วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ก็แค่ใบไม้อีกใบ...ที่ร่วงหล่น

Rating:★★★
Category:Other
เมื่อวาน + วันนี้เป็นวันย้ายเข้าหอค่ะ
ได้แฟลตเมตชุดใหม่อีกแล้ว...

เวลาผ่านไปเร็วมากๆ เลยนะคะ
ที่ผ่านมา เรื่องบางเรื่องก็ได้ดังใจ
แต่อีกหลายๆ เรื่องก็ทำร้ายจิตใจสิ้นดี
จนเหนื่อยที่จะเอาจิตไปตามความรู้สึกใดๆ อีกต่อไป
ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะความคิดที่ว่า..วันหน้ามันจะดีขึ้น
แล้ววันหนึ่งจะถึงเวลาที่เราหลุดจากวังวนนี้

แต่

เปลือกหอมบนพื้นในห้องครัว ฝาถังขยะที่เปิดอ้า
คราบแป้งบนโต๊ะส่วนรวม เศษอาหารบนพื้น ที่ปีก่อนไม่เคยมี
ก็ทำให้เราได้คิดอะไรบางอย่างเหมือนกัน

บางครั้ง...ที่เรามีความรู้สึกชอบ ชัง โกรธ พอใจ ไม่พอใจ คงเป็นเพราะเรายึดติดกับมันมากเกินไป
บางทีอาจควรที่จะดึงจิตกลับมา...แล้ว 'รู้' อยู่ที่ตัวเองดีกว่า
เป็นอย่างที่พระอาจารย์กล่าวไว้กระมัง...
อะไรที่มากระทบใจ ให้ถามสั้นๆ ว่า "So?"

ก็จริงนะ...
ทุกอย่างมันเกิดขึ้น แล้วก็ดับไป
ความรู้สึกใหม่ๆ ก็เกิดขึ้น แล้วก็ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป

แล้วไง...
มันก็เป็นแบบนี้อยู่เรื่อยไป

เราทุกข์สุดๆ ในยามที่เรื่องราวไปเป็นไปอย่างใจ เพราะว่าเราจดจำเอาความรู้สึก
ณ จุดที่ดีที่สุดเอาไว้ แล้วหวนหา...อยากให้ความรู้สึกนั้นคงอยู่ชั่วกาล
แต่มันเป็นไปไม่ได้...
มันเป็นการฝืนกฏธรรมชาติ
กฎของการการแตกดับ

ควรหรือ...จะเอาจิตไปฝังอยู่ตรงความรู้สึกนั้น?

บางคนอาจจะคิดว่า การไม่ยึดติดกับอะไร ก็เหมือนคนสิ้นหวัง
ชีวิตจะมีอะไรเป็นแรงผลักดันให้ก้าวเดินไป

แต่คงไม่หรอก
เพราะคิดว่าแยกแยะได้
ว่าการไม่ยึดติด กับการสิ้นหวังมันต่างกันอย่างไร

บ่นมาซะนาน
บางคนอาจจะว่ามีแต่น้ำ
บางคนอาจจะว่ามีแก่นด้วย..

ก็สุดแต่จะสกัดใจความกันไป

12 ความคิดเห็น:

Tao K กล่าวว่า...

พี่เข้าใจยิ้มนะครับ จิตใจเรานี่ยากที่จะควบคุมและเอาชนะเสียจริง

มิน่า ว่าคนที่เขาฝึกจิตดีแล้วถึงขั้นนั่งกรรมฐานต้องใช้เวลานานทีเดียว

แต่สำหรับพวกเรา เอาแค่ มีสติ และสามารถควบคุมจิตใจของเราให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่เป็นทุกข์จนเกินไปก็พอแล้วเนอะ

ปล. โชคดีสำหรับพรุ่งนี้นะครับ :-)

Yim S. กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่าพี่เต่า ^ ^'
ก็...ปลงละค่ะ ไม่ยึดติด 55

Heathrow :D กล่าวว่า...

พีว่านะครับ มันอยู่ที่ว่าเราต้องหาจุดสมดุลย์ว่า เราควรจะยึดติดกับอะไร และปล่อยวางกับอะไร

ยึดติดไปหมด ก็เหมือนการผูกมัดเงื่อนไข พันธนาการ และถ้าสิ่งที่เรายึดติดนั้นเป็นด้านเรา จิดใจเราก็จะขุ่นมัวไปหมดครับ

ถ้าเราปล่อยวางหมด ไม่ยึตติดกับอะไร ก็เสมือนกับเรือที่ล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทร เราอาจจะไม่มีทิศทาง ที่จะไปต่อไป

ในศาสนาพุทธของเรา ปล่อยวางเป็นสิ่งดี แต่เรายังต้องแหวกว่ายในโลกปัจจุบัน ที่หมุนไปในทางทุกๆคนยังหาสิ่งยึดติดกันอยู่ หากเรายังต้องใช้ชีวิตในโลกนี้ เราก็ต้องหมุนไปกับมัน ยึดติดโลกบางส่วนไว้ และปล่อยวางบางส่วนที่ทำให้เราทุกข์ไป



เป็นกำลังใจให้จ้า สู้ๆ

เรียกกำลังใจกลับมานะครับ

Yim S. กล่าวว่า...

^ ^'
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะฮับพี่คูณ

ยิ้มไม่ได้เลิกหวังกับอะไรหรอกค่ะพี่
อย่างที่บอกง่ะ เลิกหวังกับปล่อยวางมันคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน
ปล่อยวางไม่ได้แปลว่าเลิกหวัง แต่แปลว่ายอมรับในผลของสิ่งที่เกิดขึ้น โดยที่ไมต้องลบความหวังออกไปนิ

จริงๆ แล้ว บล็อกนี้มันเกิดจากการที่แฟลตเมตใหม่ รกรุงรังได้ที่น่ะค่ะ - -'
จนยิ้มขี้เกียจจะไปใส่ใจแระ 555
เค้าทำรก เราเก็บก็ได้
เก็บซัก 3-4 ครั้ง ยังไม่ take the hint ก็คงต้องมีการพูดคุยหน่อยแล้วค่า

Heathrow :D กล่าวว่า...

ตายล่ะ พี่ก็รกรุงรังเป็นบางครั้ง พี่เมทพี่เค้าจะ ว่าพี่ไหมเนี่ย มีเปลือกกระเทียม วางไว้ตอนทำกับข้าวเสร็จด้วย คล้ายๆน้องยิ้มบอกเลยอ่ะ 55 บ้านผู้ชาย

Ponyfish Ecopath กล่าวว่า...

โชคดีในการสอบนะหนูยิ้ม เสร็จแล้วก็แวะมาทานข้าวด้วยกันนะจ๊ะ

Yim S. กล่าวว่า...

พี่จุ๊บ: ขอบคุณมากคา ^ ^

พี่คูณ: อ่านะ ก็เก็บๆ หน่อยก็ดีน้า ^ ^' ครัวมันต้องใช้ร่วมกัน แหะๆ

Santi Santiago กล่าวว่า...


ยึดติด ก็เป็นกังวล ว่าเราจะไปถึงจุดหมายปลายฝันที่วาดไว้ได้ไหม
แต่พอไม่ยึดติด ก็กังวล อีกว่า เราผิดปกติรึป่าว ทำไมเราไม่มีความทะยานอยากเหมือนครั้งก่อนๆ หรือว่า ไฟเราจะมอด...

แต่ไม่ว่า จะยึดติด หรือ ไม่ยึดติด ก็ดี สิ่งสำคัญที่สุดที่จะกำหนดชีวิตคนเรา คือ อุปสรรค การเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ถ้าเรารับได้ ก็ดีไป แต่ถ้าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนั้น ไม่เป็นดั่งใจเรา ก็ต้องทำใจ และต้องสร้างความเข้าใจ ชีวิตนี้ เชื่อว่า ไม่มืวันไหน จะเลวร้ายที่สุด ถ้าเราเข้าใจถึงอุปสรรคและการเปลี่ยนแปลง ...




Yim S. กล่าวว่า...

ใช่ค่า..
ความรู้สึกใดๆ ไม่จีรัง
ความทุกข์ไม่อยู่กับเราตลอดไป
ความสุขก็ไม่อยู่กับเราตลอดไป ^ ^'

รับให้ได้ ก็เท่านั้นเองเนอะ

atithep chaiyasit กล่าวว่า...

หาถุงใหญ่ๆมาสักใบหนึ่ง ทำใจให้ว่าง แล้วอะไรที่เขาทำรก เราก็เก็บใส่ถุงนั้นไว้ ถ้าคิดไม่พอใจเขาขึ้นมาก็ให้หายใจลึกๆ และนึกถึงข้อดีของเขา จะทำให้เราสบายใจขึ้น วันไหนรกอีก ก็เก็บใส่ถุงอีก เก็บไปเรี่อยๆ และทำตามขั้นตอนที่บอกไว้ไปเรี่อยๆ

วันไหนขยะเต็มถุง ก็เอาไปเทใส่เตียงนอนเขา แล้วหัวเราะดังๆๆๆๆ ฮุวะฮะฮ่าาา

เอ้ย ไม่ใช่ ><"

มาให้ฮา แต่ไม่รู้ฮาไหม คนพูดดีๆ ไปเยอะแล้ว เอาเกรียนๆ บ้าง :)

Yim S. กล่าวว่า...

ฟังดูดีนะน้องฟลุก
ตรงวันไหนขยะเต็มถุงก็เอาไปเทใส่เตียงนอนเขานี่ล่ะ ฮ่า ๆ ๆ

ป.ล. ตอนนี้เหมือนคนไม่ค่อยทำกับข้าวกันแล้ว ดูดีขึ้นๆ

atithep chaiyasit กล่าวว่า...

จะเอาไปทำบ้างอ่ะดิ ^^
แต่ความจริงก็คือ ตอนอยู่หอพัก ปี 1 ที่ศาลายา มหาลัยก็จะสุ่มจับคู่รูมเมทให้
เพื่อนผมก็ไปได้คนที่สุดยอดมากๆ ในเรื่องความสะอาด สุดยอดในที่นี้คือต่ำมาก ^^
ในขณะที่มันก็สุดยอดในแง่สะอาดมากๆ อยู่ไปได้เดือนหนึ่งทนไม่ไหว มันก็เลยทำบ้างกินไม่เก็บ ขยะไม่ทิ้ง ผ้าไม่ซัก(ตรงนี้คงอาศัยว่าผ้าเยอะ) กางเกงใน เสื้อกล้ามเน่าๆ ก็วางทิ้งไปเต็มเลย (ถามมันก็บอกว่า ขัดใจตัวเองสุดๆ) ได้ไม่เกิน 2 วัน รูมเมทคนนั้นก็ตัดสินใจขอทำเรื่องย้ายห้องไปอย่างรวดเร็ว

เป็นวิธีที่ไม่ดีนะครับ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันก็ได้ ^^ อันนี้เป็น case study เฉยๆ