Rating: | ★★★★ |
Category: | Other |
สารเก่าๆ จากประธานชมรมฯ
http://fahpraifon.multiply.com/reviews/item/23
http://fahpraifon.multiply.com/reviews/item/54
นั่งๆ อ่านหนังสืออยู่ดีๆ แรงบันดาลใจ แรงผลักดัน ที่พลุ่งพล่านจนเหมือนแรงถีบยันมากกว่า (ขอยืมคำพูดของน้องพิช วิชญ์วิสิฐ มาใช้) ก็มาเคาะประตูก๊อกๆ ๆ ถึงหน้าห้อง ทำให้ประธานอดรนทนไม่ไหวต้องลุกมาสร้างสรรค์บทความฮาว ทู กันแต่หัววันเลยทีเดียว...คิดถึงกันบ้างมั้ยคะ ช่วงหลังๆ นี้ประธานไม่ค่อยได้ทำ newsletter ถึงสมาชิกเท่าไหร่ เพราะสมรรถภาพในการจัดสรรเวลามันลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น (ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังอ่อนเยาว์ใสกิ๊งเหมือนเดิม เฮ้อ กลุ้มใจจัง อายุแตะเบญจเพสแล้ว หน้าตายังเอ๊าะๆ ราวกับเด็ก 18 เด็กๆ ปีนเกลียวกันประจำ)
เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเสียที วันนี้ตั้งใจจะเขียนถึงวิธีการทำตัวให้เป็นที่กล่าวขวัญถึงหมู่เพื่อนจากนานาอารยประเทศ เคยมีสมาชิกรีเควสไว้นานแล้ว ว่าจะทำยังไงดีนะ...ให้ตัวเองป๊อบปูล่าร์ เป็นที่กล่าวถึง และเป็น 'ตำนาน' ของชีวิตมหาวิทยาลัย เพราะว่าช่างเบื่อเซ็งกับชีวิตที่ไร้คู่..
ถึงแม้จะฟังดูขัดหูที่บังอาจมาตำหนิติเตียนชีวิตแบบ independent ของชาวชมรมฯ แต่ประธานผู้แสนสวยๆ เริ่ดๆ เกิดมาพร้อมความมั่นใจก็ต้องคอยเป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรให้สมาชิก เลยจำต้องรับปากว่าจะเขียนให้ หากตอนนั้นประธานยังไม่มีอารมณ์และข้อมูล จึงขอติดเอาไว้ก่อน
หลังจากซุ่มซ่อนเก็บข้อมูลลับจากแหล่งไม่ไกลตัวมานานนับ...อื่ม....เกือบๆ 2 เดือน ประธานก็คิดว่า ถึงฤกษ์งามยามดีที่จะคลอดบทความชิ้นนี้ออกมา เพราะว่า 'สารตัวอย่าง' ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าแม่เจ้าโว้ย...พฤติกรรมแบบนี้ มันทำให้ป๊อบปูล่าร์ จนใกล้ๆ กับระดับที่เรียกว่าเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ของสังคมจริงๆ ด้วย
เอาล่ะ...เพื่อความง่ายในการ 'ย่อย' ข้อมูล ประธานฯ ขอสมมติบริบทขึ้นมาบริบทหนึ่งก็แล้วกันนะ ว่าคุณคือนักศึกษาคนหนึ่ง ผู้ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย อาศัยอยู่ในแฟลตซึ่งเต็มไปด้วยนักเรียนนานาชาติ (จะได้ดูอินเตอร์ดี บทความของเราต้องไม่จำกัดอยู่ในบริบทของประเทศไทยเพียงแห่งเดียวนะเคอะ) วิธีที่จะทำให้คุณโดดเด่นจนเป็นที่กล่าวขวัญถึงนั้นก็คือ
1. Grand Opening
คุณจะต้องมีการเปิดตัวที่อลังการ ความประทับใจแรกพบนั้น...มีอิทธิพลความรู้สึกที่เขาจะมีต่อคุณมากมายในภายหลัง ประธานขอแนะนำให้คุณรู้จักวิเคราะห์จุดเด่นและจุดด้อยของตัวเอง...เช่นถ้าคุณมีร่างกายสูงเพรียวเรียวชะลูด สวยงาม คุณก็สามารถใช้ 'ลุค' ดึงดูดสายตาคน หรือถ้าคุณมีรอยยิ้มที่จริงใจ ใครมองเห็นก็สดชื่น...คุณก็จงใช้รอยยิ้มนั้นเป็นจุดที่จะทำให้มิตรใหม่ประทับใจด้วยการส่งรอยยิ้มกระชากสวาท ฉึบๆ หรือถ้าคุณมีเส้นผมที่าวสยายดุจเส้นไหม สะท้อนเป็นประกายใต้แสงไฟ..คุณอาจจะแสร้งสะบัดศีรษะให้ผมกระจาย เป็นเป้าสายตาของคนที่เพิ่งพบกัน จนเขาต้องตะลึงในคุณภาพของน้ำยา rebonding และ โคลนสำหรับทำ hair spa ของร้านที่คุณไปทำผมมาในสนนราคาหลายพัน
แต่ถ้าคุณไม่มีสิ่งที่กล่าวถึงในข้างต้นเลย...
ประธานขอแนะนำให้ใช้เสียงแทน (พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจาก ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ยอร์ค) จะว่าไป..มันได้ผลกว่าการใช้รูปลักษณ์เป็นกอง เพราะคนสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง อาจจะซึมซับความงามของคุณได้ไม่เต็มที่ แต่คนหูไม่หนวก (ซึ่งมีมากกว่าคนสายตาปกติ ไม่สั้นไม่ยาวไม่เอียง) ย่อมจดจำน้ำเสียงอันทรงพลังของคุณได้แน่ๆ
Tips of the day: น้ำเสียงไพเราะ หวานซึ้ง มันไม่ตรึงใจเท่าน้ำเสียงแหลมเล็กเสียดแก้วหู
พอพบมิตรใหม่ คุณจงบีบน้ำเสียงให้แหลมเล็กขึ้นจมูกนิดหนึ่งขยับความดังขึ้นเป็น 80 เดซิเบลและเปล่งออกไปอย่างมั่นใจ
"สวัสดีค่ะ ฉันเป็นเพื่อนร่วมแฟลตของคุณค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
เขาอาจจะนิ่งไปนิดหนึ่ง เพราะความแปลกใจในเสียงที่แหลมและดัง อันแสดงออกถึงอำนาจและความมั่นใจของคุณ อย่าตกใจ...จงดำเนินการขั้นต่อไปทันที หลังจากนั้นอนุญาตให้ลดเดซิเบลลงมานิดหน่อย แต่คุณต้องไม่ปล่อยให้คนที่คุณเพิ่งพบตั้งตัวติด คุณต้องยิงคำถามรัวเข้าไปราวกับปืนอาร์ก้าไม่ว่าจะเป็น เรียนอะไรมา, บ้านอยู่ที่ไหน, ที่บ้านทำอะไร, รวยรึเปล่า, กินอะไรเมื่อเช้านี้, วันหนึ่งอาบน้ำกี่ครั้ง, เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน, จูบกับแฟนครั้งแรกเมื่อไหร่ บลา บลา บลา
หากเขาทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ...คุณจะต้องไม่หลวมตัวเชื่อว่าเขากระอักกระอ่วนใจ เพราะในความเป็นจริง เขากำลังประทับใจในความมีอัธยาศัยของคุณต่างหาก คุณจะต้องมีจุดยืน ขุดหาคำถามที่ไม่มีใครในโลกนี้เขาถามกันเมื่อพบกันครั้งแรกมาถาม
'มีเพื่อนต่างชาติเยอะมั้ยเธอ, อ๋อ..แล้วเธอชอบคนชาติเดียวกันมั้ยนะ, ต๊าย ตาย ฉันไม่ชอบคนที่มหาลัยนี้เลยนะ โง๊ โง่ ที่เก่าของฉันดีกว่านี้เยอะ แล้วเธอล่ะจ๊ะ รู้สึกอย่างฉันบ้างไหม, อากาศที่นี่แย่เนอะ เมืองก็เงียบ, ฉันว่าลอนดอนน่าจะน่าอยู่กว่า อะไรนะ มันจะแพงกว่าเหรอ เป็นไปได้ยังไง เมืองใหญ่ คนเยอะ น่าจะมีทางเลือกมากกว่า, หืม เคยอยู่มาแล้วเหรอ แล้วมาอยู่เมืองเล็กๆ แบบนี้ทำไม บลา บลา บลา
แค่นี้...คุณก็มี Grand opening ที่ก่อให้เกิดความประทับใจแรกพบได้แล้ว
เพื่อนไม่มีทางลืมคุณได้แน่ๆ
2. ลบคำว่า 'เกรงใจ' ออกไปจากสารบบของคุณ
สมาชิกที่รักคะ...หากคุณรักที่จะโดดเด่นเป็นที่กล่าวขวัญในหมูประชาชี จงลบคำว่า 'เกรงใจ' ออกไปจากพจนานุกรมของคุณให้หมดเลย เพราะเจ้าคำคำนี้...มันจะเป็นตัวที่สร้าง 'ช่องว่าง' ระหว่างคุณกับกลุ่มเป้าหมาย วิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ก็คือ...
2.1 หมั่นทักทายเขาบ่อยๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ถ้าเขากำลังทำกับข้าวอยู่ก็จงเข้าไปทักทาย คุยนานๆ ไม่ต้องสนหรอกว่าเขาจะพยายามใช้สมาธิเพราะกลัวเนื้อไก่ในกระทะจะไหม้ เขาแสดงออกอย่างนั้นเพราะเขายังมี 'ช่องว่าง' และ 'เขิน' คุณอยู่ คุณต้องแทรกตัวเข้าไปใกล้ชิด และถ้าเป็นไปได้...จงขอร่วมทานอาหารด้วยเลย
แต่ไม่..คุณจะต้องไม่ขอตรงๆ นะคะ มันจะทำให้ดูไม่มีสไตล์ คุณจะต้องขออ้อมๆ โดยการปรารภขึ้นมาลอยๆ
"เฮ้อ..เธอว่าฉันจะทำอะไรกันดีนะ ขี้เกียจจังเลย ต้องหุงข้าวอีกแระ"
หรือไม่คุณก็ต้องใช้เหยื่อเล็กๆ ล่อปลาใหญ่ เช่น...คุณอาจจะทำไข่เจียว เพื่อล่อเอาแกงส้มและหมูกระเทียมมาแลกเปลี่ยน
"นี่ๆ ฉันเจียวไข่อยู่...เธอจะกินกับฉันไหมจ๊ะ"
แน่นอน..เขาจะไม่กิน เพราะอาหารของเขาไฮโซกว่า แต่คุณก็ต้องไม่ยอมแพ้
"หอมจังเลย นี่เธอทำอะไรน่ะ น่ากินจัง"
แล้วถ้าแผนของคุณสำเร็จ เขาก็จะชวนคุณกินข้าวด้วย และคุณก็จะเป็นที่จดจำของเขามากขึ้นในอีกระดับหนึ่ง...แต่ถ้ายังไม่สำเร็จ เพราะเขาเป็นคนมีช่องว่างมากมาย คุณต้องใช้แผนถัดไป
2.2 ยืมของ
การเข้าไปยืมตรงๆ อย่างมีมารยาท ไม่สามารถทำให้คุณป๊อบปูล่าร์ หรือกลายเป็น 'ดาวดวงเด่น' ในวงสนทนาของเพื่อนๆ ได้ คุณจะต้อง...ใช้ก่อนแล้วค่อยยืม...หรือไม่ก็ยืมแล้วคืนเกินกำหนด เพราะว่าเพื่อนไม่ใช่ห้องสมุด คุณไม่ต้องเสียค่าปรับ จะกลัวอะไรกันเล่า จาน ชาม ช้อน ส้อม เนี่ย ยืมไป..ใช้แล้วก็ไม่ต้องล้าง หรือล้างแล้วก็ไม่ต้องเก็บ มันจะทำให้สูญเสียความเป็นกันเอง ดูเป็นพิธีรีตรองมากเกินไป เวลาเพื่อนเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ทำงานคุณก็ต้องไปยืมมาใช้งาน อ้างว่าคอมของคุณเปิดโปรแกรมบางอย่างไม่ได้ แน่นอน...ว่าถ้าคุณทำหน้าตาว่ามันสำคัญจริงๆ เพื่อนไม่มีทางปฏิเสธคุณหรอก อ่อ..ไม่ต้องให้บอกซ้ำใช่ไหม..ว่าห้ามคืนตรงกำหนดนะ
สมมติว่าคุณบอกว่าจะคืนตอนบ่ายสามโมง คุณต้องยึดเอาไว้จนหกโมงเย็น รอให้เพื่อนมีท่าทีกระสับกระส่ายเล็กน้อย เพราะเขาจะโล่งอกมากกกก จนส่งสายตาซาบซึ้งแกมยินดีให้เมื่อคุณเอาของไปคืน แล้วต้องหัดสังเกตด้วยนะ...ว่าเขาใช้อะไรบ่อยๆ คุณก็ไปยืมของนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นที่เป่าผม ยืดผม เครื่องสำอาง ล้านแปด เพราะมันจะทำให้เขาเริ่มรู้สึกเป็นกันเอง เสมือนคุณเข้ามาเป็นหนึ่งในชีวิตของเขาเยี่ยงวัตถุเหล่านั้น
2.3 พยายามหาโอกาสใช้เวลากับเพื่อนเยอะๆ
หากวิธีที่ผ่านมายังไม่ทำให้คุณโดดเด่นพอ คุณจะต้องลงทุนมากกว่าเดิมแล้วล่ะ แค่ทักทายและยืมของคงยังไม่เวิร์คเหรอ ถ้าอย่างนั้นคุณจะต้องทำตัวให้ติดกับเขาเลย เช่น ถ้าเขากำลังอยู่ในห้อง คุณจะต้องหมั่นไปเคาะประตูเช็คดูว่าเขาทำอะไรอยู่ ถ้าเขาจะไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย คุณก็จะต้องขอติดสอยห้อยตามไปด้วย อ้อ...ห้องสมุด ห้องอ่านหนังสือ ซุเปอร์มาเก็ตด้วยนะ ถ้าเป็นไปได้ ห้องน้ำ ห้องส้วม เลย...ลากถุงนอนมานอนหน้าเตียงเลยก็ได้
ถ้าคุณรวย คุณซื้อเซนเซอร์มาติดหน่าประตูเขาเลยค่ะ จะได้ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทุกท่วงท่า ลีลา
ผลลัพธ์ที่ได้มันคุ้มจนเกินจะคุ้มอยู่แล้ว
เพื่อนๆ จะรักคุณมากจนพูดถึงคุณได้ตลอดเวลาที่เขาเจอกันเลยทีเดียว
3. จงอย่ากลัวที่จะ 'แตกต่าง'
ช้างเผือก...มีคุณค่าเพราะว่าช้างเชือกที่เหลือเป็นสีดำ ดังนั้น...ถ้าคุณอยากโดดเด่นแบบช้างเผือก คุณจะต้อง 'แตกต่าง' หัดสร้างแบรนดิ้งให้ตัวเองหน่อยนะ
สมมติว่า...มีคนที่มาจากที่เดียวกับคุณอยู่ประมาณ 355 คนในมหาวิทยาลัย ถ้าคุณทำตัวเหมือนคนพวกนั้น เพื่อนใหม่จะไม่ให้ความสนใจกับคุณเป็นแน่ คุณจะถูกดูดให้จมหายไปในฝูงชนทันที ดังนั้น...คุณจะต้องมีจุดยืน และหมั่นยืนยันกับเพื่อนใหม่ๆ ของคุณว่า
"อ๊าย ฉันไม่คบหรอก เพื่อนๆ พวกนั้นน่ะ ไม่ไหวเลยจ้ะ ฉันน่ะ นิสัยไม่เหมือนกับคนพวกนั้นเลย ฉันว่าเขาชอบคบกันเองมากกว่า ฉันน่ะชอบความแตกต่าง ชอบความท้าทาย ชอบความแปลกใหม่ ชอบอะไรยากๆ เธอชอบเหมือนกันมั้ยจ๊ะ"
(เธอชอบเหมือนกันมั้ยจ๊ะ <---- data-blogger-escaped-br="br">
คุณจะต้องย้ำประเด็นนี้ให้กับเพื่อนใหม่ของคุณทุกๆ คน ย้ำทุกครั้งทีเจอหน้า เพราะคำพูดเหล่านั้นมันจะค่อยๆ ซึมลงสู่อนุสติของพวกเขาทีละนิดๆ ราวกับถูกสะกดจิตด้วย Subliminal advertisement ว่า
"กู แตก ต่าง, กู โดด เด่น"
ได้ผลจริงๆ นะ จะบอกให้
4. และอย่ากลัวที่จะแสดงความคิดเห็น เป็นตัวของตัวเอง
ความกล้าแสดงออกจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรามีเสน่ห์...คุณจะต้องไม่ลังเลที่จะแสดงความคิดของคุณให้เพื่อนใหม่ได้รับรู้ แม้ว่าเขาจะคิดไม่เหมือนกันเลยก็ตาม คุณจะต้องทำให้เขายอมรับความคิดของคุณ ถ้าเขาเถียงคุณต้องพยายามพูดเป็นคนสุดท้าย เพราะนั่นแปลว่า..เขายอมรับความคิดของคุณแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น
คุณ: นี่ A ฉันว่าเธอน่ะ ใช้เวลากับ B C D E F ให้น้อยลงได้แล้วนะ คบแต่กับพวกนั้น เธอจะไม่ได้คบคนใหม่ๆ เลย
A: ทำไมล่ะ คนพวกนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร และการใช้เวลากับเขาก็ไม่ได้ทำให้ฉันไม่มีเพื่อนคนอื่นนี่
คุณ: แหม...บางทีคนเราก็ต้องฉลาดหน่อยนะ เรามาอยู่ในสังคมที่กว้างขึ้น เธอจะคบกับคนที่เคยมาจากที่เดียวกับเธอตลอดไปหรือไง
A: จริงๆ แล้วฉันคบกับใครก็ได้ ขอให้เป็นคนดี จริงใจ ก็พอแล้ว
คุณ: ไม่จริงมั้ง..ฉันเห็นเธออยู่กับคนพวกนั้นบ่อยจะตาย
A: แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ฉันไม่คบคนพวกนั้นล่ะ
(อย่ายอมแพ้...ทำให้เขายอมรับความคิดเห็นของคุณให้ได้)
คุณ: แหม ฉันก็แค่พูดเล่น แต่เธอดูนาย Z สิ เขาคบกับคนหลากหลายมากเลย เขาเป็นคนฉลาดมากนะ เธอว่ามั้ย
(ลงทุนหาตัวอย่างให้ขนาดนี้ ไม่ประทับใจก็ให้รู้ไปสิ อ่อ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะคิดว่าคุณว่าเขาโง่ เพราะที่จริงแล้ว...คุณหวังดีกับเขาต่างหาก)
A: ........................
เย้...สำเร็จแล้ว เห็นมั้ย ในที่สุดเขาก็ยอมรับความคิดเห็นคุณ อาจจะมีผู้ไม่หวังดีบางคนมาบอกคุณว่า "นี่หล่อน นังชะนี ที่เค้าเลิกพูดกับหล่อนน่ะ ชั้นว่าเพราะเค้ารำคาญหล่อนนะยะ และถ้าหล่อนทำแบบนี้ต่อไป ชั้นว่า...เค้าจะเลิกคบหล่อนเข้าสักวันแล้วล่ะ"
คุณจะต้องยึดมั่น ไม่หวั่นไหว...พวกนั้นเขาหวังจะขโมยซีนคุณ เขาเลยมาเป็นบ่างช่างยุให้คุณล้มเลิกกระบวนการสร้างความโดดเด่นครั้งนี้
เพื่อนของคุณไม่มีทางเลิกคบคุณหรอก มีแต่จะแซ่ซร้องสรรเสริญ และกล่าวถึงด้วยความชื่นชมในหมู่สังคมล่ะไม่ว่า ก็คุณหวังดีกับเขา และเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้แล้ว
5. สร้างเน็ตเวิร์ครูปดาวกระจาย (หรือดอกจัน) เพื่อให้คุณเป็นจุดศูนย์กลาง
การมีเพื่อน ก็เหมือนการสร้างเน็ตเวิร์ค แต่การสร้างเน็ตเวิร์คที่คุณจะโดดเด่นเป็นที่กล่าวขวัญ คุณจะต้องสร้างเน็ตเวิร์ครูปดาวกระจาย (หรือว่าดอกจันก็ได้) ไม่ใช่ใยแมงมุมนะ ลองนึกภาพตามซิ นึกออกมั้ย ใยแมงมุมเนี่ย...มันมีจุดศูนย์กลางก็จริง แต่ว่าจุดที่อยู่บนรัศมีต่างๆ เนี่ย มันก็ยังโยงใยถึงกัน และนั่นมันจะลดความสำคัญของตัวคุณลง
คุณจะต้องทำลายโยงใยระหว่างจุดต่างๆ เหล่านั้น
ทำยังไงล่ะ โอ๊ยยยย ง่ายนิดเดียว แต่คุณจะต้องอาศัยความช่างสังเกตหน่อยนะ
การจะทำลายโยงใยนั้น คุณต้องสังเกต 'ข้อด้อย' ของเพื่อนๆ คุณทุกคน จดบันทึกเอาไว้เลยก็ดี หลังจากนั้น...คุณก็จะต้องเข้าถึงตัวเพื่อนคนที่ 1 แล้วป้อนข้อมูลในด้านลบของเพื่อนคนที่ 2 3 4 5 ฯลฯ ลงไป และคุณก็จะต้องทำแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ
ถ้าพูดภาษาบ้านๆ ไม่วิชาการอย่างที่เป็นอยู่ ประธานฯ ก็จะใช้คำว่า 'เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน' ล่ะนะ
เข้าใจป่ะ...ถ้าไม่ จะลองยกตัวอย่างให้ดู
5.1
คุณ: A ว่าป่ะ ว่า B ที่อยู่ห้องนั้นน่ะ นิสัยไม่ดีเลยเนอะ เก็บเนื้อเก็บตัวไม่คบกับชาวบ้าน
A: จริงเหรอ เขาก็คุยกับฉันดีนะ เขาไม่คุยแต่กับเธอรึเปล่า
คุณ: แหม บ้า...ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องหนีฉันนี่่ ฉันว่าเขาเป็นคนขี้เก๊ก เห็นแก่ตัว ไม่ดูแลผู้หญิง ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย
A: ........ เออ แล้วแต่จะคิด
หลังจากนั้น...คุณก็ต้องรีบวิ่งไปหา B
คุณ: B ๆ ๆ ออกมากินข้าวด้วยกันหน่อยสิ เหงาว่ะ
B: เออ เหรอ อื่ม ก็ได้ ทำไมไม่ชวน A ล่ะ
คุณ: เฮอะ A น่ะเหรอ คิดว่าดี ที่แท้ก็พวกกบในกะลา คบกับคนเดิมๆ ยึดติดกับอะไรเดิมๆ ไม่แปลกใหม่ ไม่เปิดกว้างเลย
B: เฮ้...จริงเหรอ ฉันว่าเขาก็ปกติดีนะ คิดไปเองรึเปล่า เขาหลบหน้าแต่กับเธอมั้ง
คุณ: บ้า....จะมีเหตุผลอะไรล่ะ ที่เขาต้องหนีหน้าฉัน เอ๊ะ...ทำไมคำพูดของเธอมันฟังดูคุ้นๆ นะ เหมือนจะได้ยินมาแล้วหลายครั้ง
อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ
โจมตีจุดอ่อนเข้าไป แค่นี้เพื่อนๆ เขาก็จะตาสว่าง...มองเห็นสัจธรรม ว่าคนอื่นมีข้อเสีย มีจุดอ่อนหมดเลย ยกเว้นคุณ ถ้าทำมาถึงตรงนี้แล้ว...คุณจะโดดเด่น เป็นที่รู้จัก กล่าวขวัญถึงไปอย่างน้อย 1 ปีแน่นอน เชื่อประธานสิคะ
เอาล่ะ ขออนุญาตไปทำงานต่อ..
ขอขอบคุณแรงบันดาลใจอันรุนแรงที่แวะเวียนมาหาถึงหน้าประตู และทะลุทะลวงเอ็มเอสเอ็น ที่ทำให้เกิดบทความบทนี้...
ได้เขียนแล้วสบายใจขึ้นล่ะ ทำงานต่อดีกว่า ลัลล้า
ประธานชมรมคนโสดแสนสุข
7 มีนา 2551
10 ความคิดเห็น:
เรต ป ยังน้อยไป ต้อง ปปปป
ฮาย.. ยิ้ม (พยายามคิดถึงเสียง จจ เข้าไว้) 555
^ ^'
แอ๊บแบ๊ว...
ไม่รู้เรื่อง
ฮายย ยิ้ม
อ่านแล้วมีหน้าคนๆนึงโผล่มาทันที
เหอๆ ชีป๊อบปูลาร์จิงๆ ขอบอก
เอ๊ะ ใครเหรอ
งึมงำๆ
แสบสันต์ได้ใจมากเลยน้อง
อ่านแล้วเห็นภาพตามเลยยิ้ม... :P
สุดยอดดดดด ฮะๆ ^^
โอ้ววว มีฟีดแบ็คตามมา ขอบคุณมาก สำหรับดาวๆ
พี่กิฟต์: ตอนเขียนนั้น แรงบันดาลใจกำลังเดือนพล่าน ^ ^' แหะๆ
พี่ชัช: อิอิ นำไปปฏิบัติได้นะคะ
แชมป์: ^ ^' แหะ ๆ ๆ เขิน
ท่าทางจะเป็นประสบการณ์ตรง อิอิ
คืออยากใช้อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครคบไหม 55+
แสดงความคิดเห็น