วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

อาหารที่...ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กินอีก

Rating:★★★★
Category:Other


เวลาเราได้กินอะไรที่ค่อนข้างถูกใจ (แม้ว่าบางครั้งจะไม่ถูกลิ้นบ้าง) เราก็อดไม่ได้ที่จะย้อนไปนึกถึงมันอีกใช่ไหมคะ ในช่วงชีวิตที่ผ่านมานี้มีอาหารหลายต่อหลายชนิดที่เวลาที่มีกินไม่ค่อยจะนึกถึงคุณค่ามัน แต่พอไม่ได้กินแล้ว...อืม ช่างอยากกินเสียนี่กระไร และที่สำคัญก็คือไม่รู้ว่าจะได้กินอีกเมื่อไหร่ด้วยสิ

1. คั่วผำ/ เตา

ผำ...บางคนก็เรียกไข่แหน บางคนก็เรียกไข่น้ำ มันคือพืชน้ำชนิดหนึ่งที่ลอยๆ อยู่บนน้ำ เป็นเม็ดเล็กๆ เขียวๆ เวลากินต้องเอามาทำให้สุก เพราะว่าถ้าไม่สุกมันจะมีสารพิษ วิธีการปรุงก็ทุบกระเทียมหยาบๆ เจียวให้หอมๆ ใส่ผำลงไป ปรุงรสตามชอบ เวลากินก็เอาข้าวเหนียวจิ้ม อร่อย ^ ^

เตา...ภาษากลางเรียก เทาน้ำ คนเหนือส่วนมากเอามายำใส่บะเขือแจ้ (เอ๊ะ ภาษากลางเรียกอะไรอ้ะ - -') แต่ยิ้มชอบกินแบบเอาไปคั่วน้ำมัน กระเทียมเหมือนกับผำมากกว่า

สองอย่างนี้...รสชาติไม่ได้เลิศหรู ติดเหลา แต่ชอบอ้ะ คุณค่าทางอาหารสูงด้วยนะคะ พวกแคลเซียม แคโรทีน

แต่ว่า...หลังจากนี้คงไม่ได้กินแล้วค่ะ เพราะพืชน้ำพวกนี้ ซึมซับเอามลภาวะทางน้ำได้ดีมากๆ แล้วแม่น้ำลำคลองสมัยนี้มันสะอาดกันเสียที่ไหนอ้ะ จะให้ซื้อพวกที่ปลูกเองเพื่อเอาไว้ขายก็แหม...คนปลูกขยันใส่ยาฆ่าแมลงกันจัง บางคนกินไปแล้วเจออาหารเป็นพิษเลย แล้วข้าพเจ้าจะกล้ากินมั้ยเนี่ย

อื่ม..อดไป


2. แกงบอนใส่หนังเท้าควาย

อดค่ะ หากินยาก...ยิ่งอยู่อังกฤษยิ่งหาไม่ได้เลย อีกประการหนึ่งคือ...ยิ้มงดกินเนื้อวัว (Bos taurus)ไปแล้ว ครั้นจะไม่งดกินเนื้อควาย (Bubalus bubalis) ด้วย น้องวัวคงบ่นว่าเลือกปฏิบัติ ก็แหม..ขนาดตัวก็พอๆ กัน sub-family: bovinae เหมือนกัน ต่างกันแค่ Genus กะ species เอ๊ง...

แต่ว่ามันอร่อยมากเลยนะคะ พอบอกว่าหนังเท้าควาย อาจจะฟังดูอี๊ แหยะๆ แต่ลองนึกถึงคากิดูดิคะ...แหม...คากิหมั่นโถว อาหารขึ้นเหลาเชียวนะ เท้าควายออกจะเอ็นแข็งแรงกว่าเท้าหมู เหนียวหนึบๆ เพราะใช้งานหนัก ใส่ในแกงบอนเละๆ ตุ๋นซะให้นิ่ม ปรุงรสให้กลมกล่อม อร่อยอย่าบอกใคร


3. จิ๊นฮุ่ม

อันนี้ก็อดไป เพราะไม่สามารถแตะต้องผลิตภัณฑ์จาก Bos taurus ได้อีกแล้ว - -' แต่ยังจำรสชาติเนื้อนุ่มๆ แทบจะละลายในปาก นิ่มกว่าสเต็คของฝาหรั่งอีก หอมกลิ่นสมุนไพร พริกแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด รสชาติกลมกล่อมได้ที่ เอิ๊กกก จะให้อร่อยที่สุดต้องทำเองในครัวเรือนด้วยนะ ไปซื้อเขากินก็ไม่เหมือน ไม่เป็นไร เกิดมาได้กินก็ไม่เสียดายแล้ว งื้ดๆ


โอ้เย้...คงไม่ได้กินเนื้อควายนึ่งไปด้วยแล้ว



4. ยำผักกาดนา

ยำผักกาดนาใส่แคบหมู ใส่น้ำปลาร้า อร่อยง่ะ สมัยก่อนผักกาดนามันขึ่นตามคันนา (รึเปล่านะ) ชาวบ้านเก็บมาขาย ซื้อมายำ อร่อย ๆ ๆ ๆ ๆ แต่ว่าเหตุผลที่ต้องอดก็เหมือนข้อ 1 เพราะว่าไม่ค่อยจะเหลือนาแล้ว - -' เป็นสวนลำไยไปหมด ถึงจะมีก็ไม่ไว้ใจ เล่นฉีดยาฆ่าแมลงกันเหลือเกินนิ จะกล้ากินได้ยังไง ฮือ ๆ ๆ



5. ผัดปูม้าสดๆ

อันนี้เกิดเพราะเราสงสารปู...ผัดปูม้ามันต้องผัดเป็นๆ นี่นา งือ ๆ ๆ ปูมันคงเหมือนตกกระทะทองแดงทั้งเป็น ร้อนไปหมด ไม่เอานะ สงสาร เราไปหากินอะไรที่ตายมาก่อนแล้วก็ได้ เช่นปลา แต่อย่างไรก็ดี...รสชาติหวานๆ ของปูมันช่างตราตรึงใจข้านัก...แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย


6. น้ำตาลสด หุหุหุ

น้ำตาลสดในที่นี้หมายถึง...สดจากงวงตาลแบบชนิดที่ว่ายังอุ่นๆ อยู่เลยนะคะ ได้ชิมสมัยเด็กๆ ตอนที่พ่อค้าหาบมาขาย โอ้ว...ช่างเป็นแบบเข้มข้น หอมกลิ่นไหม้นิดๆ ได้กลิ่่นตาลติดจมูก สีออกเทาๆ (ไม่เห็นจะเป็นสีเหลืองเหมือนน้ำตาล(ทราย)ต้ม ที่ขายกันเกลื่อนสมัยนี้เลย)

ครั้งนั้น...เป็นน้ำตาลที่อร่อยที่สุดในชีวิตแล้วค่ะ จริงๆ หลังจากนั้นแวะซื้อที่เขาตั้งโต๊ะขายกันข้างทางแถวๆ อ. สบทา จ. ลำพูนก็พอสูสี เคยแวะซื้ออยู่ปี - สองปี แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งแวะซื้อเช้าไปนิดหน่อย แม่ค้าบอกว่า

"ยังบ่แล้วเตื้อเจ้า กำเดวกรอกใส่ขวดหื้อน่อ"

ในมือแม่ค้ามีถังพลาสติกสีเหลืองๆ ที่เหมือนถังสังฆทานน่ะ ตะไคร่จับ ภายในมีน้ำตาลอุ่นๆ อยู่ ควันลอยขึ้น เอ๋...ถังพวกนี้มัน heat - resistant หรือ microwavable มั้ยนะ - -' น้ำตาลร้อนขนาดนั้น พวกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเหล่านี้จะทานทนไหว ละลายออกมาผสมผสานรึเปล่า

ก็เลยเลิกกินไปเลยดังนี้แล...



นึกออกแค่นี้อยู่ ไว้มาเล่าต่อเมื่อนึกออกเพิ่มละกันนะคะ

16 ความคิดเห็น:

Gift waidhaya กล่าวว่า...

พี่ว่ายิ้มลืมของกินไปอีกอย่างนึง (แต่เป็นเมนูในดวงใจของพี่) ก็คือ ยำภาพยนตร์ (ยำหนัง) นะ

ยำหนังกินกับส้ามะเขือ อร่อยมากกกกกกกกก >.

Panida M กล่าวว่า...

รายการที่ 1 2 3 นี่ ไม่เคยได้ยินชื่อเรยอ่ะน้องยิ้ม >

Yim S. กล่าวว่า...

โอ้วววว
ยำหนัง ๆ ๆ ๆ ๆ
ยำหนังกาดก้อม กับยำหนังกาดประตูเชียงใหม่ ลำขนาดดดดด

จริงด้วยยยยยยย

Yim S. กล่าวว่า...

อิอิ มันเป็นอาหารเหนือและเป็นของหาค่อนข้างยากน่ะค่า ^ ^'

Mr. T & Pinocchio กล่าวว่า...

รายการหากินยาก ๆ ทั้งนั้นเลยครับ

Yim S. กล่าวว่า...

^ ^'

นั่นสิคะ
จะได้กินอีกเมือไหร่เนี่ยยย

Nida Darongsuwan กล่าวว่า...

ไม่เคยทานอาหาร 4 อย่างแรกเลย แต่อ่านแล้วน้ำลายสออยากลองชิมบ้าง :)

Santi Santiago กล่าวว่า...

อยากกินน้ำตาลสดจัง ^^

Yim S. กล่าวว่า...

^ ^
ยิ้มก็น้ำลายสออยู่เหมือนกันเนี่ยค่ะ หุหุ

Yim S. กล่าวว่า...

นั่นดิ ^ ^

แต่สดจากถังสังฆทานตะไคร่จับคงไม่ไหวแย้ว แหะๆ

Heathrow :D กล่าวว่า...

แต่ละอย่าง Native มากเลยน้องยิ้ม เกิดมาพี่ยังไม่เคยกินซักกะอย่าง ยกเว้น น้ำตาลสด

ตกลงว่า เตานี่คือ ขี้คู่ ตะไคร่น้ำแถวๆ ร่องน้ำข้างบ้านป่าวเนี่ย กินได้ด้วยเหรอครับ

Heathrow :D กล่าวว่า...

ปล. "บะเขือแจ้" เมืองมากๆเลยอ้า :P

Yim S. กล่าวว่า...

อ๋อ....
แถวบ้านพี่คูณกินตะไคร่น้ำด้วยเหรอคะ เพิ่งรู้...
แถวบ้านยิ้มไม่กินนะ

แต่ที่พวกเรากินนั้นคือเทาน้ำ มันจะขึ้นในน้ำไหล อยู่ไม่ได้ในน้ำนิ่งและมีออกซิเจนต่ำ เป็นการวัดคุณภาพน้ำไปในตัวนะ

แต่ที่กลัวไม่กล้ากินเพราะกลัวสารปนเปื้อนอย่างอื่น เช่นผงซักฟอก ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก

whoami * กล่าวว่า...

พี่ว่าพี่ก็กินอาหารเมืองมามากมาย
แต่ลีสของน้องยิ้มนี่พี่ไม่เคยซักอย่างเลยนะเนี่ย ^^''
เอ๊ะ จิ้นฮุ่ม คือ เนื้อนึ่ง รึป่าว?
ถ้าใช่ ก็เคยกิน 1 อย่างละ แหะๆ

Heathrow :D กล่าวว่า...

จิ๊นฮุ่มก็ เนื้อย่าง "สกมินอฟสกี้ชราโปวา" สมัยที่เราไปกินกันตอนเที่ยวที่สโลวาเนียไงยังไง เวีย ทำเป็นจำไม่ได้ :P

Yim S. กล่าวว่า...

มันเหมือนตุ๋นสมุนไพรน่ะจ้า พี่เวีย
มีน้ำนิดๆ