Rating: | ★★★★ |
Category: | Other |
บล็อก กลอน กับนิยายเป็นสิ่งที่ชอบเขียน ส่วนวิทยานิพนธ์เป็นสิ่งที่ต้องเขียน
เอาเป็นว่า...เราดึงสิ่งที่เขียนง่ายที่สุดออกมาก่อนนะคะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก บล็อกค่ะ เขียนบล็อกง่ายที่สุดแล้ว เพราะเวลาเขียนบล็อกยิ้มใส่แค่อารมณ์กับจินตนาการนิดหน่อย กลอนก็..พอๆ กับบล็อกแหละ อาจจะใช้จินตนาการสูงกว่านิดนึง แต่สิ่งอื่นๆ ยิ้มมีสูตรในการปรุงดังนี้
1. นิยาย = อารมณ์ดีๆ + จินตนาการ + พล็อตที่(ดู)ชาญฉลาด + ความคาดหวังของคนอ่าน + เวลาว่าง
2. วิทยานิพนธ์ = อารมณ์นิ่งๆ + จินตนาการ + ความรู้ + ความคิด และความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ + การระลึกถึง Contribution to the current debates + ความอดทน + เวลาทั้งชีวิต + ความคาดหวังของตัวเอง อาจารย์ และพ่อแม่ + ความกดดันจากการใช้ภาษีประชาชนเรียน + ฯลฯ
เหวย...ทำไมมันซับซ้อนเยี่ยงนี้ แค่เห็นก็รู้ละ ว่าอะไรยากที่สุด...แล้วหล่อนจะมาเขียนรำพันในบล็อกให้เสียเวลาทำไมยะ
ตอบ: ก็มันง่ายนี่..เค้าก็อยากทำอะไรให้สำเร็จบ้างสิ T-T อย่างน้อยเขียนบล้อกสำเร็จก็ยังดีน้อ...
ก่อนหน้านี้นะคะ ยิ้มคิดว่า...วิทยานิพนธ์แสนคำ แหม ง่ายมาก (1 หน้ามีประมาณ 300 คำ) เขียนวิทยานิพนธ์ตอนป. โท สองหมื่นคำแล้ว แค่ห้าเท่าเอ๊ง....มีเวลาตั้ง 4 ปีแถมจินตนาการเราก็ออกจะบรรเจิด เขียนนิยายมาก็พอสมควรละ แค่เขียนงานวิจัยชิ้นนึง คงไม่ยากอะไร
แต่ทว่า...พอมาทำจริงๆ แม่เจ้า...มันยากกว่าที่คิดนะ จำนวนคำไม่เป็นปัญหาหรอก เผลอๆ เขียนเกินด้วยซ้ำ - -' แต่ว่าปัญหามันคือ เขียนยังไงให้สอดคล้องสัมพันธ์ มีเหตุผลรองรับทุกอักขระ (coherence)
ตอนนี้รู้ซึ้ง T-T
ถ้าความคาดหวังของงานป.ตรีคือ 100%
งานป.โท เราต้องทุ่มลงไป 150% เพราะว่างานต้องมีคุณภาพมากขึ้น
งานป.เอก เราต้องทุ่มลงไป 250% เพราะว่างานต้องมีคุณภาพขึ้นไปอีก เราต้องทำให้คนอื่นยอมรับงานของเราได้ ต้องจัดการความรู้สึกเบื่อหน่ายของเราให้ได้ และต้องพอใจกับมัน
ตอนนี้เหนื่อยและเบื่อค่ะ อยากหยุดเรียน แล้วหนีไปทำอะไรสั้นๆ ค่อยกลับมา แต่ก็กลัวเสียเวลา แก่จะตายอยู่แล้วยังเรียนอยู่เลย ใจนึงก็คิดว่า หนีไปเขียนนิยายให้อารมณ์ดีๆ หน่อยดีมั้ย ค่อยกลับมาทำงานต่อ แต่ว่า...
กลับขึ้นไปอ่านข้อ 1 ใหม่ กรี๊ดด สิ่งที่การเขียนนิยายของยิ้มต้องใช้คืออารมณ์ดีๆ เอ่อ...ตั้งแต่เรียนเอกมานี่...ยิ้มไม่ได้รู้สึกถึงคำว่า 'อารมณ์ดี' มานานนักหนาแล้ว อ้าว แล้วกรูจะเขียนนิยายได้ไง - -' นั่นสิเนอะ
ยิ่งนึกถึงความยากของการเขียนงานก็ยิ่ง เฮ้อ...
หรือว่าเราควรเบี่ยงเบนความสนใจไปที่อื่นดีมั้ย ว่าเรียนเอกเราได้อะไรไปบ้าง น่าจะจดสถิติไว้
1. ผมร่วงไปกี่เส้น
2. หมดเหล้าไปกี่ขวด ไวน์ด้วย เบียร์ล่ะ กี่กระป๋อง
3. น้ำตาหยดไปกี่ลิตร
4. บุหรี่ไปกี่มวน ถ้าเป็นชิชาถือว่าเป็น 30 มวน เพราะใช้ปริมาณยาสูบเยอะกว่ากันเยอะ - -' ถึงนิโคตินต่อกรัมจะน้อยกว่าก็เหอะ
5. เล่นเนตแก้เครียดไปกี่ชั่วโมง (อันนี้ท่าทางจะมหาศาล เล่นแก้เครียดประจำ)
6. สูญเสียแฟนคลับไปกี่คน (เอาแต่นั่งจมอยู่กะงาน)
7. นน. ขึ้นกี่โล (เอาแต่นั่งปั่นงาน ไม่ได้ไปออกกำลังกาย)
8. เสียเพื่อนไปกี่คน (ลืมติดต่อเลย - -')
9. เสียค่าปรูฟรีดไปเท่าไหร่
10. บินกลับบ้านกี่รอบ
11. หาข้อแก้ตัวในการอู้งานได้กี่ข้อ
12. กรี๊ดดด นึกไม่ออกแล้วค่า ยิ่งนึกก็ยิ่งหดหู่ผมร่วงอีกหลายเส้น
ดังนั้น...ถ้าเรียนจบปุ๊บ เราควรจะทำอะไร..เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผ่านมา
1. ทำแฮร์สปา บำรุงสุขภาพผม แล้วเปลี่ยนทรงใหม่ให้ไฉไลกว่า
2.ทำ detox - -' ว่าแต่ detox มันล้างแอลกอฮอล์ออกจากเซลล์ฉะหมองกับตับได้มั้ยง่ะ สงสัยไม่ได้แน่ๆ เยย...ตอนนี้สมองมันเลยตายๆ (อุตส่าห์หยุดเหล้ามานานเกือบปีแล้วนะ)
3. ซื้ออายครีมมาบำรุงด่วน ไม่เกี่ยวกะต่อมน้ำตาหรอก แต่ว่า..กว่าจะจบตีนกาคงขึ้นมาหลายเส้น ถ้าเรียนจบต้องให้รางวัลตัวเอง ซื้อของดีๆ (กว่าที่ใช้อยู่) มาใช้ซะละ
4. ไปเที่ยวยอดเขาแถบๆ ชนบทสวิตซ์ซะหน่อย สูดโอโซนให้เต็มปอด เซลล์ปอดที่เสียไปจะได้ฟื้น
5......
6.....
7....
ข้อสุดท้าย ท้ายสุด...หาแฟน - -'
นี่เรียนจนจะขึ้นไปอยู่บนคานอยู่แล้ว แม่เจ้า วันๆ ไม่พบไม่เจอคน
เอ๊า...ยิ่งคิดถึงอะไรพวกนี้ มันไม่ยิ่งเครียดไปใหญ่เหรอ
เครียดดิ...เอ หรือเราควรจะรวมทั้งนิยายและวิทยานิพนธ์เข้าด้วยกันดีคะ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น
จิตใต้สำนึก: พล่ามเสร็จแล้วก็ไปเขียนงานต่อได้ละป่ะ
ยิ้ม: เดี๋ยวดิ ก็เบื่อง่ะ..
จิตใต้สำนึก: ตั้งแต่อากลับไปก็นั่งเบื่อมาเกิน 2 อาทิตย์แล้วนะ เริ่มทำงานซะทีได้ป่าว
ยิ้ม: ก็ที่ผ่านมาเราเบื่อเฉยๆ ที่ไหน เบื่อไปก็ทำงานไปทุกวันแหละ
จิตใต้สำนึก: ทำงานไป หรือเล่นเนตไปกันแน่ กรูเห็นนะ ว่าเดี๋ยวก็เขียนบล็อกพี่เคลลี่ เดี๋ยวก็ดูละครย้อนหลัง อ่านกระทู้อุ้ม คุ้กกี้ นาธาน ลาบไก่ จะเป็นแฟนพันธุ์แท้พันทิปดอทคอมได้อยู่แล้ว
ยิ้ม: ง่า ๆ ๆ ๆ ๆ ก็คนมันก็ต้องพักผ่อนบ้างนี่ ฮือ...ทำไมต้องขึ้นเมิง กรู ด้วย หยาบคาย
จิตใต้สำนึก: ไม่ต้องมาแรด...จริงๆ ก็หยาบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แค่โรงเรียนหญิงล้วนกดพฤติกรรมเอาไว้ พอมาเรียนโบราณคดี เจอคนเถื่อนๆ เยอะหน่อยก็ดีแตกเลย
ยิ้ม: อย่ามาแสดงออกในบล็อกได้มั้ย เมิง...จะหยาบก็หยาบในสมองก็พอ กรูอุตส่าห์แอ๊บเรียบร้อยหลอกผู้ชายมาตั้งนาน เดี๋ยวแฟนขับแตกตื่นหมด
จิตใต้สำนึก: เออ ขอโทษๆ มันก็หลุดมั่ง อะไรมั่ง ช่วงนี้เมิง เอ๊ย...หล่อนไม่ค่อยมีสติไม่ใช่เหรอยะ
ยิ้ม: ย่ะ...ก็พยายามจะตั้งอยู่นะ สติน่ะ แต่บางทีมันก็เครียดมั่ง อะไรมั่ง
จิตใต้สำนึก: หายเบื่อยัง บ่นพอแล้วก็ไปทำงานซะป่ะ
ยิ้ม: เดี๋ยวดิ บริหารนิ้วอยู่...วันๆ ไม่ค่อยได้ใช้แรง อย่างน้อยได้บริหารนิ้วก็ยังดี
จิตใต้สำนึก: นี่ เมิงรู้ป่ะ...ทีหาเหตุผลหาข้ออ้างให้ไม่ต้องทำงานนี่ หัวไวเป็นบ้า ทำไมเวลาเขียนงานหัวไม่ไวอย่างงี้มั่งวะ
ยิ้ม: เออ จริงเนอะ มันต่างกันยังไงอ้ะ จิตใต้สำนึก พอจะรู้ป่ะ
จิตใต้สำนึก: ถ้ารู้...กรูจะต้องมาพร่ำบอกอย่างงี้มะ เมิงก็กลับไปทำงานได้ตั้งแต่บรรทัดแรกๆ แล้ว
ยิ้ม: อะไรวะ ถามนิดหน่อยมาทำตวาด เอ็ดอึง ขึ้นมึงกู... T-T ฮือ...ขนาดจิตใต้สำนึกเรายังไม่รักตัวเราเองเลย
จิตใต้สำนึก: นั่นไง ก็ทำใจให้รักสิ บ่นอยู่ได้ บ่นเป็นยายแก่
ยิ้ม: ถ้าทำได้ก็ทำไปแล้ว แต่เวลาเราบ่นเราก็ทำงานไปด้วยนะ ไม่ใช่บ่นเฉยๆ บ่นทิ้งบ่นขว้าง
จิตใต้สำนึก: งั้นแกลองเปรียบวิทยานิพนธ์เป็นผู้ชายมะ...อาจจะทำให้รู้สึกรักง่ายขึ้นนะ
ยิ้ม: แน่ใจเหรอ - -' นี่แกไม่สังเกตุอะไรบ้างเหรอ ว่าตัวชั้นยกสูงขึ้นๆๆๆ จะขึ้นถึงคานรอมร่อ จะกลายเป็นยายแก่แร้งทึ้งอยู่แระ ถ้าชั้นรักคนง่ายๆ ก็ดีสิยะ
จิตใต้สำนึก: บ้า...สวยๆ อย่างงี้ ใครเค้าจะเรียกว่ายายแก่แร้งทึ้งกัน เครียดนักก็ส่องกระจกสิ ดูของสวยๆ งามๆ มั่งอะไรมั่ง จะได้เพลินๆ
ยิ้ม: เออ จริงเนอะ จิตใต้สำนึกมันก็พูดดี (/me หันหน้าไปทางซ้าย มองกระจก เฮ้อ...สวยงาม ชื่นใจ) นอกเรื่องไปนาน..ว่าแต่ควรเปรียบเทียบวิทยานิพนธ์กะผู้ชายยังไง
จิตใต้สำนึก: อ้าว ก็ปกติในนิยาย พระเอกนางเอกก็จะเกลียดกันตอนแรกๆ ใช่มะ แล้วหลังๆ มันก็จะดีกันเอง แกก็สมมติให้วิทยานิพนธ์เป็นพระเอกซี้ แล้วตัวแกก็สวมบทเป็นนางเอก จะได้จบแบบแฮปปี้ ลงเอยกันด้วยดี แม้ว่าตอนกลางๆ เรื่องจะตบตีทะเลาะกันนิดหน่อย
ยิ้ม: เหรอ มันจะดีเหรอ
จิตใต้สำนึก: ก็ไม่มีทางอื่นแล้วมั้งที่จะทำให้รู้สึกดีกับงานได้น่ะ หล่อนก็ลองคิดดู นิยายไทยส่วนมากเนี่ย ตอนแรกพระเอกนางเอกอาจจะเกลียดกันเหลือเกิน ไม่อยากมองหน้ากันเล้ย... พระเอกรังแกนางเอกสารพัด ตบจูบๆ เดี๋ยวก็เข้าใจผิด กลั่นแกล้ง จนตัวหล่อนก็ต้องโต้ตอบไปบ้าง พยายามทุกวิถีทางที่จะเปลี่ยนเค้าให้ได้ แต่ในที่สุดตอนจบเค้าก็จะออกมาเพียบพ้อม นุ่มนวล อ่อนโยน เป็นพระเอกในฝันของหล่อนเอง ก็เหมือนวิทยานิพนธ์ ที่ตอนแรกๆ อาจจะทำให้หล่อนอยากเอาหัวโขกกำแพง ต้องมีการปลุกปล้ำกันเล็กน้อย...สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี
ยิ้ม: เอ่อ.. ถามหน่อยเหอะ ทำไมหล่อนดูเพี้ยนๆ บ้าๆ บอๆ วะ
จิตใต้สำนึก: ก็ชั้นเป็นจิตใต้สำนึกของใครล่ะยะ
ยิ้ม: นั่นดิ - -' ก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกัน
เออ..จิตใต้สำนึก แล้วนิยายเรื่องนี้จะมีนางอิจฉามั้ยยะหล่อน
จิตใต้สำนึก: โอ๊ย มันต้องมีดิ นิยายอะไรไม่มีตัวอิจฉา ต้องมีนางอิจฉาโผล่มาทำให้หล่อนรู้สึกว่าหล่อนไม่คู่ควรกับพระเอก หรือพระเอกไม่คู่ควรกับหล่อนบ้าง แต่หล่อนก็ต้องเคลียร์กะพระเอกเอาเอง ว่าเค้าจะต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง หรือไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย เพราะคำพูดก็เป็นแค่ลมปาก
ยิ้ม: อ่อ..เหมือนเวลามีคนมา criticise งาน ชั้นก็ต้องเลือกใช่มะ ว่าจะเคลียร์กะพระเอกยังไง จะแก้ไขหรือจะปล่อยไปแบบเดิม เออ แล้วแกว่า...แล้วนิยายชีวิตชั้นจะจบแฮปปี้มั้ยอ้ะ
จิตใต้สำนึก: ตกลงจะเรียก มึง แก หรือ หล่อน เอามาซักอย่าง..
ยิ้ม: ^ ^' แหะๆ ก็แหม...ชอบอะไรที่มันหลากหลาย ขอสามเลยได้ป่ะ
จิตใต้สำนึก: ประสาทจริงว่ะ อ่ะ เข้าเรื่อง ชั้นว่ามันก็น่าจะแฮปปี้อยู่นะ เพราะลึกๆ แล้วแกก็มีความมั่นใจในตัวพระเอของแกอยู่นี่ ตอนนี้แกแค่ไม่ไหวจะเคลียร์ อ่อนเพลียที่จะคุย ไม่อยากสนทนาวิสาสะกับคุณพระเอกของแก แกก็ต้องทำใจ...แล้วหันหน้าเข้าหากัน ไม่อย่างงั้นมันจะจบแฮปปี้ได้ไง
ยิ้ม: ก็จริง
จิตใต้สำนึก: แกก็ลองเปรียบเทียบดูสิ...แกชอบอ่านนิยายที่นางเอกฉลาดๆ คุยกะพระเอกรู้เรื่อง โต้ตอบกันเสมอๆ หรือชอบนิยายที่นางเอกขี้งอน อะไรนิด อะไรหน่อยก็หลบลี้หนีหน้าล่ะ
ยิ้ม: ก็จริงอีกเนอะ
จิตใต้สำนึก: แล้วนึกออกยัง ว่าตอนนี้ควรจะทำอะไร
ยิ้ม: กลับไปทำงาน
จิตใต้สำนึก: เออ ดีมาก...อย่าให้ชั้นได้ออกโรงบ่อยๆ นะยะ
ยิ้ม: จ้ะ
จิตใต้สำนึก: ต่อไปนี้เวลาท้อจะคิดว่าไง
ยิ้ม: คิดว่า...ถ้าไม่ยอม face the thesis seriously ก็เหมือนนิยายช่อง 7 ที่ถูกยืด นางเอกหลบพระเอกไปมา ไม่จบซะที เรตติ้งสูง แต่ถูกด่าขรม
จิตใต้สำนึก: ดีมาก
ยิ้ม: งั้น...กด publish แล้วชั้นไปทำงานต่อนะ
จิตใต้สำนึก: ......
ยิ้ม: อ้าว...เงียบไปแระ งั้นเราไปทำงานต่อก็ได้ หงิงๆๆๆ
บ้า.....เราต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลย
13 ความคิดเห็น:
อยากคุยกะจิตใต้สำนึกได้อย่างงี้มั่ง
เบิร์ด --- เฮ้ย!! ไอ่จิตใต้สำนึก เบื่อว่ะ ทำไรกันดี
จิตใต้สำนึก --- เบื่อก็ไปกินเหล้าเด่ะ
เบิร์ด --- เออ ป่ะ
...ไม่ต้องชวนมาก แว่วๆมาก็ไปเลย หึหึหึ
บ้าของจริง - -''
เป็นอันหนึ่งอันเดียวมากค่ะ ^ ^'
สุราสามัคคีเจงๆ
บังอาจนัก...เจ้าคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า
นี่เจ้าหยามหมิ่นขัติยะนารีเยี่ยงข้าได้เช่นไร
ทหาร...เอาตัวมันไปแล่เนื้อแล้วเอาเกลือทาบัดเดี๋ยวนี้
ฮ่าฮ่า ตื่นเช้ามาอ่านบล็อกนี้ ทำให้พี่ยิ้มออกได้เลยอ่ะครับ ขอบคุณจริงๆ
ตอนนี้พี่จะแปรเปลี่ยนความเศร้า เสียใจ หดหู่ มาเป็นพลังขับเคลื่อนในการเขียนธีสิสแล้วล่ะยิ้ม
ฮ่าๆๆ ช่วงชีวิตของพีเอชชะดี สะติ๊วเดิ้ลลล ตรงใจวัยป้า (ขึ้นคราน) อย่างเค้ามากเลยยิ้ม
สู้ๆ ค่า
อีกนิดเดียวเนอะ
555
เศร้าเนอะ
ต้องรื้อฟื้นชมรมคนโสดแสนสุขขึ้นมาอีกรอบซะแระ
อะไรป้า วันนั้นผ่านสวนปรุงแต่ว่าไม่ได้เข้าไปเยี่ยมป้าอ้ะ พอดีรีบไปโชว์ตัวเพราะแฟนขับรออยู่อ้ะ คริคริ
เข้าใจนะ เข้าใจ
ว่า รพ.สวนปรุง กับสวนสัตว์เชียงใหม่มันก็ห่างกันโขอยู่
รีบไปก็ดีแล้วลุง เด็กๆ เค้ารอ...นานๆ จะมีควายป่ามาโชว์ให้เห็นซะที
รื้อฟื้นเร่ยยย
คนโสดดดด ><"
สำหรับผม ตอนจะเริ่มยากครับ คงต้องคุยกับตัวเองสักพัก หาอะไรไร้สาระทำไปเรื่อยๆก่อน แต่ถ้าลองได้เริ่มแล้ว มันจะไหลไปได้เอง แล้วมันจะจบได้ในทีี่สุด อันนี้พูดถึง กลอน นิยาย บล็อค นะคับ แต่วิทยานิพนธ์ ไว้สักปีหน้า จะลองมาตอบอีกที
แต่พูดถึงความชอบ ถ้าเรายังไม่ชอบมันพอจนเขียนไม่ออก ลองจินตนาการว่า ถ้ามันเสร็จแล้ว จะสร้างคุณประโยชน์ให้ใคร มากขนาดไหน อันนี้ก็อาจช่วยให้เรามีแรงฮึดขึ้นมาได้ครับ (กำลังใจจากภายนอก คงจะมีแรงขับสู้จากตัวเราเองไ่ม่ได้ครับ)
แสดงความคิดเห็น