recommend ค่ะ