วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Haworth, Wuthering Heights: ตามรอย The Brontës ในชนบทอังกฤษ






สวัสดีค่ะเพื่อนพ้อง น้องพี่ใน multiply วันนี้ก็ถือโอกาสมาแนะนำหมู่บ้านเล็กๆ น่ารักแบบอังกฤษที่เหมาะแก่การจัดเป็น Day Trip จาก York, Leeds, Manchester หรือเมืองอื่นๆ ในเขต Yorkshire และ Midland นะคะ

ไม่ค่อยมีรูปตัวเองเลยค่ะ รูปตัวเองอยู่ในกล้องคนอื่นนะ ไว้ได้มาก็ค่อยเอามาเพิ่มละกัน เป้าหมายในการเดินทางของเราในวันนี้คือ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า "Haworth" ค่ะ เป็นหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของ 3 สาวพี่น้องตระกูล Brontë (อ่านว่า บรอนทิ) เล่ามาถึงตรงนี้...คนอ่านอาจจะงงๆ

"ใครหว่า ตระกูล Brontë"

เจ้าของบล็อกก็จะขอขยายความอีกนิดว่า บุคคลมีชื่อในตระกูลนั้นคือ Charlotte, Emily และ Anne ผลงานของพวกเธอก็ได้แก่เรื่อง Jane Eyre (เจน แอร์ - ที่เป็นเค้าโครงของละครเรื่อง รักเดียวของเจนจิรา ที่นำแสดงโดยจอยกะวิลลี่ไงคะ) และเรื่อง Wuthering Heights

เรียกได้ว่าป็นพวกเธอก็อยู่ในกลุ่มนักเขียนรุ่นคลาสสิคของอังกฤษละม้ายๆ Charles Dickens หรือ Jane Austen ประมาณนั้นมั้ง (ถ้าไม่ถูก พี่โบว์แย้งทีนะคะ ^ ^')

เรื่อง Wuthering Heights นี่เอง...ที่ถูกแปลเป็นหลายๆ ภาษา ถูกเอาไปทำภาพยนตร์ก็หลายหน ถูกบรรจุเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของญี่ปุ่นด้วย หมู่บ้านนี้เลยต้องรองรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเยอะหน่อย และเหตุผลที่เราไปเยี่ยมเมืองนี้กันก็เพราะว่า โอโตเมะ เพื่อนสาวชาวญี่ปุ่นแกอยากไปน่ะค่ะ แหะๆ ไอ้เราก็ อื่ม...แล้วแต่ ไปไหนก็ได้ I just need a day off อยากไปก็ไป Heather Moorland ก็ดูสวยดี เคยเห็นทุ่งแบบนี้จากระยะไกลๆ ตอนไป Isle of Wight แต่ก็ไม่เคยไปเดินในทุ่งหรอก ก็เลยตกลงไปด้วย แล้วเราก็เริ่มเดินทางกัน

สามสาว (โอโตเมะ ยิ้ม แคทเธอรีน) นัดกันตอนเก้าโมงกว่าๆ ที่สถานีรถไฟ ออกเดินทางจาก York ไป Leeds เปลี่ยนรถไฟที่นั่นเพื่อต่อไปเมือง Keighley รถไฟครึ่งหลังนี่ทำเอาเรางงงวยกันไปเลย เพราะว่ามันเก่าและแคบมาก เหมือนรถเมล์ขนส่งระหว่างจังหวัดก็ไม่ปาน แต่ก็ทนๆ เบียดเอาเถอะ เพราะว่าใช้เวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้นเราก็ถึงปลายทาง

จาก Keighley เราก็ซื้อตั๋วรถไฟของ Worth Valley เพื่อจะไป Haworth (จริงๆ จะต่อรถบัสไป Haworth ก็ได้นะ ถูกกว่า) ทางรถไฟสายนี้เป็นทางรถไฟสายเก่า มีแต่รถหัวจักรไอน้ำหรือดีเซลเท่านั้นที่วิ่งในเส้นทาง ส่วนสถานีต่างๆ ก็จะเป็นสถานีแบบโบราณ ชานชาลาเดียว แต่สะอาดสะอ้านสวยงามมาก แหงล่ะ ตั๋วก็ตั้งแพงนี่นา...เรียกได้เส้นทางเหล่านี้เขาทำมาเป็นเส้นทางท่องเที่ยวมากกว่าจะใช้งานจริง สนนราคาเที่ยวละ 5 ปอนด์ ไปกลับ 9 ปอนด์ มีบัตร NUS ลดให้ เหลือ 7 ปอนด์ แต่เราก็ยอมจ่ายกัน เพราะไม่เคยนั่งรถจักรไอน้ำมาก่อน




ขาไปเราต้องนั่งรถจักรดีเซลไป เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทันการค่ะ รถจักรไอน้ำเที่ยวแรก 11.45 ถ้าพวกเรารอขึ้นเที่ยวนั้นก็คงไม่ทันได้เที่ยวใน Haworth พอดี รูปร่างหน้าตาก็เป็นแบบรูปข้างบนนี้ล่ะค่ะ ส่วนด้านในรถเป็นแบบรูปด้านล่างนี้



ใกล้ๆ ตัวสถานีก็มีกองถ่านหินสำรองไว้แบบนี้



อดคิดถึงสมัยก่อนที่เส้นทางเหล่านี้ได้ถูกใช้งานจริงๆ ไม่ได้เลยนะเนี่ย คิดว่าสมัยนั้นตัวสถานีคงไม่สะอาด สะอ้านน่าใช้แบบนี้หรอก เพราะของที่ใช้กันเป็นชีวิตประจำวันกับของหลอกนักท่องเที่ยวมันย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว

คิดไปคิดมาก็ให้สงสัย...ว่าคนเรามักจะพอใจกับอะไรเก่าๆ ดูเป็นวัฒนธรรมๆ และชอบใจกับ the so-called 'cultural tourism' ที่เกิดจากการจำลอง หรือรักษาสภาพของเก่าๆ เอาไว้ แต่เราพอใจในสิ่งที่มันเป็นเป็น (สภาพเก่าๆ สกปรกๆ แบบที่คนสมัยนั้นใช้กัน) หรือชอบอะไรที่ เสริมแต่ง (สวยงาม ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว) แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้กันแน่

เครียดอีกละ แหะๆ กลับมาเล่าเรื่องต่อกันดีกว่า...

จากสถานี Haworth เดินขึ้นเนินไปอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึงถนนสายหลักของหมู่บ้านนะคะ มันอยู่บนเนินค่ะ ชันมาก ดังในรูปนี้



นี่มองขึ้น



นี่มองลง

หลังจากเดินขึ้นไปจนสุดถนน เราก็มาถึงพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นบ้านเก่าของพี่น้องตระกูล Bronte บ้านเป็นแบบ อังกฤษแท้ๆ...พอเราเข้าไปก็จะเห็นน้องรับแขก ห้องทำงาน ห้องนอน ของนักเขียนทั้งสาม บิดา และน้องชายที่เป็นจิตรกร (บ้านนี้ ศิลปินกันทุกคนเลยแฮะ) เสียดาย...ที่ถ่ายรูปไม่ได้ เลยได้แค่เล่าให้ฟัง

จากการอ่านๆ คร่าวๆ สรุปได้ว่า...สามพี่น้องนี่เขารักการเขียนมากกก และเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมีความคิด 'ล้ำหน้า' ผู้หญิงคนอื่นๆ ในสมัยนั้น (ศตวรรษที่ 19 ตอนต้น) การเขียนหนังสือ...ก็เป็นงานที่ผู้ชายทำมากกว่า พวกเธอจึงต้องใช้นามแฝงเป็นชื่อผู้ชายแทน เหอๆ ๆ แต่รู้สึกว่า Charlotte Bronte ผู้พี่จะกล้าตีพิมพ์ด้วยชื่อจริงนะ เพราะเธอเดินทางลงลอนดอนไปพบปะกับสำนักพิมพ์อยู่เนืองๆ

อย่างไรก็ดี...ตอนนั้นเธอทั้งหลายไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอย่างทุกวันนี้หรอก สมัยนั้นอุปสรรคเย้ออออออ เยอะ ไม่ว่าจะเป็นสภาพสังคม หรืออะไรก็ตาม ชีวิตของพวกเธอก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ราบเรียบบ้าง ขลุกขลักบ้าง เรื่องสุขภาพก็เป็นปัญหาหนึ่ง หลังจากสูญเสียน้องชายไปเป็นคนแรกด้วยวัณโรค Emily, Anne ก็ทยอยล้มหายตายจากกันไปทีละคนๆ จนในที่สุด Charlotte ก็เสียชีวิตไปอีก แต่ละคน...เสียชีวิตตอนอายุ 30 กว่าๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ น่าเสียดายนะ

อืม...จะว่าไปศิลปินดังๆ อย่าง Vincent van Gogh หรือ Robert Schumann ต่างก็ต้องเผชิญชีวิตที่ล้มเหลวกันทั้งนั้น ก่อนที่ผลงานจะกลายมาเป็นผลงานอันเลื่องชื่อไปทั้งโลก เมื่อผู้สร้างสรรค์งานได้ล่วงลับไปแล้ว น่าเศร้านะ...ความสำเร็จ ที่เจ้าของไม่ใคร่จะได้ชื่นชม

พอเดินบ้านของตระกูล Bronte ทั่วแล้วก็ออกมาเติมพลังกัน ร้านอาหารเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลยค่ะ แต่ละร้านก็เล็กๆ น่ารัก ตกแต่งได้น่าเข้าไปนั่งทานทั้งนั้น เราเลยเดินสุ่มเข้าไปในร้านหนึ่ง ยิ้มสั่ง Salmon and crayfish cake มาลอง โอ..อร่อยมากกกกกกกก ปลาเป็นปลา กั้งเป็นกั้ง ทุกอย่างยังเป็นชิ้นๆ อยู่เลย รสชาติก็กำลังพอเหมาะ ปกติก็ไม่ค่อยชอบมัสตาร์ดเท่าไหร่ แต่ซอสมัสตาร์ดของที่นี่ทำอร่อยจริงๆ ส่วน Chips ก็ทำจากมั่นฝรั่งหั่นเอง ทอดสดๆ ใหม่ๆ กินกับผักโขมลวก อาาาา สวรรค์



หลังจากเติมพลังแล้ว พวกเราก็เริ่มออกเดินทางกัน ประตูทางเข้านี่แบบ เอ่อ...นี่ตั้งใจจะกีดกันคนอ้วนใช่มั้ยคะ... = =' แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ยิ้มผ่านได้ค่ะ



เส้นทางเดินครั้งนี้ยาว 6 ไมล์ครึ่ง ถ้าจะไปให้ถึงยอดเขาในทุ่ง Heather ที่เป็นซีนของเรื่อง Wuthering Heights ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ พวกเราคิดกันว่าคงไม่ไหว...เพราะเห็นท่าจะตกรถไฟแน่ๆ เราเลยเดินแบบฉบับย่อซึ่งยาว 5 ไมล์ เลี้ยวกลับตรงน้ำตกแทน (น่าเสียดายจัง เพราะดูท่าแล้ววิวจากข้างบนคงสวยมากอ้ะ)

สองข้างทางก็มีทุ่งดอก Heather สีม่วงขึ้นอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเจ้าทุ่ง Heather นี่ถือเป็นสิ่งแวดล้อมที่ควรแกการอนุรักษ์นะคะ เพราะมันเป็นอะไรที่คงคู่กับการเลี้ยงแกะมานาน และยังก็เป็นที่อยู่อาศัย (Habitat) ของพวกนก พวกสัตว์ต่างๆ ด้วย วันหลังค่อยเขียนบล็อกให้ Heather ละกัน วันนี้มาตามรอยนิยายกันต่อ




ระหว่างทางเราก็เจอแกะประมาณ 25349 ตัว (มั่วจำนวนนะเนี่ย แต่มันเยอะมาก) จริงๆ ก็ไม่ค่อยน่าตื่นตา ตื่นใจเท่าไหร่ ไป Lake District ก็เห็นมาเยอะกว่า เส้นทางก็เป็นทุ่งหญ้าสั้นๆ ที่กิ่วแม่ปาน-ดอยอินทนนท์ก็พอมี แต่ว่า...สิ่งที่พิเศษของทางสายนี้ก็คือ มันให้บรรยากาศชนบทอังกฤษดีมากๆๆ ระหว่างทางก็เจอฟาร์มร้างอยู่ ไม่รู้มีพูดถึงในนิยายรึเปล่า ไอ้เราก็อ่านแต่เรื่องย่อเสียด้วย (เล่มจริงมันหนา ไว้มีเวลาค่อยอ่าน)




เดินไปได้ 2 ไมล์ครึ่งก็ถึงน้ำตก ในรูปที่เคยเห็นนี่ช่างดูอลังการน้ำเยอะมากมาย แต่พอมาเห็นของจริงนั้น เหอๆ ๆ พอไปถึงแล้วก็ได้แต่อุทานว่า นี่น่ะหรือน้ำตก (น้ำตกแม่ยะบ้านเราใหญ่กว่า 30 เท่าค่ะ) อ้ะ..ให้อภัยก็ได้ เพราะว่าแถวนั้นมีดอก Heather สีม่วงๆ ขึ้นแซมหน้าผาสวยงาม ถ้าเรามาตอนฤดูน้ำหลาก...น้ำอาจจะเยอะกว่านี้ก็ได้แฮะ



ตอนที่ถึงน้ำตกพวกเราก็ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมงกว่าแล้ว กลัวตกรถไฟเที่ยว 5 โมงเหมือนกัน ก็เลยรีบจ้ำๆ ๆ ขึ้นเนินเพื่อจะหาทางลัดกลับลงไปที่หมู่บ้าน สองสาว (รวมอิฉันด้วย) หมดแรงหอบแฮ่กๆ กันเลยทีเดียว ทางเดินขึ้นมันชันเหมือนกัน แต่พอหันกลับลงไปมองข้างล่างที่อยู่เบื้องหลัง ก็หายเหนื่อยไปนิด เพราะทุ่งสีม่วงมันก็ดูสวยดี





ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไปถึงยอดเขา แต่บรรยากาศก็โอเค นับว่าพอใจในระดับหนึ่ง เรียกได้ว่า...เป็น Trip วัฒนธรรมที่ Inspiring แต่ไม่ได้ฉูดฉาดบาดใจ

ภาพด้านล่างนี้...ถ่ายตอนเดินกลับลงมาจากบนเขา ก่อนที่ข้าพเจ้าจะล้มกลิ้งลงมาได้แป๊บเดียว คือ...ดูในภาพเหมือนทางมันราบๆ แต่จริงๆ แล้วมันลาดนะคะ แถมเป็นหลุมเป็นบ่ออีกตะหาก เข่าลงเต็มๆ ดันใส่กางเกงขาสามส่วนด้วย แข้งถลอกไปตามระเบียบ T_T ตอนแรกคิดว่าแผลลึกเพราะเลือดออกเยอะ แต่พอเอาน้ำดื่มออกมาล้างดูก็เบาใจไป แค่ถากๆ คงหายไวอยู่ แต่หน้าแข้งคงลาย กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ไม่ยอม



พอมาถึงเมืองก็นั่งรถจักรไฟฟ้ากลับไปที่ Keighley อีกครั้ง จบวันละ สั้นๆ แค่นี้เอง



ก็...สรุปคร่าวๆ ได้ว่า หมู่บ้านนี้น่ารักดีนะคะ ส่วนเส้นทางเดินก็ไม่ได้สวยสุดๆ เหมือนกับ Lake District หรือ Yorkshire Dale แต่มันเป็นเส้นทางสายวัฒนธรรม สายวรรณกรรม คนที่เคยอ่านงานของพี่น้องตระกูล Bronte คงชอบ เพราะมันคงเป็นสถานที่ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายหลายเรื่องอยู่ เรียกได้ว่า...ถ้าขับรถจะไปที่อื่น แวะชมหรือแวะกินอาหารเที่ยงก็ได้ น่ารักดี ไม่เสียหาย แต่ถ้าตั้งใจจะไป Haworth โดยเฉพาะ แต่ไม่อยากเดินใน Heather Moorland ก็ออกจะสิ้นเปลืองไปนิด เพราะเมืองมันเล็กมาก แค่ถนนสายเดียวก็หมดแล้ว

อย่างไรก็ดี..วันนั้นก็สนุกดีค่ะ ได้ไปใช้เวลากับเพื่อนเก่าๆ ได้รู้จักประวัติ และความเป็นมาของพี่น้องตระกูลนักเขียนมากขึ้น ได้เดินทอดน่องในบรรยากาศชนบทอังกฤษ (และได้แผล) คงไม่ลืมไปอีกนาน

35 ความคิดเห็น:

Nitikarn Pinmuang-ngarm กล่าวว่า...

น่าสนุกจังเลย บรรยากาศสดชื่น

Gift waidhaya กล่าวว่า...

เมืองเขาเล็กจริงๆ เนอะ

Gift waidhaya กล่าวว่า...

ให้อารมณ์เหมือนพวกตลาดสามชุกอะไรทำนองเนี้ยมากเลย

Gift waidhaya กล่าวว่า...

ฮัดช้า... น้องแกะ

เอาไปทำกรูหม่าท่าจะอร่อย

Gift waidhaya กล่าวว่า...

ตกลงเรื่องรักเดียวของเจนจิรานี่ไม่ได้เอามาจาก Daddy Long Legs ผสมกับ The Sound of Music เหรอ = ='

Yim S. กล่าวว่า...

เล็กมากๆ เลย เลยถนนหลักไปก็...ไม่ค่อยมีไรละ นอกจากฟาร์ม บ้านคนเล้กๆ

Yim S. กล่าวว่า...

^ ^'

เออ จะว่าไปนิยายพวกนั้นมันคล้ายกันหมดเลยแฮะ

แต่เจน แอร์เหมือนจะคล้ายสุดอ้ะ
ตั้งแต่อยู่กับน้า ลูกพี่ลูกน้องรังแก บลา บลา
แล้วก็...พระเอกตาบอด แล้วก็หาย อะไรทำนองนั้น

Yim S. กล่าวว่า...

ช่ายๆ ๆ อากาศสดชื่นมากเลยแหละ
ไม่ร้อนด้วย เลยเดินทน

ipanpook p กล่าวว่า...

"ประตูทางเข้านี่แบบ เอ่อ...นี่ตั้งใจจะกีดกันคนอ้วนใช่มั้ยคะ... = =' แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ยิ้มผ่านได้ค่ะ"

ฮ่าๆๆๆ :D

Yim S. กล่าวว่า...

...................

Heathrow :D กล่าวว่า...

สวยมากเลยน้องยิ้ม ทั้งวิว ทั้งคน เอ้ย ทั้ง บ้านเรือน ดอกไม้ ธรรมชาติ ได้บรรยากาศอังกฤษจังเลย

Heathrow :D กล่าวว่า...

ยังกับดินแดนสวรรค์เลยเนอะ

ตอนแรกๆ เห็นในหนังสือ นึกว่า จะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์เหมือนทางภาคใต้ของฝรั่งเศส

Heathrow :D กล่าวว่า...

เชื่อแล้วว่า popular มากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น

Heathrow :D กล่าวว่า...

สวยดีจังเลยครับ พี่ชอบ ถนน เนิน และบ้านเรือนแบบนี้ที่สุดครับ ทำไมไม่รู้

Heathrow :D กล่าวว่า...

ยังเป็น hay fever อยู่หรือครับ

ดูเราผอมลงนะ ดีๆงามๆ

Heathrow :D กล่าวว่า...

รูปนี้นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะชวนไปเรียนที่ York หรือเปล่าครับ :P

สรุปแล้ว ชอบอัลบัมนี้มากๆครับ วิวสวยดี ทั้งทุงดอกไม้และบ้านเรือน ทำให้อยากไปเรียนนอกเร็วๆ เลย ดูท่าการออกไปท่องเที่ยวแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ ได้เดิน ได้สุดอากาศบริสุทธิ คุณภาพชีวิตคงดีครับ :D

Yim S. กล่าวว่า...

ทุ่งดอกไม้ทางแถบนี้มีหลายแบบน่ะค่ะ

สีเหลืองของ Rapeseed (man-made)
สีเหลืองของ Gorse (semi man-made)
สีม่วงของ Lavendor
หรือสีม่วงของ Heather

Yim S. กล่าวว่า...

งั้นก็มาเรียน York สิคะ
ใกล้เคียง อิอิ

Yim S. กล่าวว่า...

Hayfever คงหายยากน่ะค่ะ
มันเป็นเรื่องของระบบภูมิคุ้มกัน
แต่วันนั้นโชคดี หุหุ

ช่วงนี้พยายามรักษาภูมิคุ้มกันสุดๆ อ้ะ ผัก ผลไม้ ออกกำลัง อาหารเสริม วิตามิน

Yim S. กล่าวว่า...

ฮ่า ๆ ๆ
อ่านะ

น้องเสื้อดำยังว่างอยู่ด้วยแหละ
เรียนเก่ง ทำอาหารเก่ง เป็นคนจีนที่สะอาดสะอ้าน น่ารัก

Heathrow :D กล่าวว่า...

1) O_o
2) :D

Yim S. กล่าวว่า...

^
^
^
อะไรนิ งง

waleewilai karada กล่าวว่า...

ตามน้องยิ้มไปเที่ยว ^___^
ชอบบรรยากาศแบบนี้จังค่ะ

pong photo กล่าวว่า...

ตามมาเที่ยวด้วย : )

pong photo กล่าวว่า...

น้องยิ้มคนซ้ายหรือเปล่านะ เห็นแต่ฟันขาวๆ 555

pong photo กล่าวว่า...

สาวงามกะดอกไม้

pong photo กล่าวว่า...

ชอบบบบบ...น่านั่งเล่นจังเลย

pong photo กล่าวว่า...

55 น้องยิ้มบอกช้าไป..ว่าจะข้ามจาก Norway ไปช่วยถ่ายรูปให้ : )

Yim S. กล่าวว่า...

อิอิ ยินดีค่า...

Yim S. กล่าวว่า...

ฮ่าๆ ๆ ใช่แล้ว
แอบอยู่ในเงามืด

Yim S. กล่าวว่า...

ทริปหน้ามาอังกฤษนะค้า....

น้องยิ้มรออยู่

tawat 1991 กล่าวว่า...

ทุ่ง Heather ! ! !
สวยงามและมีคุณค่าจริง ๆ ครับ
อยากไปเห็นด้วยตาซักครั้งจัง

Yim S. กล่าวว่า...

อิอิ มาเลยค่ะๆ
มันออกช่วงประมาณเดือนสิงหาเท่านั้นนะคะ

Luvhvge 'Bank' Sattayakawee กล่าวว่า...

ตอนแรกก็ดูไว้เหมือนกันว่าจะไปที่นี่ แต่ดูแล้วไปค่อนข้างยากนิดนึงจาก Sheffield เลยเปลี่ยนใจไป Saltaire ไปดู David Hockney แทน สวยดีเหมือนกันนะเนีย แล้วค่อยแวะไปวันหลัง

Yim S. กล่าวว่า...

ไปช่วงต้นๆ - กลางๆ เดือน august นะพี่แบงค์
heather จะได้เป็นสีม่วงจัด
ยิ้มไปตอนปลายๆ เดือน มันเริ่มกลายเป็นสีน้ำตาลไปบ้างละ