วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2549

นิราศลอนดอน 2001


ตอนแรกตั้งใจจะใช้ส่วนนี้เล่าถึงสถานที่ที่เคยเที่ยวมาน่ะค่ะ ^ ^ ก็มีทั้งในและนอกประเทศ แต่ว่าก็คงจะเริ่มต้นจากประเทศอังกฤษก่อน เพราะทุกอย่างเริ่มต้นที่นี่...เรียกว่าออกมาจากอ้อมอกพ่อแม่ก็เริ่มเดินที่นี่ก่อนเลย พอดีเคยแต่งกลอนเอาไว้แล้วเป็น นิราศ uk แต่ว่า ท่าทางคงจะไม่ได้เขียนถึงเมืองอื่นๆ แน่ๆ เลย ช่วงนี้หมดไฟเขียนกลอนแล้วล่ะ ขอลงไปก่อนนะคะ

ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ตั้งใจว่าจะเอาไว้เขียนกลอนแทน ที่เที่ยวเขียนด้านบนดีกว่า มีรูปด้วย

หมายเหตุ: บังเอิญว่า นิราศลอนดอน เคยมีแล้วเสียด้วยสิ...คงต้องเติมปีที่เขียนเอาไว้ แล้วตอนต่อ ๆ ไปจะเริ่มขยับขยายไปเมืองอื่น ๆ ออกแนวหนังสือท่องเที่ยวค่ะ

ส่วนรูปที่ลง ไม่ได้พูดถึงในนี้เลย -_-   แปะไปก่อน ง่วงๆอยู่ตอนนี้ ไว้ค่อยไปค้นหารูปที่เกี่ยวทีหลังนะค้า....

เมื่อนกเหล็กทะยานลู่สู่เวหาบนฟากฟ้าสุกสกาววาวดาราพสุธาก็พร่างพราวดาวบนดิน

 มองไม่เห็นดวงดาวในดวงตา

ความเหนื่อยล้าคงกลบลบเสียสิ้น

เพลานี้ต้องพลัดไปถึงไกลถิ่น

สู่แดนดินนามเลื่องเมืองผู้ดี



นั่งสับสนข้างในให้ไหวหวั่น

จะทำอย่างไรกันใจฉันนี้

อยากลิ้มรสอิสรภาพความเสรี

เป็นสิ่งที่ไม่เคยมี ตลอดมา



อีกใจหนึ่งให้เศร้าเฝ้าพะวง

ด้วยพ่อแม่ท่านคงถวิลหา

เมื่อลุกนกบินไกลจนสุดหล้า

บินไปจนลับตาขอบฟ้าคราม



ไม่อาจข่มตาลงให้หลับได้

ด้วยข้างในระดมไปด้วยคำถาม

ด้วยอยากมีอนาคตที่งดงาม

ด้วยครั่นคร้ามต่อเส้นทางข้างหน้าเรา



Heathrow ช่างคลาคล่ำด้วยผู้คน

ช่างวุ่นวาย สับสน ในยามเช้า

แต่ไม่อาจลบเลือนเกลื่อนความเหงา

และไม่อาจลบเงาเศร้าทรวงใน



เพียงไม่นานก็พบกับเจ้าหน้าที่

ผู้แสนดีจัดการเรื่องกระเป๋าให้

สำนักงาน ก.พ. อยู่เสียไกล

นั่งเหม่อมองออกไปตามรายทาง



จะมัวนั่งทุกข์ระทมก็ใช่ที่

ยิ่งเผาไหม้ฤดีให้อ้างว้าง

นั่งสังเกตพุ่มพฤกษ์ตามทุ่งกว้าง

แล้วปล่อยวางความหมองหม่นบนทางจร



อีกไม่นานก็ถึง สำนักงาน

เปรียบเหมือนบ้านนักเรียนไทยในวันก่อน

ณ วันนี้ก็ยังเป็นเช่นรังนอน

เหล่านักเรียนได้พักผ่อนหย่อนอารมณ์

  

ปล่อยความคิดล่องลอยไปใน Hyde Park

มวลดอกไม้หลายหลากช่างงามสม

เดินเลียบฝั่ง Serpentine กลางสายลม

มองกระรอกตา-กลมวิ่งลับไป





มองหงส์ห่านในลำธารว่ายเป็นคู่

คนที่ฝันไม่รู้อยู่หนไหน

มองผิวน้ำเรื่อแดดแผดเผาใจ

เดินต่อไปบนทางเปลี่ยวทนเดียวดาย





Albert memorial ตั้งตระหง่าน

สูงตระการคู่สวนกว้างไม่ห่างหาย

อยากมีคนคอยอยู่คู่เคียงกาย

ยังไม่วายย้อนมาเหงาเศร้าในทรวง



China town แออัดด้วยฝูงชน

ยังมากล้นแม้เวลาจะเลยล่วง

ยามราตรีสว่างไสวไฟทุกดวง

แสนเป็นห่วงแมลงหลงแสงไฟ



เดินท่องไปถึง Covent Garden

ดูโดดเด่นน่าเดินเล่นเป็นไฉน

แด่ผู้มีศิลปะในหัวใจ

สาขาใดแสดงได้ไม่ว่ากัน



เมื่อตกดึกได้เวลาสนทนา

เรื่องมากมายสรรหามาสร้างสรรค์

บ้างค้นหา topic ประจำวัน

บ้างก็ดูเพ้อฝันจำนรรจา





อยู่ไกลบ้านมีเพื่อนกันเพียงเท่านี้

คุณภาพดี ๆ สำคัญกว่า

ปริมาณมากเท่าไหร่ไม่นำพา

อีกไม่นานต้องจากลาสู่ทางตน



ยิ่งคิด มากเท่าไรให้ใจสั่น

ยิ่งใกล้วันต้องจากไกลให้สับสน

มิตรภาพหยั่งรากไว้ในใจคน

อีกไม่นานคงงอกต้นบนผืนดิน



4 ความคิดเห็น:

atithep chaiyasit กล่าวว่า...

ครั้งแรกที่ได้พบบทกวีนี้คือที่สุดิพันธ์
ลงชื่อว่า ฉันไม่ใช่กวีฝีมือฉกาจ
ตอนนั้นไม่รู้ว่าคนนั้นคือใคร แต่คิดว่าถ่ายทอดได้ดี
ภายหลังจึงรู้ว่าที่แท้ก็คือปี้ยิ้มคนนี้นี่เอง :)

Yim S. กล่าวว่า...

อ๊ะ...
ไม่ได้เข้าไปสุดิพันธุ์มานานแล้วล่ะ
พอๆกับที่ไม่ได้แต่งกลอนมานานแล้วด้วย (ฮา)
ก็เลยตั้ง section นี้ขึ้นมาเพื่อบังคับตัวเองให้เขียนก่อนที่จะลืม ^__^
ขอบคุณที่แวะมานะจ๊า

Phunpirom Jirakitanusorn กล่าวว่า...

:)
หลงเข้ามาโดยบังเอิญ เพราะนึกครึ้มอยากลองเขียนนิราศ
จึงได้ลอง search หานิราศต่างๆมาลองอ่าน
จนได้มาเจอนิราศลอนดอน 2001 นี่ล่ะค่ะ

อยากอ่านต่อจนจบจัง
^^

Yim S. กล่าวว่า...

แหะๆ ๆ
ไม่ได้เขียนต่อเท่าไหร่เลยค่ะ

มีนิราศ Oxford อีกนิดนึง...
ไว้เขียนต่อๆ แล้วจะมาแปะนะคะ