วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2549

Ophelia






And will he not come again?

And will he not come again?

No no, he is dead,

Go to thy death bed

He never will come again

His beard is as white as snow

All flaxen was his poll:

He is gone, he is gone,

and we cast away moan;

Gramercy, on his soul!

And of all Christian souls, I pray God

God be wi' you.



บทเพลงข้างบนนี้ เป็นเพลงที่ขับร้องโดย Ophelia (โอฟีเลีย) ซึ่งเป็นตัวละครหนึ่งในเรื่องแฮมเล็ท ซึ่งเป็นบทละครของเชคสเปียร์ เป็นตัวละครที่...น่าสงสารและป็นที่วิพากษ์กันกว้างขวางพอสมควรเลยในวงการวรรณกรรม

(คราวนี้ไม่ได้แต่งเอง ^ ^)

ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องย่อๆ ก่อนนะคะ
แฮมเล็ทนี่เป็นองค์ชายของเดนมาร์ค กลับบ้านกลับเมืองมาเพราะพ่อโดนฆ่าตาย แล้วอาขึ้นครองราชย์แทนแถมยังแต่งงานกับแม่ตัวเองอีก แกก็เลยแสร้งทำเป็นบ้าๆ บวมๆ ส่วนโอฟีเลียก็คือคน(เคย)รัก เป็นลูกสาวของที่ปรึกษาด้านการปกครองของท่านอา เรื่องมันเลยเศร้าเพราะเธอต้องตกเป้นเหยื่อของทุกๆ ทาง

พ่อ กับกษัตริย์ก็พยายามจะให้เป็นเครื่องมือในการสืบหาข้อมูลจากแฮมเล็ท...
ส่วนอีตาแฮมเล็ทก็อาละวาดเอากับสาวเจ้า ประมาณว่าสิ้นรักแล้ว เพราะพ่อเธอมีส่วนร่วมในการฆ่าพ่อฉัน...

แต่โอฟีเลียก็ยังรักแฮมเล็ทเหมือนเดิมและต้องทนกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของฝ่ายชายด้วย ความรักก็เลยลุ่มๆ ดอนๆ เพราะนายแฮมเล็ทเอง (จริงๆ ก็น่าสงสาร จู่ๆ พ่อก็ถูกฆ่าตาย แต่โอฟีเลียน่าสงสารกว่าเพราะไม่รู้อะไรด้วยแต่โดนจิกกัดด้วยวาจาประชดประชันตลอด ตามประสานางเอกละครสมัยก่อน)

วันหนึ่ง แฮมเล็ทคุยกับแม่เรื่องคนฆ่าพ่อ และพบว่ามีคนมาแอบฟังอยู่หลังม่านเลยฆ่าทิ้งเสียเพราะคิดว่าเป็นอา แต่ปรากฏว่าจริงๆ แล้วเป็นพ่อของโอฟีเลีย ซึ่งเมื่อเธอรู้ความจริงเข้าก็ถึงกับเสียสติไปเลย เพราะคนที่รัก...นอกจากจะไม่รักตอบแล้วยังกลับกลายเป็นคนฆ่าพ่อตัวเอง ในที่สุดเธอก็จบชีวิตลงในแม่น้ำ ก็คงจะฆ่าตัวตายแหละค่ะ ไม่เคยอ่านที่เป้นบทละครจริงๆ เสียที มันยาวแล้วก็ภาษาซับซ้อนเหลือเกิน -__-"

เรื่องราวยังดำเนินต่อไป แล้วในที่สุดก็ตายกันหมด เพราะวางยากันไปมา หรือไม่ก็ประลองกำลังกัน
เศร้าไหมล่ะนั่น

จิตรกรหลายๆ ท่านได้รับแรงบันดาลใจจากเธอผู้นี้ เพราะว่าดูเป็นตัวละครที่มีมิติ คล้ายๆ กับว่า หัวใจ vs ภาระ vs ความแค้น ของลูกผู้หญิงที่ไม่มีสิทธิเลือกทางชีวิตตัวเองได้ ภาพประกอบนี้เป็นภาพของ Sir John Everett Millais วาดในปี 1851-1852 ใช้เวลานานมากๆ กับภาพแบคกราวน์ที่เป็นดอกไม้

ภาพนี้ปัจจุบันแสดงอยู่ที่ Tate Britain Gallery ที่ลอนดอนค่ะ พอดีตอนไปเดินดูแอบสะดุดตา ก็เลยมาหาต่อในเนตว่าเธอผู้นี้เป็นใคร ภาพวาดยังมีของอีกหลายๆ ท่านเลย สามารถดูได้ที่ http://www.mythicalrealm.com/legends/ophelia.html

เห็นรูปเศร้าๆ แล้วรู้สึกเหมือนถูกบีบที่หัวใจ แล้วก็สะกิดใจดีจริงๆ
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ชอบแต่รูปเศร้าๆ ^__^ เดี๋ยวครั้งต่อไปเอารูปอื่นที่ชอบมาลงมั่งแล้วกันนะคะ


7 ความคิดเห็น:

Ae P กล่าวว่า...

ดูแล้วเศร้าจริงๆ ได้อารมณ์หมดสิ้นทุกอย่างแล้วว -_-"

ปล. คำว่า Ophelia เอามาใช้เป็นชื่อเรียกภาวะความจำเสื่อมแบบนึง มิน่าหล่ะเห็นคำนี้แล้วมันคุ้นคุ้น
ปล.2 เอามาใช้เป็นชื่อพระจันทร์ด้วยหล่ะ ^^

Yim S. กล่าวว่า...

เกิดเป็นผู้หญิงที่ถูกกดดันในทุกๆ ทางนี่เศร้าเนอะ...

ใช่ค่ะๆ เหมือนจะเคยเห็นคำว่า Ophelia Syndrome อยู่เหมือนกัน ^^
พอ search หาใน google นี่ ถึงบางอ้อเลย

เป็นดวงจันทร์ของ Uranus ใช่มั้ยคะ

Gift waidhaya กล่าวว่า...

โศกนาฏกรรมอีกเรื่องนึงของปู่เช็คเขานี่เนอะ

เฮ้อ... รักเอย ไยต้องเจอปัญหา...?

Ae P กล่าวว่า...

ใช่แว้ววว ;)

Yim S. กล่าวว่า...

อิอิ
เคยไปดูละครที่โรงละครของลุงเช็ค (the Globe theatre)
วันนั้นลงทุนมาก ยอมจ่าย 16 ปอนด์ซื้อตั๋วนั่ง เพื่อดูเรื่อง The tempest

เรื่องนี้สมควรจะจบแฮปปี้นะเนี่ย นั่งดูอยู่กว่าชั่วโมงไม่มีใครปริปากอะไรยิ้มไม่รู้เรื่องเลย -___-" จะสะกิดถามคนข้างๆ ก็กลัวเสียฟอร์ม จนมันมีพักครึ่งเพื่อนคนนึงก็โพล่งออกมา 'เค้าบ่นอะไรกันอ้ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย' ความเลยปรากฏออกมาว่า เพื่อนที่ไปก็ไม่มีใครรู้เรื่องซักคนเลย (ฮา)

ไม่ผิดนะเนี่ย :P รู้งี้ซื้อตั๋วยืน 5 ปอนด์ก็ดี จะได้ชิ่งหนีได้ ^ ^

Yim S. กล่าวว่า...

เคยลงทุนซื้อตั๋วนั่งไปดูละครลุงเช็คเรื่อง The tempest อยู่ครั้งหนึ่ง
แหะ ๆ นั่งดูอยู่กว่าชั่วโมงไม่มีใครปริปาก....จะบอกว่าไม่เข้าใจก็กลัวเสียฟอร์ม

ปรากฏว่าตอนพักครึ่งก็มีเพื่อนคนหนึ่งโพล่งออก 'มีใครดูรู้เองมั่งมั้ยเนี่ย'
ความเลยปรากฏออกมาว่า ไม่มีใครเข้าใจเลยแม้แต่คนเดียว -___-

ง่ะ ก็ภาษาก็นะ เป็นแบบนี้ แถมใช้คน 3 คนเล่นเป็นตัวละคร 6 ตัวอีก
งงไปเลย

atithep chaiyasit กล่าวว่า...

ขึ้นชื่อว่าอมตะ ตัวเอกมักต้องตาย
คารวะเช็คเล่าจื๊อ (ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าเช็ค ฮิฮิ)