วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

Englishness - อาหาร - กินม่ายด้ายยย


Rating:★★★
Category:Other
ประมาณ 2 เดือนก่อน อาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกง่ายๆ ว่าซุป(เปอร์ไวเซอร์) ได้ตั้งกลุ่มขึ้นมากลุ่มหนึ่ง พบกันทุกๆ วันศุกร์ตอนเย็น เดือนละครั้ง หรือประมาณ 3 อาทิตย์ครั้ง เรียกว่า Heritage Reading Group ทุกครั้งจะมีการหมุนเวียนบทความที่เห็นว่ามีประโยชน์ให้สมาชิกในกลุ่มอ่าน แล้วก็มีมาขยายความ + แสดงความคิดเห็นกันนิดหน่อย

สมาชิกในกลุ่มส่วนมากเป็นคนอังกฤษ มีเป็นคนออสเตรเลียบ้างเล็กน้อย อันได้แก่แกรี่ คุณสามีของซุปฯ ซึ่งทำงานในแขนงการจัดการมรดกทางวัฒนธรรมเช่นเดียวกัน เอมม่า รุ่นพี่ป.เอกที่เพิ่งจบไปหมาดๆ ส่วนตัวซุปฯ เองนั้น โตที่ออสเตรเลีย แต่ก็มาจากอังกฤษ ที่เหลือก็มีชาวกรีก และคนไทย (อิฉันเอง)

ประชุมครั้งแรกแกรี่ทำอาหารเลี้ยง แล้วให้สมาชิกเอาเครื่องดื่มไป ปรากฏว่าเมากันแอ๋ เพราะหนึ่งคนก็เอาไวน์ไปหนึ่งขวด คุยกันแทบไม่รู้เรื่อง ไม่เวิร์คอย่างแรง ครั้งหลังๆ ซุปฯ เลยให้สมาชิกเอาอาหารมาแทน เครื่องดื่มมีให้

ครั้งแรกยิ้มทำแกงเขียวหวานไป ซึ่งถึงฝีมือทำแกงจะไม่ดีเลิศ แต่ตอนช่วยกันกับปุ๋มทำหม้อใหญ่ขายในงาน Fiesta ก็ขายออกเกือบหมดหม้อล่ะน่า เหลือติดก้นหม้อแค่น้ำๆ และผักเท่านั้นเอง (ก็แหม..พริกแกงแม่ศรี รสชาติมาตรฐาน) เวลาทำเลี้ยงเพื่อนนานาชาติ ก็ออกจะขายดี ปีที่แล้วเคยทำไว้ 2 หม้อ เอาเลี้ยงแฟลตเมตของนก ตอนแรกคิดว่ากะจะเหลือเก็บไว้หม้อหนึ่ง เพื่อกินวันถัดไป ที่ไหนได้...แฟลตเมตนกกินเสียเกือบหมดเกลี้ยง

หากพอนำเสนอให้กลุ่ม heritage reading group นี้ โอ้ว...ความมั่นใจคลอนแคลนทันที แกงเขียวหวานหนึ่งหม้อขนาดกลางหมดไปแค่ครึ่ง.... T-T และคนกินก็มีแค่ไม่กี่คน อันได้แก่ ซุปฯ ซึ่งบอกว่าชอบนะ แต่เผ็ดเกินไปเลยกินไปนิดเดียว เอมม่า รุ่นพี่ป.เอกที่จบไปแล้วก็บอกว่าชอบเหมือนกันแต่เป็นโรคกระเพาะ เลยกินเยอะไม่ได้ และแกรี่ คุณสามีของซุปฯ (รายนี้กินไปเยอะมาก ขอบคุณมากฮ่ะ) ส่วนสมาชิกที่เหลือ แค่ชิมๆ และไม่กินเลย (กระซิกๆ ๆ)

ครั้งล่าสุดทำซูชิไป กะว่ากินเผ็ดกันไม่ได้ก็เอาจืดๆ นี่แหละ ซูชินี่...ทำในที่สาธารณะมา 2 รอบ รอบแรกในหมู่คนไทย ก็หมดนะ ถือว่าสำเร็จพอควร ทำอีกรอบตอนงานวันเกิดแฟลตเมต ทำเป็นกับแกล้ม ตอนนั้นทำไว้ถาดหนึ่ง พอตกดึกก็ต้องมาทำเพิ่มด้วยซ้ำ(เพราะหิวกัน) แต่พอยกไปนำเสนอกลุ่ม Heritage reading group นี้ - -' เหลืออีกแล้วขอรับ บางคนไม่กินเลย บางคนกินไปแค่ชิ้นสองชิ้น ครั้งนี้ก็ขอขอบคุณแกรี่อย่างสูงอีกเช่นกัน ที่กินไปประมาณ 15-16 ชิ้น ทำให้ซูชิจานนั้นพร่องไปกว่าครึ่ง ดูไม่ขายหน้าเท่าไรนัก

นี่มันอะไรกันคะนี่...
ใจคอคนอังกฤษแท้ๆ จะไม่กินอาหารแปลกๆ เลยใช่ไหมคะ ?????

จริงๆ ก็เคยได้ยิน ได้ฟังมาบ้าง ว่าคนอังกฤษแท้ๆ ค่อนข้างกินอาหารได้จำกัด แต่ก็ไม่เจอประสบการณ์ตรง เพราะว่าเพื่อนคนอังกฤษที่เคยรู้จัก กินทุกอย่างที่ขวางหน้า บางคนกินพริกเผ็ดกว่าเราเสียอีก แล้วเพื่อนนานาชาตินี่...ไม่ต้องถาม อาหารเอเชียคือของโปรด ทำทีไรก็เห็นหมดทุกที (หรือว่าของฟรี เพื่อนเลยคิดว่ากินๆ ไปเหอะหว่า - -') จากเหตุการณ์นี้...ทำให้เกิดแฟลชแบคย้อนไปถึงคำบ่นของเพื่อนสาวที่มีแฟนเป็นคนอังกฤษ

"ยิ้ม...รีบๆ ลงมาลอนดอนนะ จะได้ไปกินติ่มซำกัน"
"อ้าว ทำไม ชวนคุณแฟนไปสิ"
"โหย เขากินไม่ได้หรอก ของแปลกๆ"

หลังจากนั้นคุณเพื่อนก็ร่ายยาว

"ปลาหมึก หอย อะไรพวกนี้เขาก็ไม่กิน บอกว่าแปลก ไก่ก็ต้องกินส่วนอก เพราะว่าส่วนขา ส่วนน่องมันติดเอ็น ติดเส้นเลือด กินไม่ได้ อาหารไทยแท้ๆ แบบพะโล้ แกงส้ม ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ส้มตำ ก็กินไม่ได้ ต้องกินพวกแกงเขียวหวาน ผัดเปรี้ยวหวาน ผัดเต้าซี่ บลา บลา บลา บลา"

เออ...ที่ว่าคนอังกฤษกินยาก สงสัยจะจริง ไม่นานมานี้เองเพื่อนร่วมแฟลตก็ทำอาหารเลี้ยงเพื่อนชาวอังกฤษ ทำไปตั้ง 4 อย่าง คนอังกฤษกิ่นเท่าแมวดม บอกว่าไม่หิว แต่กลับมาชื่นชมโสมนัสกับเค้กช้อกโกแลตซึ่งซื้อมาจากร้านไอซ์แลนด์ราคา 3 ปอนด์ กินแล้วกินอีก - - ทำให้อาหารอย่างอื่นที่ใช้เสน่ห์ปลายจวักก็กลายเป็นหมันไปด้วยประการฉะนี้

หรือว่าเพื่อนอังกฤษที่เคยๆ กินด้วยกันมา เป็นเพื่อนที่ลอนดอน ซึ่งค่อนข้างเปิดกว้างต่อวัฒนธรรมนานาชาติ? แต่ยอร์คเชียร์ซึ่งยังคงความเป็น 'อังกฤษ' อยู่มาก ทำให้คนแถวๆ นี้ถูกเลี้ยงมาแบบไม่ค่อยได้สัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมทางด้านอาหารการกิน?

ตัวเองไม่ค่อยประสบปัญหาการกินเท่าไหร่ เพราะว่าหลังจากมาถึงอังกฤษก็กลายเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายขึ้นมาทันทีเพราะความงก ช่วงแรกๆ อยู่กับแฟมิลี่ เขาทำไรให้กินก็ต้องกิน อะไรที่กินไม่ได้ก็กลายเป็นกินได้ไปหมด มาถึงตอนนี้ก็พอจะเริ่มสัมผัสได้แล้ว

อย่างงี้ครั้งต่อไปจะทำอะไรไปดีเนี่ย ถึงจะขายออก สงสัยต้องทำอะไรแบบ simpleๆ กินง่ายๆ แบบปอเปี๊ยะ ขนมปังหน้าหมู ไก่สะเต๊ะ อะไรทำนองนั้นแล้วใช่ไหมเคอะ หรือไม่ก็ซื้อของสำเร็จรูปมาจากซูเปอร์มาเก็ตโยนเข้าเตาอบ สำเร็จออกมาเลย เย่...โย่ววว

ป.ล. และแล้วแรงบันดาลใจในการอัพบล็อก ก็กลับมานิดนึงละ

10 ความคิดเห็น:

a mossy กล่าวว่า...

ไม่กินได้ไงเนี่ย เห็นรูปแล้วอิชั้นยังน้ำลายไหลเลย

Gift waidhaya กล่าวว่า...

แอร๊ยยย เสียดายของอย่างแรง

ไว้คราวหลังยิ้มลองท่องกลอนของจิตต์ ภูมิศักดิ์ให้ซุปและชาวคณะฟังสิ เผื่อเขาจะได้มีดวงตาเห็นธรรมเสียบ้าง


โฮกกกกกก เคืองแทน

Panida M กล่าวว่า...

ง่า น่าสงสารเนอะ อดกินของอร่อยๆตั่งเยอะ ปล. พี่ว่าอาหารทุกชาติอร่อยหมดแหละ จิงๆนะ เอิ๊กๆๆ

Yim S. กล่าวว่า...

^ ^'
แต่ไม่มีของสดเลยอ้ะ พี่ยุง
ใช้ซาลมอนรมควัน กุ้งต้ม อะไรทำนองนั้นแทน เพราะถ้าของมันไม่สด ก็ไม่อยากเสี่ยง
จู๊ดๆ ไปล่ะแย่เลย

Yim S. กล่าวว่า...

เปิบข้าวทุกคราวคำ....จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน.........จึงก่อเกิดมาเป็นคน

ชอบนะเนี่ย กลอนบทนี้
(ก็เลยห่อกลับเลย ไม่ปล่อยให้เหลือ ^ ^' ได้เป็นอาหารเช้าวันเสาร์อีกมื้อ)

Yim S. กล่าวว่า...

จริงด้วยจ้ะ อิอิ ยิ้มก็กินได้เกือบหมด แต่มีเครื่องดื่มประจำชาติของคาซัคสถานอ้ะ เป็นนมเปรี้ยวใส่เกลือดื่มอุ่นๆ อันนั้นไม่ไหวจริงๆ มันเหมือนนมบูดเลย จำต้องเททิ้งไป

Heathrow :D กล่าวว่า...

เก่งนะครับเนี่ย ทำซูชิเป็นด้วย ทำได้หลายอย่างเชียว
ฝรั่งไม่กิน ขอกินแทนมะ บางทีเพราะว่ามันดิบหรือเปล่าครับ บางทีพี่คูณก็ไม่กินดิบๆ



เพื่อนๆทานยากแบบนี้สงสัยต้อง fish&chip ละก้า

Yim S. กล่าวว่า...

ยิ้มใช้ของสุกหมดเลยอ่ะค่ะพี่คูณ
smoked salmon ก็ซื้อของ made in Britain อ่ะ ส่วนกุ้งก็ลวกแล้น ปูอัดด้วย

ครั้งต่อไป ลองทำหนมปังหน้าหมูละกัน

whoami * กล่าวว่า...

น่ากินจังเลย..

แต่ฝรั่งบางประเภทก็ชอบอาหารไทยมากๆเหมือนกันนะ

Heathrow :D กล่าวว่า...

ฝรั่งบางประเภท ก็กรอบ บางประเภทก็ยม นะเวีย

พูดแล้ว น้องยิ้มเอา บ่ามั่น ไปฝากเขาท่าจะดีเนอะ :P