
Rating: | ★★★ |
Category: | Other |
วันนี้นึกถึงสัตว์โลกแสนรักขึ้นมา เพราะสภาพสวนที่เป็นกึ่งสวนกึ่งป่า สิ่งมีชีวิตมากมายก็พากันเข้ามาพึ่งพาอาศัย อยู่ๆ ไปก็รู้จักมากขึ้นทีละตัว สองตัว อะไรที่ไม่เคยเห็นก็เริ่มจะได้เห็น เหมือนเป็นเพื่อนกันนี่แหละค่ะ แต่ว่า...สัตว์บางชนิด ไม่ว่าจะเห็นบ่อยแค่ไหน ก็ทำใจให้ชินไม่ได้เลย ให้ตายสิ T_T ก็รู้ทั้งรู้นะคะ ว่าเขาก็ไม่มาทำอันตรายอะไรเราหรอก ถ้าไม่ไปทำร้ายเขาก่อน แต่ก็โอว....เห็นทีไร ใจมันก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเสียทุกทีสิน่า เพื่อนๆ ที่คุ้นเคยกันก็มีดังนี้ค่ะ
1. ตะขาบทายาทอสูร
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เคยเห็นตะขาบตัวกว้างขนาดนิ้วชี้ ยาวคืบกว่าๆ ไหมคะ ก็อาจจะเคยแหละ เนอะ แต่เคยโดนมันไต่เท้าไหมคะ ฮือ ๆๆ ๆ ๆ ๆ มันเป็นประสบการณ์ที่พูดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยค่ะ ทั้งกลัว ทั้งขวัญเสีย ทั้ง.... หงืดๆ ตอนนั้น ป้าจ๋าเขาสูบน้ำมารดน้ำสนามหญ้าน่ะค่ะ โดยการเอาสายยางที่ต่อมาจากไดโว่วางทิ้งไว้ ก็จะมีน้ำขังเป็นแอ่งๆ ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กๆ น่ะ ชอบเล่นน้ำ ยิ่งเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนด้วย แหม... รดน้ำสนามทีไรก็สวรรค์เลย
"เล่นแต่ตรงสนามหญ้านะ ตรงที่โล่งๆ ตรงนี้"
จริงๆ ก็มีคำสั่งก่อนเล่นแล้วอ้ะ แต่พอเล่นไปๆ ก็เพลิน เริ่มเพิ่มวงกว้างในการเล่นน้ำมากขึ้นๆ จนไปถึงลานดินซึ่งจริงๆ แล้วก็อยู่ในบริเวณหน้าบ้านอยู่ เพียงแต่มันอยู่ใกล้ดงไม้ที่เขาจัดเอาไว้แบบสวนป่านั่นเอง
ตอนแรกก็รู้จั๊กกะจี้ที่เท้านิดๆ เหมือนมีอะไรไต่หรืออะไรไหลผ่าน มองลงไป อ๊ากกกกกก ตะขาบทายาทอสูร ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วมันก็ค่อยๆ เลื้อยผ่านเท้า แล้วว่ายน้ำเล่น แล้วก็เดินต่อไปบนโคลนเลน ดุ๊กดิ๊กๆ ห่างออกไป ท่ามกลางอาการตกตะลึงของเด็กหญิงยิ้ม
"กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดด" พอตั้งตัวได้แล้ว...กรี๊ดใหญ่เลยค่ะร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นนาน จนใครๆ ก็ต้องเข้ามาปลอบ...ไม่เล่นแล้วค่ะ
ไม่เข้าไปเล่นน้ำแถวๆ นั้นอีกแล้วค่ะ
นอกจากสัตว์มีพิษตัวใหญ่ๆ อย่างตะขาบ ยังอาจจะมีภัยที่มองไม่เห็นอย่างพยาธิอีกด้วย
โชคดีเหลือเกินที่รอดมาได้
2. ตุ๊กแก
ตุ๊กแก ภาษาเหนือเรียก "ต๊กโต"
ดวงของยิ้มนี่ช่างสมพงศ์กะต๊กโตเหลือเกิน
ตอนเด็กๆ เช่าบ้านทรงไทยที่ไม่ค่อยมิดชิดอยู่ที่เชียงใหม่ก็เจอตุ๊กแกสีฟ้าลายจุดแดงมาเกาะเป็นเพื่อนตรงเสาห้องนอนทุกวัน พอย้ายบ้านมาอยู่หลังปัจจุบันที่มิดชิดดี ตุ๊กแกสวน ก็เริ่มมาขยายพันธุ์ที่บ้านยายอีก สภาพบ้านยายตอนนั้นก็ไม่มีมุ้งลวดนะคะ จะนอนก็ต้องใช้มุ้ง 4 เสาเอา เพราะว่าส่วนบนของบ้านก็เหมือนเรือนไทยทั่วไปแหละ หลังคาสูง และโปร่ง มองเห็นกระเบื้องมุงหลังคาเลย จะว่าเย็นดี ลมโกรกดี มันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าน้องตุ๊กเนี่ย....ชอบแวะเวียนมาเยี่ยมอยู่เรื่อย บางทีก็มาเกาะอยู่ตรงห้องน้ำเอาเสียเลย
บางตัวก็สีน้ำตาลๆ
บางตัวก็มีลายจุดแดงๆ แต่ยิ้มจะกลัวตัวสีฟ้าๆ ลายจุดแดงที่สุด อี๋....ธรรมชาติสร้างสรรค์มาได้ไง ฮือ ๆ ยิ่งเวลาได้ยินคนขู่
"อย่าดื้อนะๆ เดี๋ยวตุ๊กแกจะมาเกาะคอ ถ้าโดนมันเกาะแล้วมันไม่ปล่อยนะ ต้องรอให้ฟ้าร้องมันถึงจะปล่อย"
โฮ....คุณขา
แค่จินตนาการว่ามีสิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้ายจิ้งจกตัวยาวเกือบศอก นิ่มๆ หยุ่นๆ ตีนเหนียวยังกะกาวมาเกาะตรงคอ กระดิกหางไปมาเป็นตัว S ฮือออออออออออออ
แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้ว ดังนั้น....เมื่อเห็นตุ๊กแกเกาะในห้องน้ำ ยิ้มจึงไม่ยอมอาบน้ำเด็ดขาด -_-"
"จะกลัวอะไรเล่า ก็อาบๆ ไปเถอะ" ป้าจ๋าบอก
"ฮือ...ถ้ามันร่วงลงมาล่ะ ตกลงมาใส่ยิ้มพอดีก็แย่สิ"
ด้วยความหวาดหวั่น แต่จำเป็นต้องอาบ เพราะวันนั้นไปทำตัวมอมแมมมา ก็เลยตัดสินใจไปอาบโล่งๆ ที่โอ่งมังกรตรงลานล้างจานแทน ปิดไฟให้มืดเสียก็ไม่มีใครเห็น
อ่า...ได้อาบน้ำในห้องน้ำที่ไม่มีฝา มีดวงดาวเป็นฝ้าเพดาน ส่องแสงระยิบๆ สลัวๆ ก็โรแมนติกดีนะคะ แต่ตอนนั้น ไม่มีอารมณ์ดื่มด่ำหรอกค่ะ เป็นโรค Geckophobia ไปแล้น....อาบไปก็สยองไป กลัวว่ามันจะโผล่มาจากในโอ่งด้วยซ้ำ ไม่คิดมั่งเลยว่าน้ำก็มีออกเต็ม ถ้าเข้าไปอยู่ได้ ก็แปลว่าตุ๊กแกมันเรียนดำน้ำแล้ว...งือๆ ๆ
3. นกกะปูด ไม่รู้สะกดยังไงน่ะค่ะ
ปู๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
นกกะปูดตาแดง น้ำแห้งก็ตาย
เพลงนี้ตอนเด็กๆ ก็เคยได้ยินมาบ้างน่ะค่ะ ตอนแรกๆ นกกะปูดเป็นของหายากมากในแถบ บ้านล้อง อ. ป่าซาง เพราะน้ำเหมืองมันแห้งอยู่เป็นนิจ มันจะมาก็ต่อเมื่อฤดูฝนมาถึงแล้วเท่านั้นแหละ แล้วก็อยู่อย่างนั้นอีกครึ่งปี จนหมดหนาว เข้าสู่หน้าแล้ง
ครั้งแรกที่เห็นนกกะปูดยิ้มคิดว่าเป็นแม่ไก่เสียอีก ก็ตัวมันใหญ่ แต่สีมันแปลกๆ หางมันสีรน้ำตาลอ่อนๆ ยาวๆ นกกะปูดนี้ เค้าว่าเป็นนกนิสัยไม่ดี ชอบกินลูกนกอื่นๆ น่ะค่ะ ตั้งแต่มีนกกะปูดมา เสียงปู๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ก็ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ๆ ๆ แต่เสียงนกจิ๊บๆ ๆ ๆ ก็ลดลงๆ จนชาวบ้านเริ่มออกมายิงนกกะปูดกัน
แต่ว่าเขตบ้านยายยิ้ม 'ดุ' ค่ะ ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามายิงหรอก
'ดุ' อันดับที่หนึ่ง ยายกับป้าจ๋าน่ะดุ ใครๆ ก็กลัว ยิ่งป้าจ๋าด้วยแล้ว...สมัยสาวๆ เค้าเป็นประธานกลุ่มหนุ่มสาวน่ะ (แต่ก็เป็นช่างฟ้อนของหมู่บ้านด้วย ช่างเป็นบทบาทที่ อื่ม...เข้ากันจริงๆ)
'ดุ' อันดับที่สองคือ หมาดุค่ะ มีสวนก็ต้องมีหมาเฝ้าสวน แล้วแต่ละตัวที่มีก็จงรักภักดีเหลือเกิน ความดุของหมาเลื่องลือไปหมด
'ดุ' อันดับสามคือผีดุค่ะ คนเขาชอบร่ำลือกันว่าแถวนั้นน่ะ ของแรง...เพราะสวนเราอยู่ตรงที่กลางหมู่บ้านพอดี แถมมีต้นข่อยสูงใหญ่ดกหนาอยู่ตรงมุมบ้านสร้างความเกรงขามให้ประชาชี ก็อยู่มาแต่เล็กจนโตก็ไม่เห็นมีอะไร แต่คนเค้าก็กลัว...ตกเย็นมานี่ก็ไม่ค่อยชอบเดินกันละ บางคนเจ็บป่วยอะไรก็มาทำพิธีเลี้ยงผีแถวๆ บ้านยาย ก็นะ...อื่ม...ดีละ คนจะได้ไม่ค่อยมายุ่ง
หมายเหตุ: พิธีเลี้ยงผีนี่ คือเขาจะเอาถาดอาหาร เหล้า ไปไว้ทางที่เชื่อว่ามี 'สิ่งเหนือธรรมชาติ' อยู่น่ะค่ะ แล้วก็ขอขมาลาโทษ เพราะคิดว่าตนเองไปทำอะไรไม่ดีไว้ เลยโดนทำให้เจ็บป่วย
แต่นั่นแหละ มีหรือไม่มี ก็บอกไม่ได้ เพราะอยู่มาเองก็ไม่ได้เป็นอะไร สวนนี้ก็เลยเป็นเหมือน sanctuary ของนก รวมถึงนกกะปูดนี้ด้วย จากสมัยก่อนที่เริ่มตื่นเมื่อไก่ขัน เอ้ก อี๋ เอ้ก เอ้ก ช่วงหลังๆ ยิ้มก็เริ่มตื่นเพราะเสียงนกกะปูดร้องแทน
'ปู๊ด ๆ ๆๆๆ ' ถึงจะเป็นนกเกเร... แต่ว่าเสียงของมันก็ทำให้ยิ้มรู้สึกดีล่ะนะ รู้สึกดีจังที่ได้กลับไปนอนบ้านสวนอากาศดีๆ สูดหายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง
4.แมงเม่า - แมงมัน
2 ชนิดนี้ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันนะคะ แต่มันจะกลายมาเป็นาหารเหมือนกันน่ะค่ะ เลยเอามารวมไว้ในข้อนี้
แมงเปล่าในบริบทนี้คือแมงเม่าปลวกนะคะ แมงเม่ามดสีดำๆ ไม่นับ เพราะกินไม่ได้ แต่แมงเม่าปลวกนี่ ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกมันจะออกมายามหลังฝนตกน่ะค่ะ ออกมาตามหาแสงไฟ เหมือนเค้าว่ามันจะออกมาผสมพันธุ์ แล้วก็ไข่ แล้วก็ตาย ออกมาทีไรตุ๊กแก จิ้งจกก็เปรมปรีดา แต่ว่าเจ้าของบ้านหน้าหงิก เพราะว่ามันจะปลิดปลีกของตัวเองก่อนตายทำให้รกไปทั้งบ้าน แถมยังเสี่ยงกะการที่มันไข่ทิ้งยังผลให้ปลวกตัวเล็กๆ ขึ้นบ้านทีหลังอีก ยิ่งบ้านเป็นไม้ไปครึ่งหลังด้วย
ตอนนั้นไม่รู้ใครชักนำ แต่ยิ้มกระโดดหยองๆ จับแมงเม่าน่ะค่ะ
ไม่ได้จับเล่นๆ นะ แต่จะเอาไปคั่วกิน -_-
ค่ะ แมงเม่าคั่วเกลือกรอบๆ อร่อยนะ จะบอกให้
ตอนแรกก็ยังแรงดี จับได้เยอะๆ หลังๆ เริ่มแรงตก รอให้มันตกลงมาในกะละมังใส่น้ำดีกว่า พอได้เยอะๆ ก็โกย เอาไปคั่วยามเช้า
นี่แหละหนอ...แมงเม่า...
เห็นแสงเรืองๆ คิดว่าเปลวไฟ พอบินตกลงไปถึงได้รู้วาแท้จริงแล้วเป็นน้ำ ต้องมาจบชีวิตลง
บาปจัง ที่ทำอย่างนั้นกับมัน
บาปจังที่เอามันไปคั่วกิน...
ตอนนี้ไม่ทำอีกแล้วค่ะ พอแมงเม่าออก ก็ปิดไฟนอนไปเลยดีกว่า มันจะได้ไม่มาหาแสงไฟแถวๆ นี้
ส่วนแมงมัน...อันนี้บาปก่าอีกค่ะ เพราะว่าเป็นการไปหาของกินโดยตั้งใจ พอรู้กันว่าแมงมันออก ชาวบ้านก็จะบอกต่อๆ กันไปเรื่อยๆ แมงมันมันตัวสีส้มๆ กลมๆ น่ะค่ะ ออกมาจากรูดิน ชาวบ้านก็จะไปนั่งรอ พอออกมาก็ โช้ะ...เสร็จล่ะ ลงไปอยู่ในขวดเลย
เลิกแล้วค่ะ ตอนนี้ยิ้มเลิกกินแมงๆ ทั้งหลายแล้วค่ะ
5. งู
งูนี่...เป็นอะไรที่ไม่น่าพิสมัยเลย ให้ตายสิ
ธรรมชาติอุตส่าห์สรรค์สร้างสีแปลกๆ ให้มันแล้ว แต่ก็นะ ยังทำให้คนเราหวาดกลัวได้แฮะ อาจะเป็นเพราะ พิษ ที่มันมีไว้ป้องกันตัวก็เป็นได้...
พิษของมัน...ที่ทำให้มนุษย์รู้สึกว่าอำนาจของตนกำลังถูกท้าทาย...
ก็น่าสงสารนะ เวลาที่งูหลงเข้าบ้านแล้วโดนฆ่า...แต่ถ้าไม่ทำ...งูก็อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายคนในครอบครัวได้ เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ อาจจะป้องกันตัว แต่ว่า...
เป็นธรรมดาของสัตว์โลกกระมัง
ผู้ใดแข็งแรงกว่าก็อยู่รอด...
ดังนั้น งูแส้ม้าทั้งหลายที่หลงเข้ามาอยู่ในบ้านยายก็โดนทุบตีให้ตายตกไปหลายต่อหลายตัวแล้ว ถ้าอยู่นอกบ้าน ตากับยายจะไม่ไปยุ่งกับมันเลย แต่ถ้าเข้ามาในเขตอธิปไตยของคน มันก็จำเป็นต้องทำล่ะนะ
งูที่บ้านยายมีหลายหลากค่ะ โชคดีที่ไม่เคยเจองูเห่า แต่มีงูสิง งูแส้ม้า งู.. งู... ไม่รู้อ้ะ จำชื่อไม่ได้แล้ว น่ากลัว
บางทีเดินไปเก็บลำไย มันเลื้อยตัดหน้าไปเลยก็มี
บางทีมันลอกคราบไว้ให้ดูต่างหน้าในบ้านเลยก็มี
งือ... >_<~~
ประสบการณ์อันใกล้ชิดที่สุดของคนรู้จักกับงู คือพ่อจ๋า
ตอนนั้นพ่อจ๋ายังเห่อกะสวนลำไยที่เพิ่งเป็นรูปเป็นร่าง
พ่อจ๋าก้มๆ เงยๆ ถางหญ้าอยู่ รู้สึกเหมือนมีไม้ดีดป๊อก ๆ ๆ ๆ ก็ งงๆ ว่ามีอะไร
พอเงยหน้าขึ้นมา เจ้างูเขียวค่ะ งูเขียวมันฉกหัวอยู่ แต่ว่าไม่เข้า พ่อจ๋ามาเล่าทีหลังว่าเขี้ยวมันโง้ง..ถ้ามันพุ่งเข้าชน มันก็ฉกไม่เข้าแต่ถ้ามันเอียงตัวแล้วฉก อันนี้ก็น่าเป็นห่วง...
พอพ่อจ๋าเงยหน้าขึ้นมา อูยยยยย ช็อคไปเลย
ขนาดลุกขึ้นยืนแล้วมันยักชนป๊อกๆ ๆ อยู่เลย จนต้องกระเถิบ ๆ ๆ ๆ ออกมา
งูมันคงคิดว่าพ่อจ๋าจะมาทำร้ายเอาน่ะค่ะ งือ...แต่ก็ขอขอบคุณน้องงู ที่แค่ชนๆ เตือน ไม่ได้ทำร้ายพ่อจ๋ามากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้ ถ้าเกิดน้องงูเขียว เป็นงูเขียวหางไหม้ แล้วน้องงูเขียวมีความรู้ทางฟิสิกส์ สามารถคำนวณมุมในการฉกได้อย่างแม่นยำ เด็กหญิงยิ้มก็คงแย่ไปแล้ว กำพร้าพ่อแต่เด็ก
6. มิ้น
มิ้น นี่...ภาษากลางเรียกว่าผึ้งมิ้มมั้งคะ มันคล้ายๆ ผึ้งแต่ว่าตัวเล็กกว่า รังเล็กกว่า และให้น้ำหวานที่รสชาติหวานแหลมกว่า (ยิ้มว่านะ แต่มันอาจจะขึ้นอยู่กับชนิดดอกไม้ ก็ได้)
มิ้นอยู่ที่ไหน คนบ่นที่นั่น เพราะว่ามันชอบออกมากินน้ำบนลานค่ะ แล้วคนหลายๆ คนก็ชอบเดินเท้าเปล่า เพราะคิดว่าลานคอนกรีตหรือลานอิฐ คงไม่เป็นไร แล้วถ้าบังเอิญไปเหยียบเอาพวกนี้เข้า ก็โดนต่อยจนร้องจ๊ากกก เจ็บไปถึงไหนๆ ยิ่งคนฝ่าเท้าอ่อนๆแบบเด็กๆ ด้วยแล้ว
ใช่ค่ะ...ตอนเด็กๆ ยิ้มก็โดนบ่อย เจ็บถึงใจเลยอ้ะ ตอนนั้นฝ่าเท้าแบบบาง ลองมาโดนตอนนี้ดิ อาจจะต่อยไม่เข้าก็ได้ -_- ตอนนี้ด้านทั้งฝ่ามือฝ่าเท้าเลยค่ะ งง ๆ อยู่ มือด้านนี่พอเข้าใจ ว่าเป็นเพราะขุดเยอะ แต่เท้าด้านนี่ งง... เราก้ใส่ถุงเท้าตลอดนี่นา...
แต่นั่นแหละค่ะ วันดีคืนดี ถ้าตาไปเจอรังมิ้นใหม่ๆ ตาก็จะตัดมา
เป็นการทำให้สิ่งมีชีวิตอีกกลุ่มใหญ่ๆ ไร้ที่อยู่อาศัย
ค่ะ ก็รู้นะ -_- แต่ว่าน้ำมิ้นมันอร่อยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เลยอ่ะ
น้ำผึ้งขวดที่ขายๆ อยู่เทียบไม่ติดแม้แต่กระผีกริ้น อาจจะเป็นเพราะพวกนั้นมีน้ำตาลปนเยอะก็ได้ น้ำมิ้นที่เอามากรอกใส่ขวดเองนี้ คั้นเองกะมือนี่นา หอมๆ สดๆ ไร้สิ่งเจือปนร้อยเปอร์เซ็นต์
ยังจำกลิ่น จำรสได้ไม่ลืมเลือนเลยค่ะ
วันสุดท้ายที่ได้ชิมน้ำมิ้นมันก็นาน น้าน นาน มาแล้ว
15 ปีมาแล้วมั้งคะเนี่ย
อ่า เล่าเท่านี้ก่อนละกัน วันนี้ ไปหาข้าวกลางวันกินดีกว่า มาถึงนี่ชักหิวแหะๆ
คงต้องกินหนมปังทาเนย น้ำผึ้งของที่นี่ไปก่อนล่ะค่ะ -_-
ตอนก่อนๆ
http://fahpraifon.multiply.com/reviews/item/15
http://fahpraifon.multiply.com/reviews/item/14
4 ความคิดเห็น:
ป๋มกัวจิ้งจกก๊าบบบบบบ อย่าให้ได้เห็นเลยแหละ เกาะอยู่ในห้องน้ำนี่เลิกเลยคับไปห้องอื่นด่วน
คุณ noklekeng: ฮ่าๆ จิ้งจก ย้มก็กลัวเหมือนกันค่ะ T_T
เมื่อวานทับแบนติดบานพับประตูไปตัวนึง...เข่าอ่อนฮวบๆ มะล่ายตั้งจายก๊าบบบบบ
แหะๆ
จิ้งจกนี่ยังไม่เคยทับ >_<~
แต่หอยทากนี่เหยียบแบนไปหลายตัวด้วยความไม่ได้ตั้งใจ งือ ๆ
แสดงความคิดเห็น