Rating: | ★★★★ |
Category: | Other |
กลับมาอีกครั้งแล้วนะคะ หลังจากห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนานพอสมควร ไม่รู้ว่าทำไมวันหนึ่งๆ เวลาผ่านไปเร็วจัง ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย...เฮ้อ
ก่อนอื่นต้องกล่าวขอโทษเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งในและนอก multiply หลายท่านที่โดนฟาดหัวฟาดหางใส่ไปหลายดอกในช่วงก่อนหน้านี้ ช่วงนั้นอารมณ์ไม่ปกติจริงๆ (ตอนนี้ก็ยังผีเข้าผีออกอยู่เนืองๆ) มุกตลกเสียดสีใดๆ ที่เคยเห็นว่าขำ มันก็พานจะเป็นชนวนให้รู้สึกหงุดหงิดได้ง่ายๆ (ถ้าเล่นไม่ถูกเวลา) ที่เครียดจัดก็เพราะว่างานของตัวเองก็คาบลูกคาบดอกอยู่แล้ว ตอนแรกก็คิดว่ากลับมาปุ๊บก็จะลุยๆ ๆ ไปเลย 2 เดือน แล้วก็กลับไปสอบอัพเกรดตอนกลางเดือนมีนา(สาเหตุหลักที่เครียด)
แต่ปรากฏว่าพอมาถึง อ๊า...พ่อไม่สบายหนัก ปู่ก็เสีย ยายก็ป่วยหนักกว่าเดิม (เดิมก็ทรงๆ แกมทรุดๆ อยู่แล้ว) แถมท่านแม่...ผู้ทำหน้าที่พยาบาลหลักมาในช่วงเดือนก่อนหน้าที่ยิ้มจะกลับมาก็เริ่มมากระเสาะกระแสะเอาอีก พอข้าพเจ้าจะออกจากบ้านไปทำงาน แม่ก็เกิดอาการ "โอ๊ย...เจ็บหน้าอก" "เอิ๊ก เป็นลม" อ้าว ทำไงล่ะทีนี้ ไปไหนก็ไม่ได้สิเรา รับจ๊อบเป็นรถพยาบาลจำเป็น ขึ้นๆ ลงๆ โรงพยาบาลอยู่หลายรอบในช่วงเดือนมกราคม
งึม....มาถึงวันนี้ยังเก็บข้อมูลได้ไม่ถึง 1 ใน 4 เลย...ดีนะ ขอเลื่อนสอบอัพเกรดไปแล้ว แต่คิดว่าพออะไรๆ เริ่มคลี่คลาย ก็จะได้เริ่มทำงานจริงๆ จังๆ เสียที และถึงจะยังไม่คลี่คลาย ยิ้มก็ขีดเส้นเอาไว้ที่ปลายเดือน กพ. พอถึงจุดนั้นก็จะลุยงานด้านการเรียนแล้ว no matter what happens ยังไงๆ ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป
บ่นมา 3 ย่อหน้า ก็มาเข้าเรื่องกันเสียทีนะคะ วันนี้จะพูดถึง DIY หรือ Do-it-Yourself ซึ่งครอบคลุมถึงสินค้าประเภทที่ต้องซื้อมาประกอบเอง หรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่เกิดจากฝีมือของเจ้าบ้าน ถ้าถามว่าตัวยิ้มเองกับผลิตภัณฑ์พวก DIY มีความผูกพันกันอย่างไร ก็คงต้องตอบว่า ได้เห็นการประดิษฐ์ของพวกนี้ และมีส่วนร่วมมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่โอกาสและความยากของงาน เนื่องด้วยท่านพ่อของยิ้มชอบประดิดประดอย ซ่อมโน่นซ่อมนี่ เปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่มาตลอด
ช่วงนี้ท่านพ่อลาหยุดงานยาว แต่ด้วยประสาคนที่อยู่นิ่งไม่ได้ ท่านพ่อก็จะต้องหางานอะไรสักอย่างมาทำแก้เบื่ออยู่เนืองๆ เช่นเรียกช่างมาซ่อมบ้าน หรือไม่ก็ซื้อของ DIY มาต่อเล่น ล่าสุดก็เพิ่งซื้อตู้ และชั้นวางของมาต่อไว้ในห้องรับแขก ข้าพเจ้าก็เข้าไปมีส่วนร่วมอีกตามเคยช่วยไขน็อตบ้าง ตอกเดือยไม้บ้าง เก้ๆ กังๆ แต่ก็สนุกดี วันนี้ตู้อุปกรณ์เครื่องมือของพ่อเปิดกว้าง เผยให้เห็นเครื่องมือจำพวกแผงวงจร สายไฟ กล่องน็อตและตะปูขนาดต่างๆ ไขควง เลื่อย ฯลฯ
ของเหล่านี้ทำให้เกิดความรู้สึกหวนหาอดีตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...สมองน้อยๆ ด้อยรอยหยักเลยเริ่มนึกย้อนไปถึงสิ่งประดิษฐ์ของป๊ะป๋าที่รู้สึกผูกพันเหมือนโตมากับมัน
1. น้ำอุ่นพลังแสงอาทิตย์
บ้านเรามีน้ำอุ่นพลังงานแสงอาทิตย์ใช้มาตั้งแต่สมัยเมื่อ...อืม...ประมาณ 20 ปีที่แล้วเห็นจะได้ ตอนนั้นเขาก็มีเครื่องทำน้ำอุ่นใช้แล้ว ใช่...ไม่เถียง แต่ท่านพ่อคงเห็นว่ามันง่ายเกินไป และสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ท่านพ่อจึงซื้อถังขนาด 100 ลิตรพร้อมฉนวนห่อหุ้มเก็บความร้อนแล้วปีนเอาขึ้นไปเก็บไว้บนเพดาน ใช้ท่อเหล็กขดวนไปวนมาบนหลังคา เพื่อให้น้ำได้รับความร้อนอย่างเต็มที่ มีกระจกบานเกล็ด (ที่ถูกถอดออกมาเพราะหน้าต่างบานนั้นจะถูกปิดตาย - ของเหลือใช้) เป็นตัวรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ (เออ..ใช้หลักอะไรไม่รู้ ลืมไปแล้ว) แค่นี้เราก็มีน้ำอุ่นใช้ตลอดปี อุ่นเกินไปจนกลายเป็นน้ำร้อน ต้องเปิดลงมาผสมกับน้ำเย็นอีกทีด้วยซ้ำ
ข้อดี: ประหยัด ใช้ของที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประหยัดพลังงานไฟฟ้า เวลาน้ำไม่ไหลก็เปิดเอาน้ำในถังลงมาใช้เป็นน้ำสำรองไว้ใช้ได้ มีกักไว้ตั้ง 100 ลิตร และถึงแดดจะออกแค่นิดเดียวแต่ก็น้ำร้อนเก็บไว้ได้นาน 2-3 วัน
ข้อเสีย: ช่วงไหนฝนตกติดๆ กัน 3-4 วัน ก็ดับเดี้ยง ไม่มีน้ำร้อนใช้ทันที ช่วงหลังๆ พอใบไม้ตกๆ ๆ ลงไปบนแผงกระจกบานเกล็ด ตะไคร่น้ำขึ้น น้ำก็ไม่ร้อนเท่าเดิม
ปัจจุบัน: ระบบน้ำอุ่นพลังงานแสงอาทิตย์ยังใช้ได้ดี แต่ถัง 100 ลิตรนั้นมันรั่ว ตอนนี้ท่านพ่อก็ปีนขึ้นไปเปลี่ยนถังไม่ไหวแล้ว นั่นสิ...ใครจะแบกถัง 100 ลิตรปีนขึ้นไปบนหลังคาเหมือนท่านพ่อสมัยยังหนุ่มๆ ได้กัน ถ้าใครสามารถขึ้นไปซ่อมให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมท่านพ่อจะยกลูกสาวให้พร้อมข้าวสาร 2 กระสอบ (พูดเล่นนะ แหะๆ ^ ^')
2. ชุดเฟอร์นิเจอร์ในห้องครัว
ชุดเฟอร์นิเจอร์ในห้องครัวอันได้แก่ชั้นลอย 2 ชั้น ตู้ติดพื้น 8 ล็อค พร้อมทั้งซิงค์น้ำ เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของท่านพ่อทั้งสิ้น สิ่งที่มาแบบสำเร็จรูปก็คือพัดลมดูดอากาศเท่านั้นจริงๆ นอกจากนั้นมาเป็นชิ้นๆ หมด เช่นไม้กระดานแผ่นๆ ด้ามจับเปิดฝาตู้ บานพับ ท่านพ่อวัดเอง เลื่อยเอง ประกอบเอง ทาสีเอง ใช้งานมาได้ 20 ปีแล้ว ปัจจุบัน...ไปเดินโฮมโปรมา เห็นชุดเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวหลายชุด หน้าตาก็ดูไม่ได้แตกต่างจากของท่านพ่อเท่าไหร่ เลยถามว่าตอนนี้ของที่บ้านเรามันเก่าแล้ว ไม้ก็เริ่มบวมๆ ลอกๆ จะทำใหม่มั้ย...ท่านพ่อบอกว่า โอ๊ย ขี้เกียจแล้ว...ตอนนี้หาซื้อเอาดีกว่า
3. ระบบท่อให้น้ำลำไย
หลังจากจัดการประดิษฐ์ของภายในบ้านแล้ว พ่อจ๋าก็นึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศออกไปทำงานนอกบ้านชั่วคราว ตอนแรก...ลำไยสวนใน(บ้านยาย) และสวนนอก(แยกออกไปเป็นเอกเทศ) ได้รับการให้น้ำโดยใช้ระบบร่องน้ำ ใช้สูบไดโว่สูบน้ำขึ้นมาจากบ่อแล้วปล่อยให้มันไหล ไปตามร่อง แล้วใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าขะโจ้วิดน้ำใส่ทีละต้นๆ ที่อยู่ไกลจากบ่อหน่อยก็ต้องหาบน้ำรดเอาต่อมา...ท่านพ่อได้วางระบบชลประทาน ซื้อท่อมานับสิบๆ ท่อ ต่อไปปล่อยน้ำเป็นจุดๆ คราวนี้ก็ก็สบายขึ้นหน่อย สามารถเอาสายยางต่อจากจุดปล่อยน้ำไปใส่ลำไยทีละต้นๆ ทุ่นแรงไปได้นิด แต่จะให้ต่อท่อไปถึงลำไยทุกต้นเลยเหมือนสวนมืออาชีพทั้งหลายก็คงจะไม่ไหว ถึงสวนจะไม่ใหญ่แต่รวมกันหลายสวนก็มีลำไยหลายร้อยต้นอยู่ คงต้องขุดจนหลังงอ แถมค่าใช้จ่ายในขณะนั้นก็คงบานกันพอดี
ถึงสวนลำไยจะไม่มีท่อต่อน้ำส่งถึงทุกต้น แต่อย่างน้อย...สวนผักในบ้าน และสวนไม้ประดับก็มีสปริงเกอร์รดน้ำครอบคลุมทั่วอาณาเขต ไม่ต้องหาบน้ำใส่ตามแบบวิธีดั้งเดิม ตอนต่อระบบน้ำเสร็จใหม่ๆ ตายิ้มแฉ่ง จะได้นั่งดูดบุหรี่ขี้โยเฝ้าเฉยๆ ไม่ต้องลงแรง
ปัจจุบัน: ระบบน้ำลำไยยังใช้การได้ดี แต่สวนผักกับสวนไม้ประดับหายไปแล้ว พอตาไม่อยู่ก็ไม่มีใครปลูกผัก ปลูกหญ้า ปลูกต้นไม้ต่างๆ ลานเหล่านั้นกลายเป็นสนามฝึกกอล์ฟของท่านพ่อไปนั่นเอง
4. กล่องคำถาม: สื่อการสอนวิชาภาษาไทย
ตอนนั้นท่านพ่อทำแผงวงจรไฟฟ้า ทำสื่อการสอนวิชาภาษาไทยให้ท่านแม่ จริงๆ ก็เป็นเกมเลือกคำตอบที่ถูกต้องธรรมดาๆ โดยมีกล่องคำถามอยู่หนึ่งกล่อง จะมีคำถามให้ 1 เซต มีคำตอบให้เลือก 4 ข้อ ถ้าเลือกถูกก็จะมีเสียงอันไพเราะขึ้นมา บอกว่าถูก ถ้าผิดก็จะมีเสียงประหลาดๆ บอกให้รู้ว่าผิด เด็กๆ ชอบเพราะว่ามันสัมผัสได้ กล่องคำถามมันใหญ่และเป็นรูปธรรมกว่ากระดาษโรเนียวสีน้ำตาลๆ แถมเวลาตอบผิดตอบถูกก็มีเสียงดังให้ได้ตื่นเต้นด้วย ตอนนั้นหมวดภาษาไทยชอบอกชอบใจกันใหญ่
ปัจจุบัน: ท่านแม่ลาออกมาแล้วเลยไม่ทราบว่าเจ้าอุปกรณ์เหล่านั้นมีชะตากรรมเป็นอย่างไร แต่ส่วนร่วมของยิ้มในงาน (หลาย) ชิ้นนี้คือ...ถือสายไฟให้ตอนที่ท่านพ่อบัดกรี = ='
5. เครื่องกรองอากาศ
เนื่องด้วยบ้านของยิ้มเป็นภูมิแพ้กันยกบ้าน เจอฝุ่นทีไรก็ไอจาม เยื่อจมูกบวม หายใจไม่ออกกันเป็นทิวแถว ท่านพ่อจึงประดิษฐ์เครื่องกรองอากาศขึ้นมา 2 เครื่อง จะว่าไป...มันก็ไม่เชิงกรองอากาศ แต่เรียกได้ว่ามันจะปล่อยคลื่น(อะไรสักคลื่น) ทำให้อนุภาคฝุ่นละอองในกาศที่ล่องลอยอยู่จับตัวตกลงมาบนพื้น (ให้พวกเราได้กวาดถู) ฝุ่นละอองในอากาศก็ลดลงจริงๆ ส่วนงานในการกำจัดเศษฝุ่นผงบนพื้นก็เพิ่มขึ้นมา แต่ก็นะ...เครื่องกรองอากาศดีๆ เครื่องหนึ่งแพงออก ท่านพ่อก็ได้ประยุกต์ใช้สิ่งของที่มีอยู่ได้อย่างน่าทึ่ง
ปัจจุบัน: เครื่องกรองอากาศของท่านพ่อหายสาบสูญไปไม่มีร่องรอย ท่านแม่ไม่ได้สนใจคงไม่รู้ว่าเก็บไว้ไหน ส่วนท่านพ่อตอนนี้คงนึกไม่ออกเป็นแน่ บ้านเราจึงมีเครื่องกรองอากาศแอมเวย์อยู่สองเครื่อง - -' ใช้ใน 2 ห้อง
6. นาฬิกา
นาฬิกาที่แขวนข้างบ้านของยิ้มและบ้านยายสมัยยังเยาว์ทำจากแผ่นเสียงเก่า นึกภาพออกไหมคะ แผ่นสีดำๆ แบนๆ ท่านพ่อเอาสติกเกอร์สีสดๆ มาแปะบอกเวลา 1-12 ก็จะได้นาฬิกาพื้นดำ ตัวเลขและลายเข็มสีเหลือง ตอนเด็กๆ ก็เคยคิดว่าอยากได้นาฬิกาใหม่ๆ เป็นลวดลายเท่ห์ๆ แปลกๆ ที่ขายตามในห้าง หรือไม่ก็นาฬิกานกกุ๊กกรู แต่ก็ไม่ได้ซื้อแฮะ เพราะสมัยก่อนต้องประหยัด กินอยู่กันอย่างพอเพียง
ตอนนี้พอมีนาฬิกาเต็มบ้าน(มีคนให้มาเป็นของขวัญทั้งน้าน...) กลับคิดถึงนาฬิกาเรือนเก่าที่หยุดเดินไปนานหลายปีแล้ว
นี่คือตัวอย่างของใกล้ตัว ยังมีสิ่งละอัน พันละน้อยอีกมากมาย...ฟังดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อว่าท่านพ่อของข้าพเจ้า...จบศึกษาศาสตร์ เอกฟิสิกส์ - -' ไม่ได้จบงานช่าง หรือวิดวะสาขาใดๆ
ขอยกตัวอย่างแค่นี้ก่อนละกันนะคะ ก่อนที่คนอ่านจะตาลาย ของเหล่านี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจนจำได้ ส่วนของอื่นๆ ก็มของประดิษฐ์เองอีกเยอะ ของ DIY ที่ซื้อมาจากร้านเป็นชิ้นๆ เอามาต่อเองดูเด็กๆ ไปเลย ยิ้มเองก็พอจะจำได้...ว่าสมัยก่อนท่านพ่อใช้เวลาวันว่างอยู่นอกบ้านแทบจะตลอดเวลาซ่อมโน่น ดัดแปลงนี่ แก้ไขโน่นอยู่ตลอด ถึงยิ้มจะไม่ได้รับสืบทอดวิชาช่างมาเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้เห็นอยู่บ่อยๆ ทำให้ยิ้มชอบ และสนุกที่จะใช้สินค้าพวกประกอบเอง (ถึงจะต่อไม่ค่อยคล่องก็เหอะ) เวลาไปอยู่ที่อังกฤษ จะซื้อชั้นวางรองเท้า กระจก ตู้ โต๊ะอะไร ก็มักจะเลือกแบบที่เป็นชิ้นไม้ ต้องเอามาต่อกันต้องขันน็อต ต้องเสียบเดือยแทนที่จะซื้อแบบพลาสติกที่เอามาสวมๆ ๆ ก็เสร็จ หรือไม่ก็ซื้อแบบสำเร็จรูปมาใช้เลย
ตอนนั้นเหตุผลหลักๆ ที่เกิดของเหล่านี้ขึ้นมา ก็คงเป็นเพราะความประหยัดและความสุขของท่านพ่อที่ได้ดัดแปลงโน่นนี่ทำให้เป็นของใช้ ของในบ้านนี่แทบจะไม่มีสิ่งไหนที่ต้องทิ้งเลยทีเดียว พอเริ่มแก่ตัวลงท่านพ่อก็มีใจให้งานช่างน้อยลง และหันมาเทความสนใจให้งานเขียนโปรแกรมมากขึ้น จนหลังๆ มานี่ ท่านพ่อใช้เวลากับคอมพิวเตอร์มากกว่าสว่านไฟฟ้า ฆ้อน ตะปู แบบเมื่อก่อน ยิ้มก็ลืมๆ ไปบ้าง จนกระทั่งวันนี้...กล่องแห่งความทรงจำมันถูกเปิดออกมา
ตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พ่อเรียกไปช่วยก็ไป แต่ตอนนี้ยิ้มคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นทักษะชีวิตจริงๆ นะ สำหรับมนุษย์เดินดินที่ยังต้องทำอะไรเอง ไม่มีคนรองมือรองเท้ารับใช้ตลอดเวลา และยิ้มก็คิดว่าวิชา กพอ. ในโรงเรียนหญิงล้วนก็ควรสอนพื้นฐานของงานช่างพวกช่างไม้ ช่างไฟ ช่างก่อสร้าง ช่างยนต์ ช่างประปาเอาไว้ด้วยค่ะ เพื่อเป็นทักษะชีวิต อย่างน้อยสอนพื้นฐานแบบเบสิคๆ ก็ยังดี เพราะบางครั้งผู้หญิงที่ไม่ได้เรียวิศวะก็ไม่รู้อะไรเลยเช่น
แม่: หล้า รถสตาร์ตไม่ติด มาป่าซางทีได้มั้ย มาดูให้หน่อย
น้า: โอ๊ย ทำงานอยู่นี่ จะไปได้ยังไง ลองเปิดดูหม้อน้ำหน่อยได้มั้ย น้ำแห้งหรือเปล่า น้ำมันเครื่องล่ะ
แม่: โอ๊ย เปิดไม่เป็นหม้อน้ำอะไร ตรงไหน ไม่รู้เรื่อง
น้า: ขับเป็นอย่างเดียว ดูอะไรไม่เป็นเล้ยยย บลา บลา บลา บลา จ่ม ๆ ๆ ๆ
หรือไม่ก็...โดนช่างจากร้านเครื่องไฟฟ้าทั้งหลายต่อไฟให้แบบลวกๆ เอาสายแอร์ 3 เครื่องต่อกับเบรกเกอร์ตัวเดียว กระชากไฟน่าดู หรือไม่ก็ต่อตรงเลย ไฟลัดวงจรก็คงได้เฮกันใหญ่...
ตัวยิ้มเองก็ไม่ค่อยจะรู้อะไรหรอก จริงๆ พ่อก็บอกก็สอนมาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ แว้บ...เข้าไปดู แต่พอไม่ได้ใช้งานจริงก็ลืมเลือนไปเสียเป็นส่วนมาก มีวิชาพวกนี้ติดตัวไว้ก็ดี ใครจะรับประกันว่าในอนาคตเราจะต้องอยู่คนเดียว ต้องช่วยเหลือตัวเองในเรื่องนี้หรือเปล่า เอ๋อๆ ไม่รู้เรื่องอะไร เดี๋ยวก็โดนช่างรับเหมาหลอก โดนช่างไฟหลอก วุ่นวายกันใหญ่
บ่นมาได้เวลาพอสมควรแล้ว ก็ขอชิ่งก่อนดีกว่า
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ล่วงหน้าค่ะ ท่านผู้อ่าน
16 ความคิดเห็น:
ดีใจจัง น้องยิ้มกลับมาเขียนบล๊อกให้อ่านแล้ว เดี๋ยวพี่จุ๊บไปเขียน thesis ต่อแล้วกันนะ
สุขสันต์วันวาเลนไทน์เช่นกันเน้อ อ่านแล้วเพลินดี อิอิ
ถังร้อยลิตร หรือจะสองร้อยลิตร บัดเดี๋ยวสันติจะแบกถังลิตรขึ้นไป จนหมดฤทธิ์ ^^
พ่อยิ้ม ท่านเป็นนักประดิษฐ์จริงๆ
ส่วนเรื่องเครื่องกรองอากาศนั้น ป้อจายกรุงเทพ หมู่เฮาบ่ต้องใช้ เพราะสูดดมมลพิษจากท้องถนนในกรุงเทพทุกวัน เลยเกิดเป็นภูิมิต้านทานหรืออาจจะเป็นภูมิกระหน่ำซ้ำเติม ทั้งควันรถยนต์ ควันนู้น ควันนี้ ...เห็นทีจำต้องขึ้นศรีเวียงเจียงใหม่ ^^ ดีดซึงเล่นไป ร้องเพลงของอ้ายจรัล ม่วนขนาดเนาะ
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ล่วงหน้าครับ ยิ้ม
ป้า... อ่านแล้วรู้สึกว่ามุมนี้จะใกล้ๆ เคียงกันนะป้า...
ท่านพ่อก็เป็นพระเอกดีไอวายของบ้านมาตลอดแต่ว่าเน้นหนักไปทางช่างไม้และพวกที่เกี่ยวกับการเกษตรหลายๆ อย่างมากกว่าช่างไฟฟ้า เค้าก็เลยได้ผลผลิตความเป็นช่างไม้ติดตัวมา.. แบบว่าเป็นหัวหน้าช่างไม้เลยนะ เช่น เด็กๆ มาจับไม้สั้นไม้ยาวกันเร้ว (เป็นหัวหน้าผู้กุมชะตาคนเล่นเกมส์ที่จับได้ไม้สั้น) ฮ่าๆ :D
พ่อน้องยิ้มนี่เก่งกว่าวิดวะอีกนะเนี่ย ^_^
สู้ๆ นะคะ พี่จุ๊บ ^ ^
ส้มมีแผนอะไรป่าวจ๊ะ วีดวิ้ว... ;)
^ ^
ฮ่าๆ จริงๆ ตอนนี้อากาศเชียงใหม่ก็ไม่ได้ดีไปกว่า กทม. มากแล้วล่ะ
เพราะไฟป่าและการผาขยะของชาวบ้าน ก็..กำลังรณรงค์กันอยู่ ไม่งั้นคงได้เจอหมอกควันอีกเป็นแน่แท้
โอ้โห....งั้นเวลาจับไม่สั้นไม้ยาวเค้าจะไม่ให้ลุงถือไม้
ประเดี๋ยวจะใช้ประสบการณ์ช่างไม้(สั้นไม้ยาว)อันโชกโชนงุบงิบให้เค้าได้ไม้สั้น ^ ^'
^ ^'
เค้าบอกว่าเค้าเลือกเรียนผิดน่ะค่ะ
เรียนวิดวะอาจจะค้นพบตัวเองมากกว่านี้
ไม่ได้มาอ่านนานเลยครับ
ดีใจที่ได้อ่านนะ
เห็นสิ่งประดิษฐ์แต่ละอย่างแล้ว เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดมาจากความคิดสร้างสรรค์ จากความต้องการพื้นฐานจริงๆครับ
ซูฮกๆ จ้า อิอิ
สนุกจังเลยค่ะ เรื่องเล่าของน้องยิ้มสนุกมีชีวิตดีจังค่ะ
อ่านแล้วตื่นเลยพี่อ่ะ 555
น้องยิ้มเหมือนเด็กผู้หญิงจัวเล็กๆ เดินอยู่ใน cartoon นักประดิษฐ์สักอย่าง
แห่ๆ พี่สาจำชื่อไม่ได้ค่ะ
^ ^
ตอนนี้กำลังคิดว่าถ้าหลงเหลืออยู่จะเอามาใส่พิพิธภัณฑ์น่ะค่ะ 555
แต่หายไปไหนหมดไม่รู้
^ ^
นึกไม่ออกเหมือนกันหนอ การ์ตูนนักประดิษฐ์
แต่ออกช่อง 7 รึเปล่าคะ หุหุ
สมัยก่อนช่อง 7 มักจะมีการ์ตูนวิทยาศาสตร์มาเรื่อยเลย พวกนิทานชีวิต เมียม อะไรทำนองนั้น
มีใครเคยดู รายการญี่ปุ่นบ้าง ที่มี professor พาเด็กๆ ออกไปสำรวจธรรมชาติ จับแมลง ตอนเด็กๆ ชอบจริงๆ
^____^
ดีแล้วครับ ทักษะพวกนี้เป็นประโยชน์จริงๆ เสียดายที่พี่ไม่ได้เรียนรู้จากคุณพ่อไว้เลย
แสดงความคิดเห็น