Rating: | ★★★★ |
Category: | Other |
วันนี้ไปต่อสูตร (คล้ายๆ ต่อเพลงน่ะค่ะ เพราะใช้วิธีจำเอา ไม่ได้จด อิอิ) ทำทิรามิสุ ขนมหวานสัญชาติอิตาเลียนจากน้องปุ๋มมา โดยมีการใส่ผงชาเขียวลงไปด้วยนิดหน่อย ทำให้ได้ผลผลิตออกมาเป็นทิรามิสุที่มีสีเขียวอ่อนๆ ได้กลิ่นชาเขียวนิดๆ ละมุนลิ้น (มันคือโฆษณาชวนเชื่อน่ะค่ะ พูดให้ฟังดูดี - จริงๆ ก็คงจะไม่ได้รสเลิศขนาดเบเกอรี่อย่างนั้นหรอก)
รสชาติจะเป็นยังไงยังไม่รู้ แต่ว่าหน้าตาออกมาสวยงามมาก ดังนี้

ส่วนนี่ น้องปุ๋มเจ้าของสูตรกับขนมเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ออกมาสวยมั้ยล่ะ อิอิ แช่เย็นไว้คืนนึง เดี๋ยวก็รู้ว่าออกมาหมู่หรือจ่า
.
.
.
.
จากการเข้าครัวถี่ๆ ในช่วงนี้...ทำให้อยู่ดีๆ ก็นึกถึงประวัติการทำอาหารของตัวเองขึ้นมา เพราะว่าตั้งแต่จำความได้ การทำอาหารไม่เคยจะถูกรวบรวมเข้าไปในหมวดหมู่กิจกรรมยามว่างที่โปรดปรานเลย ทุกครั้งที่ต้องทำก็คือ...ทำเพื่อกินกันตายไปวันๆ เท่านั้น และถ้าให้เลือกระหว่างทำเองกับขี่จักรยานออกไปกินก๋วยเตี๋ยวหน้าหมู่บ้าน ยิ้มก็คงเลือกอย่างหลังมากกว่า
ประวัติการทำอาหารครั้งแรกสุด เกิดขึ้นในสมัย ป. 3 อายุประมาณ 8 ขวบ ตอนนั้นหัดทำอะไรง่ายๆ อาทิเช่น อาหารจานไข่ ผัดผักบุ้ง ต้มยำ รวมมิตร เออ...จริงๆ ทำอาหารกินเอง รสชาติมันก็อร่อยดีนะ ปรุงได้ตามใจอยาก แต่ว่ามันดันมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ยิ้มเกลียดวิชาทำอาหารมากเลย เรื่องมันมีอยู่ว่าพอเพื่อนร่วมกลุ่มทำอาหารเสร็จก็หนีไปกิน ไอ้เรากำลังจะเดินๆ ไปนั่งกินสบายใจเฉิบบ้าง ก็มักจะโดนครูเรียกใช้อยู่เสมอ
"ศศิษยา ช่วยครูเก็บอุปกรณ์ไปล้าง ทำความสะอาดโต๊ะด้วย" (สงสัยจะเห็นว่าเราใช้งานได้ เชื่อถือได้ล่ะมั้ง)
ก็เป็นคนดี ไปจัดการงานพวกนั้นเสียให้เสร็จก่อน จริงๆ แล้ว หน้าที่พวกนั้นมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอกค่ะ แต่ว่าถ้าต้องทำทุกครั้งๆ มันก็นะ...เซ็งอ้ะ คนอื่นได้ไปนั่งกินสบายๆ ส่วนตัวเรารึ กว่าจะได้ไปนั่งกิน อาหารก็เกือบหมดเสียแล้ว ยังจำได้ดีอยู่เลย ว่าตอนทำผัดผักบุ้งเนี่ย ยิ้มกับเพื่อนอีกคนอุตส่าห์เป็นคนดี ไปล้างจานชามอุปกรณ์ก่อน พอกลับมาถึงโต๊ะที่เขากินข้าวกันอยู่ โอ้...ไม่ ผัดผักบุ้งชามเบ้อเริ่ม ตอนนี้เหลือแต่ก้านไว้ให้เรา...
กรี๊ดดดดด อิฉันชอบกินใบ ไม่ชอบกินก้านผักบุ้งเสียด้วย จะกลับไปกินข้าวที่โรงเรียนเลี้ยงก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะว่ามันเลยเวลาอาหารมานานโข เสียแรงหิ้วท้องกะจะกินอาหารฝีมือตัวเองเสียหน่อย
ฮือ ๆ ๆ แค้นว่ะ..
ตั้งแต่นั้นมาเลยพานไม่ชอบการทำอาหารไปเลย ฮือ...
พอเริ่มเติบโตขึ้น วิชางานบ้านก็เริ่มซับซ้อนขึ้นตามลำดับ จากอาหารจานไข่ ผัดผัก ของว่างง่ายๆ ก็เริ่มพัฒนาเป็นหมูแดดเดียว แกงคั่ว ปลาดุกฟู น้ำพริกอ่อง น้ำพริกกะปิ แล้วยิ้มก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนไปล้างอุปกรณ์อีกต่อไปแล้ว แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ความทรงจำแรกๆ มันฝังลึกจนยากจะลบเลือน มองเห็นการทำอาหารเป็นเรื่องยุ่งยาก เสียเวลา
สภาพสังคมที่อยู่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยิ้มไม่ค่อยจะได้ทำอาหารด้วยค่ะ เพราะเมื่อพ่อจ๋ากับแม่จ๋ามีภาระมากขึ้น เราก็ไม่ค่อยจะได้ทำอาหารกินกันที่บ้านแล้ว เราเริ่มยังชีพด้วยอาหารปรุงสำเร็จจากร้านหน้าหมู่บ้าน กินกันอยู่หลายปี จนตอนนี้...แค่นึกชื่อเมนูก็รู้สึกได้ถึงรสชาติที่ปลายลิ้น และเจ้าของร้านก็ไม่คิดจะเปลี่ยนเมนู หรือหาอะไรใหม่ๆ มาสลับเพื่อแก้เบื่อเล้ยยยย T-T
ก็เพราะอย่างนี้แหละค่ะ...สิ่งที่เคยเรียนๆ มาในวิชางานบ้านก็เลยหลบหนีหาย ซ่อนเร้น กลับเข้าไปอยู่ในซอกหลืบแห่งความทรงจำ และสมองมันเลยบันทึกเอาไว้ว่า "ไอ้ยิ้ม แกทำอาหารไม่เป็นนะจ๊ะ" มาตลอด
อีกสาเหตุหนึ่งของการไม่ทำอาหารที่ไม่ค่อยอยากจะบอกใคร เพราะมันอาจจะดูไร้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับก็คือ...แม่จ๋าเคยเอาดวงไปให้หมอดูเขาดูให้ หมอดูก็ทายนิสัยข้าพเจ้าว่า
"อืม...ดวงเขาเป็นผู้หญิง แต่ข้างในเขาเหมือนผู้ชายนะ ภายนอกอาจจะอ่อนหวาน เรียบร้อย (เรอะ? ) แต่จริงๆ เขาใจร้อน อารมณ์รุนแรง ไม่ชอบหยุมหยิม นิสัยเหมือนผู้ชายเลยล่ะ ดังนั้นพวกงานบ้าน งานเรือนอะไรอย่างทำกับข้าวนี่ เขาจะไม่ถนัดเลย"
โอ้ว...พอได้ยินก็เหมือนโดนสะกดจิตซ้ำเข้าไปอีก
"งานบ้านงานเรือนอย่างทำกับข้าวนี่ เขาจะไม่ถนัดเลย เลย เลย เลย เลย เลย เลย"
เออ ไม่ถนัดก็ไม่ถนัดสิ...ไม่ทำก็ได้ (ฟะ)
จนกระทั่ง...ต้องระเห็จออกมาจากบ้าน
มาอยู่อังกฤษช่วงแรกๆ ก็บังเอิญได้อยู่บ้านเดียวกับสาวๆ เพื่อนคนไทยอีก 3 คน ที่พักเป็น boarding house ของโรงเรียน ซึ่งมีอาหารให้ เช้า - เย็น ไม่มีครัวให้นักเรียนใช้ มแต่ครัวของบ้าน เราก็เลยไม่ค่อยมีโอกาสจะได้ทำอาหารอีก แต่โชคยังดี ที่ house manager รู้สึกรักคนไทยมาก อาจจะเป็นเพราะเรา(ดูเหมือนว่าจะ)เรียบร้อย ความประพฤติดี มีวินัย ใส่ใจการเรียน พวกเราจึงได้รับโอกาสให้ทำอาหารไทยกินได้บางครั้ง ดังนั้น..ทักษะในการหั่นผักที่หายไปเลยเริ่มกลับมาอีกครั้ง
ใช่ค่ะ...แค่ทักษะหั่นผักเท่านั้นเอง - -' เพราะว่าเพื่อนผู้ชาย ลูกครึ่งไทย - ฮ่องกง คนหนึ่งที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน ประกาศก้อง
"ผู้หญิงพวกนี้อะไรวะ ทำอาหารไม่ได้เรื่อง สู้กูก็ไม่ได้"
พวกเราจึงมีบทบาทเป็นเพียงตัวประกอบในครัวเท่านั้น...
พอจบจาก A-level College ก็แยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยกัน ข้าพเจ้าก็ดันไปอยู่หอที่มีอาหารให้เช้า - เย็นอีก ก็เลยยังไม่มีโอกาสจะได้ทำอาหารจนแล้วจนรอด เวลาผันผ่านไป...จนขึ้นปีที่สอง เพื่อนสาวคนสนิทชาวญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มจะคุ้นเคยกันดีแล้ว(จึงไม่เหลือความเกรงใจอีกต่อไป) ก็ร้องขอ
เพื่อน: "ยิ้ม...เราชอบอาหารไทยมากเลย ทำให้กินหน่อยสิ"
ยิ้ม: "หืมมน์" (กลอกตาขึ้นเบื้องบน เพื่อขอพรสวรรค์ให้บอกดังๆ ว่าฝันไป)
เพื่อน: "หรือว่าทำไม่เป็น"
ยิ้ม: "เฮ้ย...เป็นดิ นัดเวลามาเลย" (กลัวเสียฟอร์ม - -' แต่ไม่ยักกลัวทำครัวเขาไหม้แฮะ)
เอาล่ะสิ...
ไม่ได้ทำอาหารมานานแค่ไหนกันนะ อื่ม รู้สึกว่าจะทำแบบเต็มยศครั้งสุดท้ายตอน ม. 1 ถ้าไม่นับการทอดไข่เจียวที่ไม่ต้องใช้ฝีมือ และไม่นับการทำอาหารรวมกันกับเพื่อนๆ ก่อนหน้านี้ ที่หน้าที่ประจำของอิฉันคือหั่นผัก หั่นเนื้อ
แม่เจ้าโว้ย...ทำไงดี ทำอะไรง่ายๆ ก่อนก็แล้วกัน และเมนูง่ายๆ ที่ตกลงทำตอนนั้นคือ แกงเขียวหวาน ไข่ยัดไส้ และหมูทอดกระเทียมสำหรับคน 5 คน เพราะโลโบคงไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวังหรอกใช่มั้ยคะ หุ หุ หุ
สรุป: แกงเขียวหวานออกมารสชาติใช้ได้ทีเดียว แต่เผ็ดจนเหมือนรสชาติของคนไทยเลยวุ้ย ยิ้มน้อยที่น่ารักเลยจำต้องเสียสละอาหารจานอื่นๆ ให้เพื่อนกิน ตัวเองก็กินแกงไปไส้จะทะลุ ไข่ยัดไส้ขายออกหมด หมูกระเทียมก็หมด เออมันก็ไม่เลวร้ายเท่าที่คิดเนอะ
เพื่อนๆ อาจจะคิดว่า....
1. กินฟรี ได้แค่นี้ก็เอาแล้ว
2. อร่อยดีแฮะ ไม่เห็นเหมือนอาหารไทยตามร้านเลย (จริงๆ ก็อยากให้เหมือน แต่ทำได้แค่นั้น)
3. โอ้ อร่อยจริงๆ เห็นไอ้ยิ้มมันถึกๆ เหมาะกับการขุดดิน ไม่น่าเชื่อว่าจะทำอาหารได้ด้วย
4. ชมๆ ไว้ก่อน คราวหน้าจะได้มาทำให้อีก
5.ถูกทุกข้อ
6. อื่นๆ โปรดระบุ
ไม่รู้ว่าเพื่อนจะเลือกข้อไหน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ได้มีการร้องขอให้นางสาวศศิษยาไปทำอาหารไทยให้อยู่เนืองๆ และเมนูก็ได้สลับปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจ๊ๆ ได้มีโอกาสลิ้มรสแกงเผ็ด หรือที่แถวๆ นี้เรียกกันว่า red curry ข้าพเจ้าก็จำต้องทำเมนูนี้ซ้ำๆ ไม่มีโอกาสได้ทดลองฝีมือทำอาหารจานอื่นอีกเลย เพราะเจ๊ๆ ชอบกินแกงกันมากตามประสาคนญี่ปุ่น
การทำกับข้าวก็เริ่มกลายมาเป็นกิจกรรมพักผ่อนหลังเลิกเรียน และเป็นเวลาที่เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทั้งในเชิงวิชาการ ความเชื่อ วัฒนธรรม อาทิเช่น
เพื่อน: ล้า ลา หล่า ลา ล้า หล่า ลา (ความรู้เชิงดุริยางคศิลป์)
ยิ้ม: คนไทยมีความเชื่อว่าถ้าร้องเพลงตอนทำอาหาร จะได้สามีแก่แหละ รู้ป่าวว (ความเชื่อ - วัฒนธรรม)
เพื่อน: จริงเหรอ ทำไมวันก่อนยูก็ร้องเพลงในครัวล่ะ ยูไม่กลัวเหรอ (โต้แย้งด้วยเหตุผล)
ยิ้ม: ไอไม่กลัวได้สามีแก่หรอก ไอกลัวไม่มีสามีมากกว่า ไอเลยชอบร้องเพลงในครัวไง อย่างน้อยก็จะได้เป็นการรับประกัน ว่ายังหาสามีได้ล่ะวะ ถึงแก่ก็ยังดีกว่าไม่มี (วิเคราะห์และสังเคราะห์)
ฯลฯ
พอจบปริญญาตรี ก็ยุรยาตรขนย้ายข้าวของหนีออกจากลอนดอนมาลงเอยที่ยอร์ค โชคดี๊ โชคดี ได้แฟลตเมตเป็นแม่ศรีเรือน ทำให้ศศิษยาได้ใช้เวลาในครัวมากขึ้น นัยว่าเป็นการพบปะพูดคุยกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ไปในตัว จนท้ายปี พวกเราสนิทกันมากก - มากที่สุด
เพื่อนคนไทยก็ชอบชวนทำอาหารร่วมกัน เพราะว่าทำกินคนเดียวมันทำให้อลังการไม่ได้ ส่วนพี่ๆ ที่นี่...โอ้ววววว ไม่ต้องพูดถึง แต่ละคนมีวิชาการเรือนติดตัวมาประหนึ่งเรียนจบได้ปริญญาคหกรรมมาแล้วคนละใบหรือสองใบ จึงได้มีโอกาสลิ้มรสอาหารรสเลิศจำพวกผัดไทย ข้าวมันไก่ ไข่พะโล้ ปลาสามรส ส้มตำ หมูย่าง ฯลฯ อยู่เนืองๆ
เมื่อการณ์เป็นเยี่ยงนี้...จะชอบหรือไม่ชอบ ข้าพเจ้าก็ต้องเริ่มกลับมาทำอาหารอีกครั้ง เพราะจะไปเกาะกินพี่ๆ เขาเฉยๆ อย่างเดียวตลอดไป มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้
ปัจจุบัน...ก็ยังไม่ได้เป็นแม่ครัวที่ดีอยู่ดีแหละค่ะ เพราะว่าจะให้ไปตำน้ำพริกแกงส้มเอง ก็ทำไม่ได้ หรือจะให้ไปทำอาหารพื้นเมืองอย่างแกงอ่อม ผักกาดจอ แกงผักหวาน ห่อแอ็บ ไส้อั่ว ก็ยังทำไม่เป็นอยู่ดี แล้วเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ว่าต้องใส่อันโน้นในอันนี้ เพื่อให้ได้รสชาติแบบนั้นแบบนี้ ก็ไม่มีเลยสักนิด แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังได้รับการพัฒนามาในระดับหนึ่ง ทุกวันนี้...เวลาเห็นสาวๆ ชาวอังกฤษทำอาหารไม่เป็น ยังชีพกับอาหารแช่แข็งที่เอามาใส่ไมโครเวฟ แต่มีเวลาแต่งหน้าได้เฉียบ ไว้เล็บเสียยาวเฟื้อย ก็จะแอบสงสารอยู่ในใจ โธ่..สาวสมัยใหม่
ขอขอบคุณสิ่งแวดล้อมที่บีบบังคับให้ทำอาหารเป็น อย่างน้อยก็ทำเลี้ยงตัวเองและคนรอบข้างได้ล่ะนะ
ตอนนี้ยิ้มตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าได้กลับไปบ้านอีกครั้ง จะหัดทำอาหารพื้นเมืองที่กล่าวมาน่ะค่ะ เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ถ้าไม่มีคนสานต่อ อาหารพวกนี้คงค่อยๆ หายไปๆ จากความทรงจำ เพราะทุกวันนี้ อาหารที่ยิ้มทำกินอยู่ ก็เป็นอาหารภาคกลางทั้งนั้นเลย เราจะมิยอมให้อัตลักษณ์ทางด้านอาหารถูกกลืน
บ่นมานาน ขอลากลับไปทำงานด้วยประการฉะนี้ ชะเอิงเงย</ font>
26 ความคิดเห็น:
น่ากินจังเลยยยย หลังจากมีไอติมชาเขียวแล้ว คราวนี้ก็ทีรามิสุบ้างเนาะ็ ผลเป็นยังไงบอกเล่ากันด้วยเน้อ
อื่มส้ม..อร่อยดีแหละ workๆ
กลับมาจากปฏิบัติธรรม ก็กะจะไปซื้อเครื่องตีไข่กับที่ชงกาแฟแล้วก็ mixing bowl ขนาดใหญ่มาละ คราวหน้าจะได้มีอุปกรณ์ไว้หัดทำอย่างอื่นด้วย
แหนมพี่อร่อยกว่า :P
^
^
^
ไม่เชื่อ จนกว่าจะได้ชิม
ซื้อหมูสับ, กระเทียม, พริกขี้หนู บวกถุงร้อน มาให้ที่บ้านนะ แล้วเดี๋ยวพี่ทำให้กิน หรือไม่ก็หิ้วเหล้า หิ้วเบียร์ เข้าไปที่บ้าน อันนี้ให้กินแหนมฟรี ฮี่ฮี่ :D
- -'
ได้ข่าวว่าจะไปเข้าวัด
อื่ม ตอนนี้สะสมแต่ไวน์อ้ะ
เอาไวน์ไปได้ป่ะ
ไวน์แดงพอไหว แต่ขวดเดียวร่วงแหงมๆ
นี่เราย้ายที่ซ่องสุมรึนี่ = ='
หมายความว่ากระทู้หรือบ้าน?
กระทู้น่ะ แหะๆ
ไม่มั้ง เพราะพี่กะลังจะกลับบ้านละ วันนี้วิ่งซะนานเลยเหนื่อยเป็นพิเศษ
ไว้คุยกันตอนกลับมาแล้ว ;-)
หัวใจตรงกลาง สีมันเขียวทืมๆช้ำๆเน๊อะ.. ท่าทางทีระมิสึอันนี้จะขม..แบบว่า รักขมเพราะมีหัวใจสีเขียวช้ำๆอยู่ตรงกลาง ฮาๆๆๆๆ
อ่านแล้วหิวอ่า ไว้ว่างๆทำอะไรอร่อยๆกินบ้างดีก่า
อ่อ.. ลืมชม presenter.. รูปนี้คางเป็นคางเลยนะคับคุณน้อง.. ครั๊กๆๆ
สงสัยอย่างเดียวนะป้า
กินแล้วตายไหม?
พี่แชงก์: รสชาเขียวเชียวนะเพ่ น่ากินออก
ป.ล. แหม รูปนี้ปุ๋มออกจะสวย อิอิ
เอมี่: เอาเลยๆ เราว่าจะลองซื้อหนังสือมาหัดทำเค้กเหมือนกัน แหะๆ (ยังกะตอนนี้อ้วนไม่พอฮือๆ )
หลานฟลุก: แหม ป้าก็กินมาแล้ว ยังไม่เห็นจะตาย ยังอยู่ดีมีสุข สวยๆ เริ่ดๆ เกิดมาพร้อมความมั่นใจแบบนี้
เอาไปเลยห้าดาว เพราะ presenter สวยยยย
ฮ่าๆๆ
อร่อยเนอะๆ พี่ยิ้ม ไว้วันหลังเราค่อยทำอีก
แหมอีนังพี่แชงค์ มุมดีแล้วผิดตรงไหน
อร่อยมากเลยปุ๋ม อิอิ
เราลองขยายกิจการไปทำเบเกอรี่แบบอื่นด้วยดีก่าเนอะ
"ให้ห้าดาวเพราะ presenter สวย"
-____-''
จิงๆกะให้สี่ดาวครึ่ง แต่เห็นที่ presenter สวยเลยให้เต็มห้า
มีไรป่ะ
อะไรกันๆๆ... แถวนี้เอะอะโวยวายไรกัน.. พูดถึงเรื่องไก่ย่างห้าดาวกันอยู่เหลอ.. O_0!
อ๋อ จริงๆ presenter มีแค่ครึ่งคะแนนใช่ปะ? พอรวมกับอาหารเลยได้ 5 พอดีเป๊ะ
:D
ปุ๋มเค้าหมายความว่า Presenter 5 ดาว อาหาร 4.5 ดาว รวมๆ กันแล้วหาค่าเฉลี่ยได้ 4.75 ใกล้เคียงกะ 5 มากๆ ก็เลยปัดเป็น 5 ไง อิอิ
(เข้าข้างกันสุด ๆ)
ใช่เลยค่า พี่ยิ้ม ถูกต้องที่สุด
รักพี่ยิ้มที่ซู๊ดดดด
จุ๊บๆๆๆ
ฟังไม่ขึ้นอย่างแรง!!
เข้ามาเยี่ยมค่ะ ตามทีรามิสุมา ไม่นึกว่าจะเจอคนรู้จักกันจากมัลติพลายและไฮไฟว์ ฮ่าฮ่า
แสดงความคิดเห็น