Rating: | ★★★ |
Category: | Other |
เรื่องของเรื่องก็คือ...ยิ้มคิดว่าอาหารบางอย่างเนี่ย เรามีความสุขกับมันเพราะรสชาติเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็เป็นก็เพราะขั้นตอนการทำหรือการเสาะหามาประกอบเป็นอาหารด้วยน่ะค่ะ หรือไม่ก็ชอบเพราะว่าเราได้ให้คุณค่าอะไรบางอย่างแก่อาหารชนิดนั้นๆ อาจจะเป็นเพราะ 'เรากินร่วมกับคนพิเศษ' หรือไม่ก็ 'ร้านนั้นเราชอบจริงๆ บรรยากาศดี เราไปกะเพื่อนเก่าบ่อยๆ' อะไรทำนองนั้น
ยิ้มก็มีอาหารบางชนิดจากบ้านสวนที่ชอบมากๆ และจำได้ไม่ลืมเลยเหมือนกันค่ะ ขอรวบยอดทั้งของคาวของหวานเลยก็แล้วกันนะคะ
1. ขนมปาด
ขนมปาดนี่ ถ้าจำไม่ผิดคงจะเป็นเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้ากวนๆ ๆ กับน้ำตาลกับกะทิมั้งคะ ที่ไม่แน่ใจเพราะว่า โผล่ไปดูเขากวนกันทีไรเขาก็เทส่วนผสมลงไปมหดแล้วทุกทีอ่ะค่ะ เห็นแค่คนกำลังกวนกันเป็นกระทะใหญ่ๆ เหมือนกวนกะละแมยังไงยังงั้นเลย ขนมปาดนี่...อยากจะเรียกว่าเป็นขนมสามัคคี เพราะว่าเป็นขนมที่ทำกันแทบจะทุกครั้งที่มีงานใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นงานเฉลิมฉลอง งานบวช ผ้าป่า กฐิน งานศพ ส่วนมากแล้วกระทะใหญ่ๆ เนี่ยจะเอามาจากวัด เอามาตั้งเตาอังโล่ใหญ่ๆ หลังบ้านที่จัดงาน แล้วชาวบ้านก็จะไปกวนๆ ๆๆ กัน กวนเสร็จก็ใส่ถาดเหล็กเป็นสี่เหลี่ยมๆ แล้วตัดเป็นชิ้นๆ เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
ถ้ากินตอนที่เป็นชิ้นๆ แล้วยิ้มก็ว่ารสชาติมันอย่างงั้นๆ แหละ แต่เวลาที่กินเศษขนมที่ติดไม้พายตอนกวนออกมาร้อนๆ เออ...มันได้อารมณ์อย่างบอกไม่ถูก เรียกว่า...วิธีการทำมาก่อนรสชา ว่างั้นเหอะ
ที่สำคัญมันก่อให้เกิดกิจกรรมให้ชาวบ้านมีโอกาสมารวมตัวนั่งคุยกันด้วยแฮะ อิอิ เจ้าขนมปาดนี่เลยเป้นที่นิยมอย่างสูง เวลาที่มีงานบุญปอยหลวงที่ทุกๆ คนในหมู่บ้านเฉลิมฉลองหมดแล้วชาวบ้านจากบ้านอื่นไปร่วมทำบุญนี่ ยิ้มแทบจะร้องไห้เลย..
ก็แหม...ขึ้นบ้านโน้น ลงบ้านนี้ ส่วนมากก็ทำขนมปาดกันทั้งนั้น -_- ขนมปาดเต็มขึ้นมาถึงคอโน่น
เอิ๊ก...ไม่ไหวแย้ววว
2. ขนมจ็อก
ขนมจ็อก ก็คือขนมเทียน แต่มันไม่เหมือนขนมเทียนแบบจีนที่ไส้ถั่วเหลืองเค็มๆ หรือไม่เหมือนขนมเทียนไส้มะพร้าวอ่อนน้ำตาลปี๊บหวานๆ เพราะว่า แถวๆ บ้านยายเขาผัดมะพร้าวขูดกับน้ำตาลปี๊บ ถั่วลิสง หัวหอมแดง มันก็เลยดูเหมือนของหวานๆ ที่มีกลิ่นคล้ายอาหารคาว (ด้วยกลิ่นและรสของหัวหอมแดง) อย่างไรบอกไม่ถูก...ก็อร่อยดีนะคะ แต่ว่ามันกินบ่อยเหลือเกินอ้ะ ตอนนี้ก็เลยชอบขนมเทียนไส้ถั่วมากกว่า
ที่ว่าสนุกเพราะมันเป็นการเตรียมการข้ามวันเลยค่ะ จำได้ว่าเมื่อถึงงานบุญ วันแรกน้าจะผัดไส้เอาไว้ก่อนเป็นกะละมังขนาดย่อมเลย แล้วก็เข้าสวนไปเกี่ยวใบตองงามๆ มาเช็ด ตัด ทาน้ำมันไว้ ตอนยังเด็กๆ ก็ช่วยทำงานง่ายๆ ก่อนค่ะ เช่นทาน้ำมัน โตขึ้นค่อยขยับมาทำอะไรที่ซับซ้อนขึ้น เหอๆ
วันถัดไปถึงจะนวดแป้งแล้วก็ห่อกัน แป้งข้าวเหนียวหลายๆ ห่อเอามาผสมน้ำนวดๆ ๆ งานนี้ล่ะชอบนัก ป้าจ๋าก็จะสั่งให้ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ ก่อน เวลาห่อจะได้ง่ายๆ แล้วก็ตักไส้ใส่พอดีคำ แล้วก็ห่อใบตอง..
ซึ่งขั้นตอนการห่อใบตองนี่น่ะสิคะ -_- ตอนนี้ก็ยังทำไม่เป็นเลย เหอๆ ๆ ๆ ๆ
สิ่งที่อร่อยทีสุดไม่ใช่ขนมจ็อก (ขนมเทียน) นึ่งใหม่ๆ นะคะ ยิ้มว่า หนมจ็อกค้างคืนน่ะค่ะ อร่อนกว่า ค้างคืนแล้วเอามาปิ้งเตาถ่าน มีกลิ่นไหม้นิดๆ ติดอนุมูลอิสระหน่อยๆ เนี่ยล่ะ สุดยอดดดดดดดด
3. แกงอ่อม
สมัยก่อนบ้านยิ้มยังกินเนื้ออยู่ค่ะ หลังๆ มานี่ก็ห่างๆ ไปบ้างเพราะว่าหลายๆ คน เคร่งศาสนามากขึ้น บ้างก็กินไม่ได้เพราะกระเพาะไม่ดีแล้ว ย่อยไม่ค่อยได้ ของยิ้มก็กึ่งๆ อยู่ ยิ้มไม่ค่อยอยากกินเนื้อสัตว์ใหญ่ด้วย แล้วพอไม่กินนานๆ เข้ามันก็เหม็นอ้ะ (ตอนนี้ก็เริ่มเหม็นหมูแล้วด้วย) แล้วที่สำคัญก็คือ ไม่กินนานๆ แล้วกระเพาะมันไม่ชินหรือไงไม่รู้ มันไม่ค่อยจะย่อยน่ะค่ะ กินไปทีไรก็ปวดท้องอยู่เรื่อย
มาเข้าเรื่องดีกว่า แกงอ่อมคือแกงเนื้อวัวที่มีขั้นตอนการทำค่อนข้างนานเลย เพราะว่าต้องต้มเนื้อจนเปื่อย เนื้อวัวส่วนที่เอามาแกงก็จะหลากหลาย ตั้งแต่เนื้อสันธรรมดาๆ จนถึงเครื่องในเช่นกระเพาะ รก ผ้าขี้ริ้ว รสชาติแกงอ่อมจะออกขมนิดๆ เพราะว่าต้องใส่น้ำดี ใส่เพี้ย (ของเหลวในลำไส้ใหญ่ของวัวน่ะค่ะ ยังไม่เป็นขี้นะคะ แต่ก็เกือบๆ แล้วมั้ง -_- )
ตอนเด็กๆ ยิ้มชอบนั่งรอค่ะ พอต้มเนื้อได้เปื่อยดีแล้วก็จะขอตักออกมาเหยาะน้ำปลากินกับข้าวเหนียวก่อนที่จะใส่เครื่องแกงลงไป อร่อยอย่าบอกใคร เค็มๆ แต่หอมเครื่องพวกตะไคร้ ใบมะกรูดที่ใส่ลงไปดับกลิ่นคาว แล้วก็ค่อยมากินแกงเต็มยศอีกทีตอนที่ใส่เครื่องแกงลงไปแล้ว
แกงอ่อมที่ไหนก็ไม่เหมือนแกงอ่อมฝีมือยายนะ...
น่าเสียดายที่ตอนนี้ยายกินเนื้อไม่ได้แล้ว ต้องควบคุมอาหาร
ที่สำคัญก็คือ...ยายลุกขึ้นมาแกงไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ลุกเดินเลย ลุกนั่งก็ยังลำบาก...
ถึงจะไม่มีโอกาสแล้ว...แต่ก็ยังจำรสชาติได้ไม่ลืมเลยค่ะ
4.ปูอ่อง
ปูอ่องนี่...เป็นอาหารที่ 'เมือง' มากค่ะ...มันคือ มันปูนาใส่เกลือจี่ไฟหอมๆ
เมื่อก่อนชอบค่ะ เพราะว่ารอบๆ บ้านยายคนทำนากันเต็ม ปูนาหาง่าย เวลาชาวบ้านเค้าจับปูนาได้ เค้าก็จำได้ว่า 'น้องยิ้ม' ชอบกิน -_- ก็เลยมักจะถามว่าอยากได้ไหม แล้วก็เอามาให้เสมอๆแยกมันมาแล้วเสร็จสรรพ แค่เอามันปูใส่ในกระดองแล้วปิ้งให้มันร้อนฉ่าๆ หอม น่ากิน
เดี๋ยวนี้หายากแล้วค่ะ...เพราะว่าชาวบ้านใช้ยาฆ่าแมลงกันเยอะ ปูนาตายหมด
แถมยังไม่ค่อยเหลือทุ่งนาแล้ว กลายเป็นสวนลำไยไปหมด น้องปูไม่มีที่อยู่
วิถีที่เปลี่ยนไป...คงไม่หวนคืนมาง่ายๆ แล้ว เก็บไว้ได้เพียงภาพในความทรงจำ เพียงแค่เสียใจนิดๆ ที่ลูกหลานของยิ้ม อาจจะไม่รู้จัก 'ปูอ่อง' เลยด้วยซ้ำ
5. ไข่ผึ้ง
ไข่ผึ้งนี่...หาเองไม่ได้หรอกค่ะ อันตราย...แต่ว่ามักจะได้กินถ้าพ่อจ๋าไปออกนิเทศก์ต่างจังหวัดแล้วผ่านตลาดทุ่งเกวียนที่ชายแดนลำพูน - ลำปาง (พูดยังกะชายแดนประเทศ -_-)
ไข่ผึ้งสดๆ ทาน้ำผึ้งแท้ๆ ทาเกลือหน่อยๆ ห่อใบตองปิ้งไฟ กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ มันหอม อร่อย อย่าบอกใคร อา...เวลาพ่อจ๋าซื้อกลับมาทียิ้มก็แอบ "เย้....." อยู่ในใจ
เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยได้กินแล้วเหมือนกันค่ะ เพราะสงสาร 'หลายชีวิต' ที่เสียไปในครั้งเดียว ดังนั้นก็เลยพยายามลดการกินไข่อย่างอื่นลงไปด้วย
เหลือแต่ไข่กุ้งในซูชิเนี่ยล่ะ...ที่ยังตัดใจไม่ได้ มันอร่อยง่ะ -_-"
6. ข้าวจี่
ข้าวจี่...อาหาร simple simple มากๆ แต่มันได้อารมณ์จริงๆ เพราะส่วนมากจะกินคู่กับข้าวแคบ (แผ่นแป้งข้าวเจ้าแบๆ คล้ายๆ ข้าวเกรียบแต่เค็มๆ ) ต้องทำเอง กินเอง ใต้ฟ้าพร่างดาว กลางค่ำคืนที่ลมหนาวพัดผ่าน หน้ากองไฟอุ่นๆ จากขอนไม้ใหญ่ มีน้องหมาน้อยๆ ขนนุ่มนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า...
นั่นล่ะค่ะ มีโอกาสดื่มด่ำบรรยากาศข้าวจี่อยู่จนถึงม.ต้น หลังจากนั้นก็ไม่มีโอกาสอีกเลย ตั้งแต่ชีวิตหลุดเข้าไปในวงจรเรียนพิเศษ -_- ทำให้ไม่ได้ไปนอนค้างคืนบ้านสวน
ข้าวจี่...ทำง่ายมาก เอาข้าวเหนียว (ยิ่งนึ่งนานยิ่งดี มันเหนียวหนืดๆ ) ปั้นแบนๆ ทาน้ำมัน ทาเกลือ ปิ้งให้ออกน้ำตาลๆ ไหม้นิดๆ บางคนอาจจะทาไข่ ทาน้ำพริกแดง ก็พลิกแพลงกันไป แต่ยิ้มชอบแบบ plain ๆ ทาแต่เกลือนี่แหละ กินไปนอนดูดาวไป ดูดาวไถ ดาวลูกไก่ ดาวค้างคาว ดาวเหนือ (ดาวอื่น ดูไม่ออก -_-) บางทีก็ขอให้ผู้ใหญ่เล่าเรื่องผีไป สยองๆ ร้อนหน้า หนาวหลัง เพราะว่าหันหน้าเข้ากองไฟ อุ่นเท้า เพราะมีเพื่อนตัวจิ๋วนอนทับอยู่ งื้ด ๆ
บรรยากาศดีจริงๆ เลยยยยยยย
7. น้ำแข็งไส
จริงๆ อันนี้ก็ไม่ได้ unique ขนาดนั้นนะเคอะ เพราะว่าน้ำแข็งไสที่ไหนก็มีได้...
แต่ที่เป็นความทรงจำที่ดีก็เพราะว่า....
พ่อจ๋าซื้อที่ไสน้ำแข็งแบบพ่อค้ามาไว้ที่บ้านเลยเค่อะ แบบว่าให้เด็กๆ ทำกินกันเล่นๆ เวลามีสังสรรค์กัน เหอๆ -_- ก็เลยมีแผนกน้ำแข็งไสอ่ะจ้า ซื้อน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ ที่เรียกว่า 'น้ำแข็งมือ' มาวางบนแท่น เอาแปรงเหล็กสับลงไป แล้วก็ไส ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนน้ำแข็งร่วงลงมาเป็นปุย
ต้มครองแครง ต้มมันเชื่อม หั่นขนมปัง หั่นเฉาก๊วยใส่โหลแก้วเอาไว้ ซื้อนมข้น ซื้อน้ำแข็ง Hale's Blue Boy มาเตรียมพร้อม โอ....อร่อย ๆ ๆ ยิ้มชอบแบบนมข้มเยอะๆ ไม่ใส่น้ำเชื่อม ทำเองกินเอง สนุกดี...อิอิ
เหอๆ บ่นมาได้เวลาอันสมควร ก็คงต้องขอลา
ไปปั่นงานต่อ...
จะได้ทำอาหารไปร่วมงานปาร์ตี้ได้ทันเวลา
แบบว่า...วันนี้ข้าพเจ้าและผองเพื่อนจะทำ เยลลี่ว้อดก้า กะ โอโคโนมิยากิ
ช่างแตกต่างจากอาหารที่อยู่ในความทรงจำเสียจริง งึมๆ ๆ