วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2551

สะบายดีความฮัก: ของฝากจาก Luangprabang trip


.................................................................................................................................

สะบายดีความรัก  (เรื่องเล่ากึ่งเรื่องสั้น ของฝากจากบ้านพี่เมืองน้องเฮา)

ตอนที่ 1 จากเวียงจันทน์ถึงวังเวียง

แชะ แชะ แชะ
เสียงกดชัตเตอร์รัวถี่ยิบราวกับเสียงเครื่องคิดเงินของแคชเชียร์เรียกเอาสายตาขุ่นเขียวแกมขวางจากแม่สาวแว่นใสที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตัวของภัทรไปทางเบื้องหลังได้ชะงัดนัก หากแต่เจ้าตัวยังมีความสุขกับการเล็งหามุมที่ถูกใจด้วยสีหน้าท่าทีระรื่น ไม่ได้อนาทรร้อนใจกับริมฝีปากรูปกระจับของเพื่อนร่วมทางที่เริ่มงอง้ำลงจนจะกลายเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์คว่ำแต่อย่างใด

นี่คุณ เสร็จหรือยัง เดี๋ยวเราต้องไปต่ออีกนะ จะใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่เดียวหรือไงกัน คุณเป็นคนวางแผนเองแท้ๆ ทำไมไม่ตรงต่อเวลาเสียงหวานที่ถูกดัดให้ฟังดูขุ่นขึ้งดังขึ้นกลบเสียงชัตเตอร์ที่ดังอยู่แต่แรก เจ้าของกล้องลุกขึ้นยืนจากท่านั่งยองๆ แล้วยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนที่จะหันมาส่งวาจากวนประสาทให้ชนิดที่ทำให้คนฟังอารมณ์ระอุขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า ดวงตาดำคมเป็นประกายสอดคล้องกันดีกับโทนเสียงยั่วเย้านั่น

 รู้แล้วน่า แต่กำลังแสงดี มุมดี มีแรงบันดาลใจ ถ้าเบื่อ ก็ไปทำอย่างอื่นก่อนสิคุณปลา ไหว้พระหรือเวียนเทียนก่อนก็ได้ จิตจะได้สงบไม่ฟุ้งซ่านแบบที่เป็นอยู่ เอ...หรือว่า...อยากจะเป็นนางแบบมั้ย มาเป็นแบบให้ผมถ่าย portrait ก็ได้นะ ตรงโน้นแสงกำลังสวยเลย ถ่ายให้ฟรี ตกแต่งให้ฟรี รับรองออกมาสวยจนลูกศิษย์คุณจำไม่ได้แน่นอนได้ผล ใบหน้าขาวใสของอาจารย์สาวตวัดค้อนให้ช่างภาพมือทองเสียวงใหญ่ ก่อนที่เสียงห้วนๆ จะถูกส่งมากระแทกกระทั้นใส่เขาอีกรอบ

ไม่เป็นไรล่ะค่ะ ฉันสวยอยู่แล้ว เชิญตามสบาย แต่อย่าอยู่ที่นี่จนเลยเที่ยงวันก็แล้วกัน เดี๋ยวจะเสียแผนหมด วันนี้ยังต้องไปอีกไกล อย่าให้ต้องเดินมาเตือนเป็นครั้งที่สี่นะแล้วร่างแบบบางก็เดินลงส้นเท้าลับไปยังอีกด้านหนึ่งขององค์พระธาตุสีทองอร่ามของวัดธาตุหลวงใจกลางนครเวียงจันทน์-เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บ้านพี่เมืองน้องของไทยเราเอง เมื่อร่างนั้นคล้อยหลังไปแล้ว ท่าทีจดจ่ออยู่กับอุปกรณ์การถ่ายภาพตรงหน้าจนจมจ่อมไปกับโลกส่วนตัวของชายหนุ่มร่างสูงก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาดำคมที่มองตามร่างบางไปจนลับตาฉายแวววิบวับราวกับจะถูกอกถูกใจกับอะไรบางอย่าง พร้อมกันกับที่รอยยิ้มบางๆ เริ่มแต่งแต้มริมฝีปากได้รูป จนดูสดใสเสียยิ่งกว่าท้องฟ้าของวันไร้เมฆเช่นวันนี้

สะบายดีครับชายหนุ่มหันไปทักทายด้วยภาษาท้องถิ่นที่ใช้ในโอกาสเดียวกับกับคำว่า สวัสดี หรือ Hello’ กับกลุ่มช่างภาพคนไทยอีก 3-4 คน ที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเลือกถ่ายภาพองค์พระธาตุและสาวๆในกลุ่มพร้อมส่งรอยยิ้มจริงใจไปให้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แค่การต่อปากต่อคำกับคนบางคนกลับทำให้เขารู้สึกรื่นรมย์สมอุราจนมองอะไรก็สวยงามไปหมด

สะบายดีครับ มาเที่ยวกันสองคนเหรอ แฟนงอนไปโน่นแล้ว คุณเอาแต่ถ่ายรูปไม่ยอมสนใจเธอหรือเปล่า ชวนมาเป็นนางแบบสิครับ จะได้มีกิจกรรมร่วมกัน คนถ่ายรูปกับไม่ถ่ายรูปมาเที่ยวด้วยกันต้องถนอมน้ำใจกันมากๆ นะหนึ่งในบรรดานักท่องเที่ยวเพื่อนร่วมชาติทักมา

แฟน...เสียงนุ่มทวนคำพูดของอีกฝ่ายก่อนที่ดวงตาดำคมจะวาววับด้วยความขบขันแกมสยองเมื่อนึกว่าหากแม่สาวที่เดินหนีไปแล้วมาได้ยินคำพูดประโยคนั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ก่อนที่จะรีบแก้ไข ไม่ใช่แฟนหรอกครับ นี่น้องสาวของเพื่อนผมน่ะ

อ้าว เข้าใจผิดหรือนี่ ขอโทษทีครับ เห็นดูกุ๊กกิ๊ก น่ารัก เหมาะสมกันดีน้ำเสียงของเพื่อนร่วมชาตินั้นมีรอยเก้อเล็กน้อย ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วจะเที่ยวในเวียงจันทน์อย่างเดียวหรือจะไปไหนต่ออีกครับ

จะต่อไปวังเวียงกับหลวงพระบางครับ อยู่ที่นี่แค่เช้านี้กับบ่ายวันสุดท้ายเท่านั้นเอง ผมว่าผมตามไปดูน้องเพื่อนผมก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะหลงกันดวงตาคมฉายแววเป็นห่วงเป็นใย สอดส่ายหาร่างบางที่เดินห่างออกไปอย่างชัดเจน

เชิญตามสบายครับ กลุ่มผมก็จะไปวังเวียงกับหลวงพระบางเหมือนกัน บางทีอาจจะได้เจอกันอีกก็ได้
แล้วนักเดินทางสองกลุ่มที่บังเอิญผ่านมาเจอกันบนเส้นทางท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมก็แยกห่างกันไปตามวิถีทางของตนเอง  ร่างสูงใหญ่ออกวิ่งไปตามสนามหญ้าสีเขียวไปในอีกทิศทางหนึ่งที่อาจารย์สาวเดินหายลับไปก่อนแล้ว

ห่างออกไปอีกมุมหนึ่งของวัดธาตุหลวง คนที่ถูกกล่าวถึงกำลังนั่งมองกลุ่มคนที่กำลังเดินเวียนเทียนเพื่อหาความสงบทางธรรม ด้วยจิตใจที่ช่างห่างไกลความสงบอย่างที่ต้องการ มองไปรอบตัวเห็นหนุ่มสาวเดินมาเป็นคู่ๆ เห็นครอบครัวสุขสันต์ใช้เวลาร่วมกัน เห็นคณะทัวร์เดินมาเป็นกลุ่มใหญ่พร้อมกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้ต้องหันมามองย้อนดูตัวเอง

ใช่สิ...แค่เริ่มทริปได้ไม่กี่ชั่วโมง เธอก็ต้องนั่งอยู่อย่างเดียวดายแล้ว เพื่อรอ...รอคู่รักที่หวานจนน้ำตาลเรียกพี่จนแทบไม่มีเวลาใส่ใจใครอื่น และตากล้องหนุ่มไฟแรงผู้มีใจจดจ่อกับวิชาชีพอย่างเหลือแสนได้ใช้เวลาค่อยๆ ซึมซับกำซาบความงามของสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างให้พอใจ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เธออุตส่าห์เฝ้ารอนับวันให้ถึงวันที่จะได้มาเยี่ยมชมประเทศเพื่อนบ้านที่ยังคง สดใหม่ด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่ได้เจือปนด้วยกลิ่นไอตะวันตกจนเฝือเหมือนประเทศอื่นๆ แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ เธอกลับไม่รู้สึกร่าเริงเท่าที่ควร เพราะใครกันเล่าถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมทริป

จะว่าไปแล้ว...เดินทางกับคู่รักก็ยังพอทน เคยตกอยู่ในสถานการณ์อยู่ระหว่างกลางคนรักคู่นี้มาบ้างแล้ว ถึงจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นก้างขวางคอไปบ้าง แต่ก็ถือว่ารู้จักคุ้นเคยกับทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี เลยไม่ทรมานใจนัก หากการร่วมทางไปกับตากล้องปากจัดทำให้เธออยากร้องไห้ออกมาวันละหลายหน มั่นใจว่าไม่ได้มีอคติหรอก ประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เธอนึกสยองที่จะใช้เวลาหลายวันกับเขา รู้อยู่เต็มอกว่าต้องเดินทางไปด้วยกันอีกหลายวัน ควรจะญาติดีสงบศึกกันเสีย แต่เห็นดวงตาดำคมระยิบระยับนั่นทีไร เธอก็ปรอทแตกทุกที มันคล้ายๆ กับว่าดวงตาคู่นั้นมีอำนาจทะลุทะลวงอย่างบอกไม่ถูก

ดวงตายาวรีภายใต้แว่นใสกรอบเหลี่ยมมองไปยังพระพุทธรูปและของโบราณที่ถูกวางอยู่รอบตัวด้วยความรู้สึกขัดใจ นี่ยังไงกันนะ มีของมาจัดแสดงมากมายแต่ไม่มีคำบรรยายหรือแผ่นพับให้ความรู้เลยสักนิด นึกว่าคนมาเที่ยวต้องมากับไกด์หมดหรือไง อารมณ์ขุ่นมัวทำให้มัสยาพลอยมองอะไรก็พานจะขัดหูขัดตาไปหมด เมื่อลงกับคนไม่ได้ก็ขอลงกับสถานที่แทน  ปฏิเสธไม่ได้ว่าแผนการท่องเที่ยวลาวเหนือนี้เป็นสิ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้มาก และความสวยงามแบบบริสุทธิ์ของทิวทัศน์เมืองลาวก็ทำให้เธอเพลิดเพลิน รู้สึกเหมือนได้เปิดโลกทัศน์อยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่เธอกำลังประสบอยู่...มันช่างห่างไกลสิ่งที่เธอต้องการเสียเหลือเกิน

อะไรนะคะ พี่นิกกับพี่หวานไปเที่ยวลาวกับปลาไม่ได้เหรอคะจำได้ว่าเมื่อรู้แน่ว่าลูกพี่ลูกน้องและแฟนสาวอ้อมแอ้มขอยกเลิกการร่วมเดินทางไปด้วย เธอก็ถึงกับอุทานด้วยความตกใจ แล้วแผนจะล่มมั้ยคะนั่น...ปลาอยากไปมากนะเนี่ย ถ้าสมาชิกน้อย ค่าเช่ารถตู้ก็คงจะแพงมากๆ ปลาสู้ไม่ไหวแน่ๆ

ประโยคหลังกลายเป็นเสียงอุทธรณ์ไปแล้ว แรกเริ่มเดิมทีพวกเธอวางแผนเสียสวยหรูว่าจะเช่ารถตู้เพื่อเดินทางข้ามเมือง เนื่องจากเกรงว่าการใช้ระบบชนส่งมวลชนประเทศเพื่อนบ้านจะทำให้เสียเวลาไปมากเกินควร ก็จากที่เห็นตามภาพที่คนที่เคยไปเที่ยวเขาถ่ายมาแปะตามบล็อกส่วนตัว ถนนเชื่อมระหว่างตัวเมืองต่างๆ ในบ้านพี่เมืองน้องของเรามันโค้งคดเป็นงูภูเขาจนทำให้การเดินทางดูยากลำบากน้องๆ ถนนสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยทีเดียว แค่นึกสภาพตัวเองแบกกระเป๋าพะรุงพะรังคอยโบกรถก็รู้สึกท้อแท้เหลือเกินแล้ว หากมีพาหนะส่วนตัวก็คงจะสะดวกสบายกว่ามาก

 ตายล่ะ พี่นิกกกกกก งั้นสมาชิกก็เหลือแค่พี่เด่นกับเจ้ดาว แล้วก็ปลาเท่านั้นเองสิคะ เพราะนายโตก็เพิ่งโทรมาบอกว่าจะชิ่งไปเมื่อวานเย็นเสียงหวานร้องลั่นเมื่อนึกได้ถึงความจริงข้อต่อไปที่จะต้องเผชิญ คนน้อยจังเลย อย่างนี้คงต้องเลิกแผนเช่ารถแล้วใช้บริการขนส่งมวลชนแล้วล่ะมั้ง

ก็นี่แหละที่พี่จะมาบอก ปลาไม่ต้องล้มเลิกหรอก...เจ้าภัทรมันจะไปลาวด้วยเหมือนกัน เห็นว่าคราวนี้ต้องเขียนสารคดีประกอบภาพถ่ายเรื่องวัดลาวและวิถีขนบธรรมเนียมลาว ทางนิตยสารที่มันทำงานให้อยู่เขายินดีจ่ายค่าเช่ารถให้เจ้าภัทรมันทั้งหมด มันเลยฝากมาบอกว่า ให้ปลา เด่น กับดาวติดไปกับมันได้เลยฟรีๆ สบาย...หายห่วง แถมยังได้เที่ยวมากกว่าเดิมอีก ปลาลองคุยรายละเอียดกับภัทรดูสิ พี่ว่าน่าสนใจนะ

มัสยาถึงกับเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาโดยพลัน อยากไปก็อยากอยู่มากทีเดียว แถมยังไม่ต้องเสียค่ารถตลอดทริปอีกต่างหาก โอกาสทองแบบนี้ไม่ได้ลอยมาหาใครง่ายๆ แต่ว่า...ต้องร่วมเดินทางไปกับภัทร และยังตกอยู่ในสภาวะเป็นหนี้บุญคุณกับผู้ชายคนนั้นอีกเหรอ เอ่อ...เธอรู้สึกลังเลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 พี่ว่าก็ดูคล่องตัวดีนะ เป็นทัวร์เล็กๆ แล้วแต่ละคนก็ไม่ใช่คนเรื่องมาก คงสนุกน่าดูเลย จริงๆ พี่ก็อยากไปนะยายปลา แต่ว่าติดธุระด่วน กลับมาก็เอารูปสวยๆ มาให้ดูด้วยล่ะมัสยาไม่ทันได้ยินคำพูดประโยคต่อมาของลูกพี่ลูกน้องหนุ่มเสียแล้ว เพราะเธอกำลังนึกถึงการเดินทางที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้

ว่าไง จะไปหรือเปล่า
ปลาว่า...ปลารอให้พี่นิกว่างแล้วเราค่อยแบ็คแพ็คไปกันอีกทีดีกว่านะคะ ปลาไม่อยากรบกวนใคร ถ้านาย เอ๊ย คุณภัทรเขาจะไปทำงาน ถ้าปลาไปด้วย เขาคงไม่ค่อยสะดวก
แหม มันก็เป็นแค่ช่างภาพ นักเขียน ก็เที่ยวไปหาแรงบันดาลใจไป ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากหรอก ถ้าไม่สะดวกมันคงไม่ชวน เอ๊ะ เดี๋ยวนะ มีคนโทรศัพท์มา เอ้า เจ้าภัทรนี่นา ตายยากจริงๆว่าแล้วนิกก็กรอกเสียงลงไปทักทายเพื่อนหนุ่ม ก่อนที่จะหันมาซักถามเธออีกครั้ง ว่าไงปลา ตกลงจะแจมนายภัทรหรือเปล่า
เอ่อ...ปลาว่า ไม่ดีกว่าค่ะ

อะไรนะ อ๋อ แกจะคุยกับปลาเหรอ ได้ๆ เอ้า อาจารย์มัสยา มีคนอยากจะคุยด้วย ตกลงกันเองก็แล้วกันแล้วโทรศัพท์มือถือของพี่ชายก็ถูกยื่นมาตรงหน้า มัสยาจ้องมองราวกับมันเป็นวัตถุต้องห้าม อิดเอื้อนนิดๆ ก่อนที่จะคว้ามาแนบหูด้วยท่าทีเสียไม่ได้
สวัสดีค่ะ
นี่ปลาไม่กล้าเจอหน้าผมเหรอครับน้ำเสียงแจ่มใสแต่กวนประสาทส่งมาทันทีที่เธอเอ่ยทักไป ไม่มีถ้อยคำใดๆ เกริ่นนำทั้งสิ้น และมันก็ให้ผลรุนแรงคล้ายกับเอาน้ำเย็นๆ มาสาดหน้าเธอเลยทีเดียว
อะไรนะคะจำได้ว่าตอบไปด้วยน้ำเสียงเขียวแกมพิศวง ทำไมเธอต้องไม่กล้าเจอหน้าเขาด้วย คนอย่างมัสยา ไม่เคยขลาดกลัวอะไรที่ไร้เหตุผล
ที่เขาลือๆ กันมันท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ
อะไรน่ะ พูดอะไร ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง

ก็ที่ผมชวนไปด้วยกันไง ผมรู้นะว่าปลาอยากไปเที่ยวลาวมาก แล้วยิ่งโอกาสดีๆ มีของฟรีมาเสนอถึงที่แบบนี้ ถ้าเป็นปกติคุณคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอก แต่นี่กลับทำมีลับลมคมนัย อิดออด ไม่ตกลงง่ายๆ เสียที ถ้าไม่เขินจนไม่กล้าจะอยู่ใกล้ผม ผมก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายแล้ว
เดี๋ยวๆ ใครเขินคุณกัน แล้วเขาลืออะไร ฉันงงไปหมดแล้ว
                อ้าว ถ้าไม่เขินแล้วทำไมไม่กล้าไปด้วยล่ะ หลบหน้าผมทำไม
            ตอบฉันก่อนสิ เขาลืออะไรกัน

            อ๋อ...เขาลือกันให้แซ่ดว่าน้องของนายนิกชอบผมน่ะ แล้วนายนิกมันมีน้องสาวคนอื่นอีกที่ไหนกัน...ก็มีแต่คุณคนเดียวนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าคุณอยากไปก็ไปเถอะ ผมเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่เก็บเรื่องนั้นมาล้อเลียน ไม่ต้องกลัวว่าผมจะทำให้คุณเสียหน้าระหว่างทริปเลย..

            อ๊ายยย หลงตัวเองที่สุด ใครนะ บังอาจมาพูดแบบนั้น ฉันไม่ได้หลบหน้าคุณ ไม่ได้คิดอะไรกับคุณ ได้ยินไหมเสียงหวานแปรสภาพเป็นเสียงแหลมขึ้นมาทันที มั่นใจได้ว่าอีกฝั่งคงต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแน่ๆ หากไม่อยากให้แก้วหูโดนทำร้ายด้วยเสียงดังเกินขนาด

            อ๋อ...ได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจไปหน่อย ตอนแรกเห็นพี่ชายคุณบอกว่าคุณลังเลไม่กล้ามาด้วยกัน ผมก็เลยคิดไปไกล ว่าคุณก็มีใจตามที่เขาพูดกันจริงๆ...

ใครบอกว่าฉันจะไม่ไป ฉันแค่ลังเลเพราะกลัวว่าจะไปชนเอากับช่วงที่งานเยอะหรือเปล่า ฉันจะไป ได้ยินไหม ฉันจะไป และจงจำใส่ใจไว้ด้วยว่าฉันไม่เคยคิดอะไรแบบที่เขาลือกันเลย และฉันก็ไม่ได้หลบหน้าคุณ

อ้าว เหรอ...
ไปวางแผนมา...แล้วส่งมาให้ทางอีเมลด้วย เบอร์ของฉัน ขอได้ที่พี่นิก แค่นี้นะ
แล้วเธอก็ตกลงปลงใจร่วมทางไปกับเขา ง่ายๆ แบบนี้เอง เมื่อย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องวันนั้นอีกที มัสยาก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอโดนล่อลวงให้เข้ามาร่วมทริปหรือเปล่า แต่คงไม่หรอกมั้ง....ทะเลาะกันจนจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งมาตลอด นายนั่นคงไม่ลงทุนล่อหลอกให้เธอไปหรอก

 ปลาจะรังเกียจรังงอนอะไรภัทรมันนักหนา ตอนนั้นที่มันเผลอทำปากมอมใส่ปลา มันก็ขอโทษแล้วนี่ เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ยกโทษให้มันเถอะ จริงๆ มันก็เป็นคนดีอยู่หรอกราวกับจะหยั่งรู้ไปถึงจิตใจของเธอ พี่ชายถอนใจพร้อมบ่นด้วยน้ำเสียงระอาหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ใช่...ภัทรคือเพื่อนสนิทของนิกนั่นเอง เขาคือชายหนุ่มหน้าตาดิบเถื่อนนิสัยห่ามๆ ที่เธอแสนจะไม่ลงรอย และนึกอยู่เสมอว่าวาจาโผงผางนั้นคงจะถูกเปล่งออกมาจากปากที่ไร้ไส้กรอง มันถึงได้หยาบคาย และไร้มารยาทสิ้นดี อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

พี่นิกคะ คนดีที่ไหนจะมาวิพากษ์วิจารณ์นายจ้างถ่ายภาพว่าแห้งเป็นตะเกียบ แบนไร้มิติเป็นไม้กระดาน แถมพอกหน้าหนาเหมือนงิ้วได้ล่ะคะ ปลาไม่ลืมหรอกนะ เรื่องในงานวันรับปริญญาวันนั้นน่ะนึกถึงเรื่องในวันก่อนเก่ามัสยาก็โกรธจนแทบลมออกหู วันนั้นเป็นวันที่สำคัญที่สุดของเธอ แต่ผู้ชายคนนั้นกลับใช้คำพูดหยาบๆ ทำลายบรรยากาศเปี่ยมสุขของเธอลงได้ภายในพริบตา นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นช่างภาพฝีมือฉกาจหาตัวจับยากแล้ว วันนั้นเธอคงคว้าเอาขาตั้งกล้องมาไล่ฟาดพร้อมทั้งตะเพิด อีตานั่นออกจากงานไปแน่ๆ

ปลา...นี่เราก็เติบโตมาเป็นแม่พิมพ์ของชาติ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายแล้วนะ เรื่องนั้นมันผ่านมาตั้งห้าปีแล้ว ตอนนั้นเราก็ยังเด็ก นายภัทรก็ยังวัยคะนอง มีเหตุผลหน่อยสิ ไปกับภัทรก็ดีออก เขาก็ศึกษาเรื่องเมืองลาวมาเยอะอยู่ ถ้าเขาไปด้วยพี่ก็อุ่นใจว่าเราจะได้มีคนดูแล เด่นกับดาวคงอยู่ด้วยกันเสียเป็นส่วนมากจนไม่มีเวลามาดูแลเราเท่าไหร่

เพราะคำพูดประโยคนั้น เธอจึงยอมสงบลงไปนิด แต่ยังอดเถียงในใจไม่ได้ ก็เพราะว่าเธอมีเหตุผลนั่นแหละ ถึงได้ไม่อยากจะร่วมเดินทางไปกับผู้ชายคนนั้น แค่นี้ก็มองเห็นเค้าลางแห่งความล่มสลายของคณะอยู่ลางๆ แล้ว แต่เนื่องด้วยศักดิ์ศรีและเหตุผลด้านการเงินมัสยาจึงไม่อาจผิดคำพูดกับตากล้องปากร้ายจนได้ และจำต้องเก็บงำความไม่ชอบหน้าซ่อนเอาไว้อย่างยากเย็น
จะว่าไปแล้ว...เธอซ่อนมันเอาไว้ไม่เคยอยู่เลยต่างหากล่ะ

แชะ...
เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นอีกครั้ง เรียกให้จิตอันล่องลอยของมัสยากลับมาจากห้วงคิดอันลึกล้ำของตนเอง  แล้วอาจารย์สาวก็ต้องเกือบสะดุ้ง เมื่อใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยไรหนวดสีเขียวจางอยู่ห่างออกไปไม่มาก รอยยิ้มแบบที่ชวนให้อารมณ์ระอุลอยวนอยู่ไม่ห่าง กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจางๆ วนเวียนอยู่แค่ปลายจมูกเท่านั้นเอง

จะว่าไปแล้ว คุณก็เป็นนางแบบที่ดูเป็นธรรมชาติดีนะ ดูสิ...วันนี้ใส่เสื้อสีสดดีด้วย ตัดกับองค์เจดีย์สีทอง สนามหญ้าสีเขียว แล้วก็ท้องฟ้าสีฟ้าเลยช่างภาพมืออาชีพเดินเข้ามาใกล้แล้วทรุดตัวลงนั่งประชิด มัสยานึกเสียใจที่เธอนั่งชิดติดกับเสาปูนที่เรียงรายค้ำยันศาลารายที่โอบรอบองค์พระธาตุ จึงไม่มีโอกาสจะถอยหนีคนตัวโตกกว่าได้

เสร็จหรือยังคะ จะได้ไปกันต่อ พี่เด่นกับเจ้ดาวออกไปดูของรอข้างนอกแล้ว ตามแผนการวันนี้ต้องค้างที่วังเวียงไม่ใช่เหรอ ต้องเดินทางไปอีกตั้งหลายชั่วโมงอาจารย์สาวลดเสียงให้อ่อนลง พยายามข่มความไม่ชอบหน้าส่วนตัวเอาไว้อย่างยากเย็น เพื่อความสงบเรียบร้อยของทริปเล็กๆ ทริปนี้ ท่องเอาไว้...อย่างน้อยเขาก็เป็นนายทุน...นายทุน...นายทุนจ่ายค่าเช่ารถจากวันแรกถึงวันสุดท้าย

โอเคแล้วล่ะ ผมพอใจแล้ว แค่ที่เดียว...ถ่ายไปเกือบพันรูปเลยนะเนี่ย
ตอนสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชทรงสร้างพระธาตุขึ้น ก็คงจะไม่ทรงนึกว่าในอนาคตจะมีคนสนใจถ่ายภาพเยอะขนาดนี้หรอกนะ คงจะทรงคิดแค่ว่าสร้างศาสนสถานให้คนมาสักการะบูชา นี่ถ้าเปลี่ยนจากกล้องถ่ายรูปมาเป็นปืน องค์พระธาตุคงจะพรุนไปหมดแล้วแม้ใจคิดจะสงบศึกชั่วคราว แต่มัสยาก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะประชดนิดๆ หน่อยๆ พอให้หอมปากหอมคอ

อาจารย์มัสยาครับ...คุณบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตและมุมมองของคุณผ่านการสอน ผ่านเลกเชอร์ต่างๆ ผมก็ถ่ายทอดความคิดและจิตวิญญาณความเป็นตัวตนของผมผ่านทางภาพถ่ายและตัวหนังสือไงครับ ผมเลยต้องให้ความสำคัญกับภาพแต่ละภาพที่ผมสร้างขึ้นมากหน่อย เราก็ชอบในสิ่งเดียวกันนั่นแหละ แค่มองโลกคนละมุมเท่านั้นเองคำพูดกึ่งยั่วเย้าทำเอาอาจารย์สาวสะอึกไปนิดเหมือนกัน เธอไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคนใจแคบ มองโลกในมุมของตัวเองอย่างเดียว แต่ให้มานั่งรอช่างภาพที่ชอบค่อนแคะเธอเป็นทุนเดิมถ่ายรูปเจดีย์องค์เดียวเป็นชั่วโมงๆ เธอก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ เขากำลังจะทำแผนเธอล่ม และทำให้เธออดไปเที่ยวที่อื่นชัดๆ

ดูสิ รูปนี้คุณดูเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์หรือกำลังคิดอะไรอยู่ ดูดีไปอีกแบบนะน้ำเสียงของภัทรยังเรียบเรื่อยราวกับไม่รู้สึกรู้สากับคำเหน็บนั้น หากกลับชี้ชวนให้ดูภาพที่เพิ่งถ่ายมาได้ด้วยน้ำเสียงเริงรื่น มัสยาเหลือบตามองดูคนข้างตัว จะว่าไปแล้วเขาก็เป็นคนบุคลิกดีคนหนึ่ง นี่ถ้าไม่ติดที่ความ ปากมอมของเจ้าตัว ป่านนี้ช่างภาพและนักเขียนมือทองแห่งนิตยสารชื่อดังคนนี้ คงได้สละโสดมานานแล้ว ไม่ต้องอยู่รอใครสักคนจะมาสนใจจนล่วงเลยขึ้นเลขสามแบบนี้หรอก เวลาพูดจาดีๆ คนคนนี้ก็ดูไม่เลวร้ายอะไรขนาดนั้น

ดูดีจริงๆ เลยนะ คุณปลาเนี่ย...เสียอย่างเดียว ถ่ายภาพคุณน่ะ ถ่ายได้แต่แบบแคนดิด คุณหันมายิ้มให้กล้องทีไร หน้าแหยอย่างกับถูกมีดจี้บังคับให้มาเป็นแบบยังไงยังงั้น นี่ดีน้า...ที่ไม่ได้มีแฟนเป็นตากล้อง ไม่อย่างนั้นคง...

นั่นไง...ว่าแล้วเชียว จะพูดดีได้นานแค่ไหนกัน ยังไม่ทันจะขาดคำก็เผยธาตุแท้เสียแล้ว มัสยาลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบพลางสะบัดตัวหันหลังให้คนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ กระเป๋าสะพายอันเล็กๆ ฟาดเข้าบริเวณขมับของพ่อตากล้องปากจัดไม่เบานัก
โอ๊ย...
ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจมัสยาข่มรอยยิ้มที่กำลังจะผุดขึ้นมาอย่างยากเย็น เสร็จแล้วก็ไปกันเถอะน้ำเสียงขุ่นๆ เริ่มใสขึ้นมา เมื่อได้เอาคืนบ้างเล็กๆ น้อยๆ และได้เห็นใบหน้าเหยเกของฝ่ายตรงข้าม ร่างเพรียวเดินแกมวิ่งนำออกไปยังทางออกด้วยทีท่าร่าเริง ดวงตาดำคมบนใบหน้าเข้มแลตามไปจนลับตา

ร้ายนักนะ...เสียงนุ่มพึมพำออกมาเบาๆ เดี๋ยวจะคอยดู ว่าจะร้ายได้อีกแค่ไหนอาจจะฟังดูเหมือนการฝากคำอาฆาต แต่หากใครได้มองเห็นคงจะอดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมดวงตาของคนพูดถึงได้สุกใสเปล่งประกายราวกับมีความสุขเสียเหลือเกินแบบนี้

ถนนที่เชื่อมเมืองเวียงจันทน์กับวังเวียง เป็นถนนลาดยางสายไม่ใหญ่นัก บางช่วงก็ลัดเลาะไปตามซอกเขา บางช่วงก็ไต่ไปตามไหล่เขาอยู่เหนือแมกไม้และผืนป่าเขียวชอุ่มของยามปลายฝนต้นหนาว บ้านเรือนของชาวบ้านยังคงสภาพความเป็นสังคมเกษตรกรรมที่ยังคงความเรียบง่ายอยู่มาก วัสดุที่ใช้ประกอบเป็นบ้านเรือนโดยส่วนมากก็ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ทั้งไม้กระดานหรือฝาขัดแตะ ภัทรมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างเพลิดเพลินใจ ก่อนที่รถจะตกหลุมดังพลั่ก กลุ่มผมนิ่มราวใยไหมที่คลอเคลียกับพนักพิงลื่นไหลมาคลอเคลียอยู่กับหัวไหล่ของเขาแทน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งเด็กระรื่นอยู่ปลายจมูกนี่เอง คนที่กลายสภาพมาเป็นหมอนชั่วคราวเริ่มเกร็งตัวด้วยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

มันเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะพี่เด่นกับเจ้ดาวตัวดีน่ะสิ ทั้งคู่ประกาศว่าจะไม่ยอมนั่งหลังสุดของที่นั่งสามแถวของรถตู้คันนี้ และยืนยันมั่นเหมาะให้ใช้ที่นั่งตอนหลังนั้นเป็นที่เก็บของ แทนที่จะเอากระเป๋าเดินทางขึ้นไปวางบนหลังคาอย่างที่คนขับรถแนะนำ แม่สาวฤทธิ์มากจึงจำต้องระเห็จมานั่งบนที่นั่งแถวเดียวกันกับเขาจนได้ และตอนนี้...เธอก็กำลังใช้หัวไหล่ของเขาเป็นที่พักพิงหนุนนอนอย่างสบายใจ ใบหน้าเนียนหลังกรอบแว่นเอนซบคอพับคออ่อน โดยที่เจ้าตัวหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา ไม่ได้ตื่นมารับรู้ด้วยเลย ว่าทำวีรกรรมอะไรเอาไว้

แหม...ภัทร ผู้หญิงตัวนิดเดียว ยอมให้เขาพิงไปเถอะ อย่าไปปลุกน้องเขาเลย ปล่อยให้หลับไปก่อน เย็นนี้จะได้สดชื่นเจ้ดาวสาวสมัย ส่งเสียงข้ามเบาะมาจากทางเบื้องหลัง ก่อนที่คนรักของเจ้าหล่อนจะตอบรับเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

นั่นสิ...สิ่งไหนก็เอาชนะใจผู้หญิงได้ไม่ชะงัดเท่าความดีหรอกนะ ไอ้เรานี่ก็เหลือเกิน...ชอบทำตัวห่ามๆ ปกปิดเนื้อแท้ที่อ่อนโยน อย่างนี้ใครที่ไหนเขาจะยอมใจอ่อนกันล่ะ

ผมว่าผมคงไม่มีหรอกครับ ไอ้เจ้าความดีน่ะ มีแต่ ปากดีมันพอจะแทนกันได้ไหมล่ะ

ไม่ไหวว่ะ ถ้าเอ็งอยากอยู่เป็นโสดต่อไปนัก ก็เชิญเถอะครับ พี่ไม่ยุ่งด้วยแล้วผู้มากวัยกว่าส่ายหน้า แล้วหันกลับไปอยู่ในโลกส่วนตัวกันต่อสองคน ปล่อยให้ภัทรหันไปมองแม่สาวที่หลับใหลเอนอิงพิงบ่าของเขาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก สายตาของเขาไล่ไปตามแพขนตาดำขลับที่งอนสวยโดยไม่ต้องดัด ดวงตาที่เคยเปล่งประกายไม่ยอมคนอยู่เป็นนิจภายใต้กรอบแว่น แก้มใสที่บางครั้งก็ระเรื่อไปด้วยเลือดฝาด(ด้วยความโกรธ) และริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ชอบส่งคำพูดจิกกัดมาให้เขาเสมอๆ  คุณพระคุณเจ้าช่วย...หากเธอยังคงนอนซบอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกสักห้านาที สิบนาที เขาคงจะอดใจไม่ไหวแล้วแน่ๆ เขายังเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์นะ ไม่ใช่อิฐหรือปูน

พลั่ก...
เพื่อสนองตอบคำขอของเขา  รถตู้ตกหลุมอีกทีจนสะเทือนไปทั้งคัน ศีรษะของมัสยาเลื่อนหลุดลงมาจากไหล่กว้างจนเจ้าตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมา เจ้าตัวจัดการถอดแว่นแล้วขยี้ตาเพื่อขับไล่ความง่วงงุนด้วยท่าทีใสๆ ไร้การปรุงแต่งจริต น่าเอ็นดู เห็นแล้ว...อดไม่ได้ ภัทรอดไม่ได้จริงๆ

แหม...หลับเสียสนิทเลย ออกมาเที่ยวต่างบ้านต่างเมืองใครเขาเอาแต่หลับกันเล่า สังเกตดูทิวทัศน์ข้างทางบ้างสิ มันถึงจะคุ้ม ขึ้นรถเป็นหลับ ขยับเป็นกิน...เที่ยวแบบนี้ไปล่องเรือสำราญท่าทางจะถูกจริตกว่านะเนี่ย
ใช่...เขาอดไม่ได้ที่จะแหย่รังแตนอีกตามเคย ได้ผล...คนข้างตัวคอแข็งไหล่ตั้งขึ้นทันที แถมส่งค้อนวงใหญ่มาให้เสียอีก

ถึงวังเวียงหรือยังคะ พี่เด่น เจ้ดาวเธอเลือกที่จะปล่อยให้เสียงของเขากลายเป็นเสียงนกเสียงกา เสียงลมที่ผ่านมาแล้วผ่านไป โดยหันไปสนทนากับคู่รักที่นั่งอยู่ด้านหลังแทน

คงจะเกือบถึงแล้วล่ะน้องปลา ภูเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างสวยๆ แล้ว อีกนิดนึงๆหนึ่งในนั้นส่งเสียงตอบมา มัสยาพยักหน้าทำท่าพอใจแล้วหันกลับไปสนใจทิวทัศน์สองข้างทางโดยไม่ได้ให้ความสนใจหนุ่มข้างตัวอีก โดยไม่ได้สังเกตว่า อีกฝ่ายหน้าง้ำลงแค่ไหนที่เธอไม่ได้ให้ความใส่ใจอย่างที่ควรจะเป็น

รถตู้แล่นเข้าจอดบริเวณลานจอดรถของรีสอร์ตที่จองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว สองสาวรีบแล่นไปเกาะขอบระเบียงริมน้ำของร้านอาหารประจำรีสอร์ตด้วยความตื่นตาตื่นใจทันที โดยทิ้งให้หนุ่มๆ รับภาระในการเช็คอินเข้าที่พักไปเสีย ห้องพักเป็นห้องขนาดปานกลางอยู่ในเรือนพักเป็นหลังๆ ที่มีระเบียงยื่นออกไปเกือบถึงริมน้ำ ผนังด้านที่หันหน้าเข้าสู่แม่น้ำซองเป็นกระจกใสขนาดใหญ่ ทำให้ผู้พักสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาหินปูนที่ถูกน้ำกัดเซาะผ่านฤดูกาลมานานนับศตวรรษ เห็นแม่น้ำใสจนมองเห็นกรวดทรายก้นแม่น้ำ เห็นนักท่องเที่ยวล่องเรือแคนูไปมาพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข และเห็นชาวบ้านนั่งเรือหาปลา บ้างก็อาบน้ำสระผมอยู่ริมน้ำ ได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องกระดิกตัวไปทางไหนเลย

สวยขาดใจเลยค่ะ เจ้ดาวมัสยาทิ้งกระเป๋าลงข้างตัวพลางวิ่งไปยังกระจกใสทันทีที่เข้าไปในห้องพักได้ ผิดกับดาวที่กำลังนั่งจัดเรียงเครื่องสำอางอย่างเป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เพราะเธอถือคติ สวยทุกเวลา ทุกสถานการณ์ ยิ่งมีคนรักเดินมาด้วยแล้ว ยิ่งยอมให้ตัวเองดูโทรมไม่ได้เป็นอันขาด

เว่อร์ๆ น้องปลา มันจะสวยอะไรขนาดนั้น...สาวสมัยบ่นพึมก่อนที่จะเดินมาหยุดเคียงข้างอาจารย์สาวที่ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้วโอ้ โว้ววว ว้าววววแต่เมื่อมองลอดผ้าม่านออกไป ผู้มากวัยกว่าก็ลดอายุลงไปได้มากพอๆ กับฝ่ายแรกทันที สองสาวเกาะหน้าต่างกระจกทอดสายตามองภูเขาหินรูปร่างแปลกตาตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแสงยามเย็น กับท้องฟ้าที่เริ่มถูกแรระบายด้วยสีแสดเป็นฉากหลัง แผ่นน้ำสะท้อนทิวเขาเบื้องหลังเป็นเงาทะมึน ความเสียดายที่อดล่องห่วงยางไปตามแม่น้ำเพราะเสียเวลาที่เวียงจันทน์ไปมากกว่าที่ควรจางหายไปทันที

เจ้ดาวว่าน้ำมันจะเย็นมั้ยคะ ปลาว่าน้ำมันไม่ลึกแน่ๆ ดูสิ เด็กๆ เดินเล่นท่องน้ำกันใหญ่เลย อยากลงไปเล่นบ้างจัง

จะรอช้าอยู่ไยเล่าน้องปลา เปลี่ยนกางเกงโลด ไปกันเหอะคราวนี้...ผู้ยึดคติสวยยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่รีรออีกต่อไป คว้างกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วได้ก็วิ่งเข้าห้องน้ำจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า รวบผมยาวสยายดัดหยิกเป็นลอนขึ้นเรียบร้อยภายในเวลาไม่กี่นาที แถมยังออกมาเร่งคนที่กำลังยืนรออยู่อีก

เร็วสิ น้องปลา เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน

เมื่อจัดการกับตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว สองสาวก็เปิดประตูออกไปสู่ระเบียงหลังห้องพักที่ยื่นออกไปสู่สนามหญ้าเขียวเหนือหาดทรายแม่น้ำซองเพื่อซึมซับความงามอันละเมียดละไมของบรรยากาศ อากาศบริสุทธิ์ปราศจากมลพิษทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก แสงเกือบสุดท้ายของวันทอทาบอาบร่างสูงที่เดินถ่ายรูปอยู่เบื้องล่างบนหาดทรายริมน้ำจนดูเหมือนผิวเนื้อถูกฉาบไว้ด้วยละอองทอง มัสยาเหลือบมองร่างสูงที่กำลังเพลิดเพลินกับการหามุมที่ถูกใจในการถ่ายภาพพลางทอดถอนใจ ตลอดเวลาห้าปีที่รู้จักกันมา แทบจะไม่มีเลยสักครั้งที่เธอและภัทรจะพูดจากันดีๆ แบบคนปกติเขา ทั้งที่เขาเป็นเพื่อนของลูกพี่ลูกน้องของเธอที่แสนจะสนิทสนมราวกับพี่น้องที่คลานตามกันมา เจอกันทีไร เขาก็จะต้องยั่วยุเธอให้ต้องหัวเสียทุกครั้งไป

ปล่อยหนุ่มๆ เขาถ่ายรูปอยู่ตรงนี้แหละเนอะ เราลงไปเล่นน้ำของเรากันดีกว่านับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่เจ้ดาวยอมออกห่างจากคนรักของตน ไม่ปล่อยให้เธอต้องเหงาเหมือนตอนเช้า มัสยาจึงยิ้มแย้มสดใสได้มากกว่าที่เคย

ค่ะ เรารีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันเล่น

ไม่ต้องไปอ้อมด้านหน้าหรอกน้องปลา เสียเวลา ปีนระเบียงลงไปเล้ย....ไม่ได้สูงอะไรเสียหน่อย แค่เมตรกว่าๆ เองว่าแล้วสาวสวยก็จัดการข้ามราวไม้แล้วกระโดดผลุงลงไปบนสนามหญ้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ล็อคห้องด้วยนะน้องปลา ถึงคนแถวนี้จะเป็นมิตร แต่ก็ไม่น่าจะนิ่งนอนใจมัสยาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากปิดประตูและปีนรั้วตามลงไปด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ

            เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว สองสาวยังเดินท่องน้ำด้วยทีท่าร่าเริงเปี่ยมสุข ลมเย็นๆ เริ่มโชยมา อากาศต้นฤดูหนาวของเมืองลาวหนาวเย็นกว่าฤดูหนาวในภาคเหนือของไทยมากนัก ยิ่งเป็นเมืองวังเวียงที่อยู่ในป่าเขาลำเนาไพรดุจมงกุฎแห่งโขดเขินเนินผา อากาศก็ยิ่งยะเยือกกว่าเมืองบนพื้นราบเข้าไปอีก สองสาวที่เริ่มตัวเปียกโชกด้วยความสนุกสนานก็เริ่มตัวสั่นเป็นลูกนก เมื่อแสงแดดจางลงไปมาก ความอบอุ่นที่เคยได้รับก็พลอยลดลงไปด้วย

                เจ้ดาว เราขึ้นกันเถอะ ปลาหนาวแล้ว

            เออ ดีเหมือนกัน ขาเจ้จะแข็งหมดแล้ว อ้าว...ภัทร ลงมาทำอะไรข้างล่างนี้ล่ะ แล้วพี่เด่นอยู่ไหนประโยคหลังหันไปตะโกนถามคนที่ยืนถือกล้องอยู่บนฝั่งน้ำ

            ผมลงมาหามุมถ่ายรูปครับ แต่พี่เด่นออกไปหาซื้อเบียร์ เห็นว่าจะลองเอามาแช่ในน้ำดู ท่าทางจะเย็นไม่แพ้แช่ตู้เลยทีเดียว

            อ๋อ ดีๆ คืนนี้เรามาดริงค์กัน ไหน ดูหน่อยซิ มีรูปอะไรบ้างแล้ว

            ไม่ค่อยมีอะไรหรอกพี่ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า อากาศเย็นนะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาภัทรชูมือข้างที่ถือกล้องถ่ายรูปขึ้นสูงเพื่อหลบจากการไล่ล่าของดาว แต่มีหรือที่สาวผู้พี่จะยอม

                ไม่ค่อยมีอะไรแล้วทำไมไม่ให้ดู มานี่ๆ เอามาแบ่งกันดูเดี๋ยวนี้ดาวไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มือเล็กๆ โหนแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้ ปากก็ร้องให้คนที่เหลืออยู่เข้ามาช่วย ปลา โอกาสทอง รีบแย่งกล้องมาเร้วเมื่ออารมณ์สนุกสนานเข้าครอบงำ มัสยาก็ละวางความไม่ลงรอยเอาไว้ชั่วขณะ หญิงสาวโผเข้าไปแย่งกล้องถ่ายรูปของภัทรอย่างรวดเร็วไม่ต้องให้ดาวเร่งซ้ำ

            เฮ้ย ผู้หญิงพวกนี้ อะไรกันนี่ตากล้องที่กำลังถูกผู้หญิงห้อยโหนแขนข้างหนึ่งเอาไว้มีหรือจะสู้อาจารย์สาวผู้ชอบเอาชนะได้ กล้องถ่ายรูปที่อยู่ในมือที่ชูขึ้นสูงเพื่อหลบหลีกเงื้อมมือของดาว ถูกคว้าแย่งไปทันที

ไหน ขอดูหน่อยสิ ถ่ายรูปอะไรมาบ้าง หวงนักหวงหนามัสยากดปุ่มเพื่อไล่ดูรูปภาพที่ถ่ายมาเก็บไว้ด้วยความรู้สึกสาแก่ใจ อะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกว่าได้แกล้งคนตรงหน้า เธอยอมทำทั้งสิ้น หากเมื่อมองเห็นภาพหลายร้อยภาพที่บันทึกอยู่ในกล้องถ่ายภาพ อาจารย์สาวก็ถึงกับอึ้งไปทันที

เพราะเกือบครึ่งของภาพทั้งหมดที่ถ่ายมาได้เป็นภาพของตัวเธอเองในอิริยาบถต่างๆ

นิ้วเรียวกดไล่ย้อนกลับไปดูภาพที่ถ่ายก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งที่วัดธาตุหลวงที่ดูเหมือนว่าเขาจะจดจ่อกับการถ่ายภาพทิวทัศน์และผู้คน แท้จริงแล้ว..มีภาพของเธอมากเกือบจะเท่าภาพอื่นๆ เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ ดวงตาเป็นประกาย ท่าทีใจจดจ่อกับลายปูนปั้น ภาพเธอนั่งเหม่อมองคนเวียนเทียน ภาพเธอวิ่งเล่นบนหาดทรายริมแม่น้ำจนผมกระจายเมื่อครู่นี้ หรือขมวดคิ้วนั่งจ้องสาหร่ายด้วยความสนอกสนใจ ทุกท่าทางพอจะดูออกว่าเจ้าตัวไม่ได้ปรุงแต่งเพื่อหมายจะเป็นแบบ หากเป็นภาพถ่ายยามเผลอทั้งนั้น

ไหนๆ ดูหน่อยดาวจัดการทุ่มน้ำหนักลงไปหมดทั้งตัว จนผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งตัวเสียหลักล้มลงไปบนพื้นทรายก่อนที่จะวิ่งมาหยุดยืนข้างๆ มัสยา สาวผู้มากวัยกว่านิ่งอึ้งไปเฉกเช่นเดียวกัน

 เวลาผ่านไปอึดใจใหญ่ๆ สองสาวจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าเจ้าของกล้อง ดวงตาสองคู่เต็มไปด้วยคำถามหลากหลาย จนฝ่ายเจ้าของกล้องที่เพิ่งปัดทรายออกจากกางเกงออกหมดต้องหลบตาแล้วคว้าเอาสมบัติของตนกลับมาพร้อมทั้งโวยลั่น

เล่นอะไรกันแบบเด็กๆ เนี่ย อยากดูก็ขอดีๆ ก็ได้ บอกแล้วว่าไม่มีอะไรจริงๆ ดูไปก็เท่านั้น วิวสวย นางแบบไม่สวย แต่จะทำไงได้ล่ะ ถ้าถ่ายรูปเจ้ดาวเยอะๆ เดี๋ยวพี่เด่นก็ว้ากผมแน่ เขาหวงของเขาไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นเพียงเท่านี้...มัสยาก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตีความหมายใดใดในพฤติกรรมของภัทรทั้งสิ้น ดวงตายาวรีใต้แว่นใสเปล่งประกายสีมรกตออกมา ก่อนที่เจ้าตัวจะลงส้นเดินกลับไปยังห้องพักโดยไม่รีรออะไรอีก ทิ้งให้คนที่เหลือยืนกอดอกกับสายลมเย็นๆ ริมแม่น้ำซอง

นายภัทร ปากมอมอีกแล้วสิเรา กำลังจะดีๆ กันอยู่แล้วเชียวผู้มากวัยกว่าถอนหายใจยาว

ก็บอกแล้วว่าไม่มีหรอกความดี มีแต่ปากดี ผู้ชายอย่างผมก็เป็นแบบนี้นี่แหละ จะให้มาละเอียดอ่อน สุภาพ อ่อนโยนน่ะ ฝันไปเหอะเจ้าตัวไม่ได้ทีทีท่าร้อนใจ หากยังยังกล้าพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แม้ว่าดวงตาคมจะฉายรอยเก้อเขินจนปิดไม่มิดเลยก็ตาม

 จ้า พ่อคนปากดี ไม่ใช่ว่า...นายเป็นแบบนี้กับคนบางคนเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้นเหรอ หืมเมื่อเจอคำพูดโดนใจเข้า โหนกแก้มของตากล้องมือทองก็ขึ้นสีระเรื่อแวบหนึ่งก่อนจางหาย หากแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้ที่ผ่านโลกมามากกว่า

ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะพี่ หนาวจะตาย เดี๋ยวเป็นหวัดไป พี่เด่นจะห่วงจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

เป็นอันจบบทสนทนาลงแต่เพียงเท่านั้น ภัทรและดาวเดินทอดน่องกลับมายังบ้านพักท่ามกลางแสงสุดท้ายของวัน แต่เมื่อเดินมาถึงระเบียงด้านหลังที่ยื่นออกมากลางสนามก็ต้องแปลกใจ ที่อาจารย์สาวยังยืนตัวสั่นอยู่ข้างเก้าอี้ยาวที่วางตั้งบนระเบียงเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาพักได้นั่งละเลียดความงามของบรรยากาศแม่น้ำและะขุนเขาแห่งกุ้ยหลินเมืองลาว แทนที่จะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ อย่างที่ควรจะทำ

ทำไมยังไม่เข้าไปข้างในล่ะ เดี๋ยวก็หวัดกินตายหรอกเสียงห้าวอดไม่ได้ที่จะร้องถาม ทั้งที่รู้ตัวดีว่าเพิ่งใช้วาจาทำร้ายเธอไปหยกๆ เมื่อครู่นี้เอง คราวนี้ความห่วงใยฉายชัดอยู่ในน้ำเสียงจนคนฟังไม่อาจจะอาละวาดใส่ได้

ลืมไปค่ะ ว่ากุญแจอยู่ที่เจ้ดาว เลยเข้าห้องไม่ได้

เฮ้ย...เปล่านะ กุญแจไม่ได้อยู่ที่เจ้ เจ้คิดว่าปลาเก็บเอาไว้เสียอีก

เปล่าค่ะ เจ้ดาวบอกให้ปลาล็อคห้อง ปลาก็คิดว่าเจ้เอากุญแจออกมาแล้วใบหน้าเนียนซีดขาวจนเกือบเขียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหนาวเย็นหรือเพราะความตกใจ

ตายละหวา....ดาวร้องลั่นด้วยความตกใจ ทำไงดีล่ะนั่น หนาวซะด้วย ตัวเปียกโชกเลย

เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเช็ดตัวห้องผมมาให้ใช้ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวค่อยไปขอกุญแจสำรองที่เคาน์เตอร์มาไขไวเท่าใจคิด ภัทรกระโจนข้ามราวของระเบียงไม้ไปยังห้องพักของตัวเองซึ่งอยู่ติดกัน พยายามไขประตูห้องตัวเองจากทางระเบียงด้านหลัง หากเมื่อทดลองไขไปได้สักพัก ตากล้องหนุ่มก็ชะงักไป คิ้วหนาขมวดมุ่น
อะไรคะไม่มีเวลามาเล่นแง่อีก มัสยาถามไปด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของชายหนุ่ม

กุญแจที่เขาให้มานี่มันมีสองดอกก็จริงนะ แต่มันใช้ไขประตูหลังไม่ได้เลยสักดอก คงต้องไขทางประตูหน้าอย่างเดียวล่ะ เดี๋ยวขอผมอ้อมไปด้านหน้าก่อน แล้วจะรีบเอาผ้าเช็ดตัวมาให้

ตายแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้เราก็เข้าห้องกันไม่ได้น่ะสิมัสยาหน้าซีดลงไปยิ่งกว่าเดิม

ทำไมล่ะ เราก็อ้อมไปไขด้านหน้าก็ได้นี่ดาวทำหน้าสงสัย

ไม่ได้หรอกค่ะ ปลาลงกลอนประตูหน้าไว้ตั้งแต่ตอนเราเข้าห้องแล้วค่ะ คือ...มันเป็นอัตโนมัติน่ะ ล็อคลูกบิดแล้วต้องลงกลอนต่อด้วยเลยคราวนี้สองสาวหน้าซีดสนิทไม่ต่างกัน ชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้นจึงจำต้องเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ

เอ้า ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ แล้วจะลองไปขอกุญแจประตูหลังของห้องนั้นจากฝ่ายต้อนรับมาดู เขาน่าจะมีกุญแจสำรองไว้หรอก ใจเย็นๆ...ปิดได้ก็เปิดได้

หากเวลาผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีแล้ว หากประตูหลังของห้องพักของสองสาวยังไม่มีทีท่าว่าจะกระดิกเลยแม้แต่น้อย มัสยาและดาวถือถ้วยชาร้อนๆ ที่ภัทรไปขอมาจากห้องอาหารเอาไว้ในมือเพื่อให้ความอบอุ่น พลางดึงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เข้าแนบกาย ขณะนี้ เด่น ภัทร และคนงานชายของรีสอร์ตอีกคนกำลังพยายามที่จะสะเดาะกลอนประตูหลังของห้องพักสองสาวอย่างขะมักเขม้น เพราะทางรีสอร์ตก็ไม่มีกุญแจประตูหลังของห้องพักด้วยเช่นกัน เด่นดึงร่างแบบบางของคนรักเข้ามากอดไว้พลางปลอบใจ ภัทรหันไปหาหญิงสาวอีกคนที่ยืนกอดอกตัวสั่นอยู่ไม่ห่างด้วยความสงสาร อดไม่ได้ที่จะคว้าเอาเสื้อแจ็คเก็ตตัวโปรดวางคลุมลงไปบนไหล่บอบบางแล้วส่งสายตาปลอบประโลมไปให้ ทั้งที่รู้ดีว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้อยากจะรับความปรารถนาดีนั้นเท่าไหร่หรอก

แล้วคุณไม่หนาวเหรอเสียงหวานที่ไม่ถูกดัดให้แหลมหรือมาในรูปคำตวาด ตะคอก แหว เอ็ด อย่างทุกทีทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มอบอุ่นไปให้

ไม่หรอก ผมใส่เสื้อยืดแขนยาวไปชั้นหนึ่งแล้ว แล้วอีกอย่างก็เพิ่งดื่มเบียร์ไปสองสามแก้ว รู้สึกอุ่นขึ้นเยอะ ทนอีกนิดนะปลา เดี๋ยวก็เปิดได้แล้วภัทรหวังว่าเขาจะตาไม่ฝาด...ดวงตาคู่นั้นส่งแววขอบคุณตอบกลับมาให้ น้ำเสียงเป็นมิตรถูกส่งมาให้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

ยังไงก็...ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยเป็นธุระให้

กริ๊ก....
ในที่สุดกลอนก็ถูกสะเดาะ ประตูไม้ที่ถูกปลุกปล้ำมานานแสนนานก็เปิดกว้างขึ้น ท่ามกลางความโล่งใจของผู้ที่เฝ้ามอง

โอ๊ย....สวรรค์ดาวร้องขึ้นเสียงดังด้วยความยินดี ปลาอาบน้ำห้องเราได้เลยนะ เดี๋ยวพี่จะไปยึดห้องน้ำในห้องหนุ่มๆ เขาไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ อาจารย์สาวคว้าเอาสัมภาระส่วนตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ส องหนุ่มมองจนแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ก็ล่าถอยไปตั้งวงเบียร์เล็กๆ ที่ใต้ร่มผ้าใบบนระเบียงห้องพักของฝ่ายชาย เพื่อเปิดโอกาสให้ดาวใช้ห้องน้ำได้อย่างสะดวกใจ นับว่าเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ขลุกขลักไม่หยอก แต่อย่างน้อยสายตาเป็นมิตรที่มัสยาส่งมาให้ก็ทำให้ภัทรรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่ออกจะเป็นสีสันของทริปเสียด้วยซ้ำไป

มัสยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขายาวกับเสื้อสเวตเตอร์แบบมีหมวกเพื่อให้ความอบอุ่นและป้องกันตัวเองจากน้ำค้างที่เริ่มกลั่นตัวเป็นเม็ด เธอไม่ลืมตะโกนบอกดาวที่กำลังชโลมเครื่องประทินผิวให้เป็นฝ่ายเก็บกุญแจไว้ด้วย คราวนี้...จะไม่ยอมให้พลาดอีกแล้ว ร่างบางเดินเอื่อยๆ ไปตามทางเดินโรยกรวดที่ทอดยาวจากส่วนที่เป็นห้องพักไปยังห้องอาหารของทางรีสอร์ต ซึ่งเป็นจุดนัดหมายในวันนี้ เพราะต่างคนต่างลงความเห็นว่าหาอะไรทานที่นี่ แล้วเก็บแรงไว้ตื่นเช้ามาดูหมอกจะดีกว่า

เมื่อย่างเท้าเข้าไปในร้านอาหาร มัสยาก็มองเห็นร่างสูงนั่งพิงพนักด้วยท่าทีผ่อนคลายเป็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ใต้แสงไฟสลัวสีอำพันที่ทางร้านอาหารจัดไว้ เมื่อเธอก้าวเข้าไปใกล้ๆ ร่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นทักทาย

อ้าว มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ
พี่เด่นไปไหนคะ
ยังอาบน้ำไม่เสร็จ แต่เกือบแล้วล่ะ เดี๋ยวก็มา            อาจารย์สาวชักจะนึกหวั่นใจที่ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับภัทร ไม่ใช่เพราะกลัวจะหวั่นไหวกับบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์นี่หรอก เธอกลัวว่าเขาจะถือโอกาสเอาเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมาหยอกเย้า ยั่วโมโหเธอต่างหาก
เหรอ

เรามาเลือกอาหารไว้ก่อนดีกว่า ผมเริ่มหิวแล้ว ดูโต๊ะฝรั่งสองผัวเมียนั่นสิ เขาสั่งแกงเขียวหวานปลามา ดูน่ากินดีนะแต่ผิดคาด ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มุ่งโจมตีเธออย่างที่ควรจะเป็น ยำยอก็น่ากิน เขาคงหมายถึงหมูยอเนอะ จะว่าไปแล้วรายการอาหารที่นี่ดูคล้ายอาหารไทยมากเลย ปลาว่ามั้ย     มัสยาตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กับชายหนุ่มด้วยรู้หน้าที่ เมื่อกลางวันนี้ที่ร้านอาหารในเวียงจันทน์ เธอทรุดตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มหมายจะอยู่ให้ห่างที่สุด แต่ท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายก็โดนพี่เด่นไล่ให้มานั่งกับเธออยู่ดี เพราะอีกสองคนต้องการจะนั่งใกล้ชิดกัน

สั่งไส้กรอกลาวมากินด้วยก็แล้วกันนะคะ เห็นเพื่อนที่เคยมา เขาบอกว่าอร่อยดี

อื่มใช่ มันเหมือนไส้อั่วของทางภาคเหนือเลยนะประหลาด...วันนี้คนปากร้ายพูดดีๆ ได้มากกว่า 2-3 ประโยคด้วย อาจารย์สาวจ้องมองเสี้ยวหน้าคมใต้แสงไฟเหลืองลออด้วยความรู้สึกที่แปลกไป ถ้าพูดแบบนี้ได้ตลอดก็ดีสิ...จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันให้ต้องเสียอารมณ์

ทำไมปลามองหน้าผมแบบนั้นล่ะ หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอภัทรยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองด้วยท่าทีสงสัย
เอ่อ...เปล่ามัสยาหันหน้าไปทางอื่นด้วยรู้สึกเขินที่ถูกจับได้ว่ากำลังจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมานั่งกับคู่อริภายใต้แสงไฟนวลลออตา ริมแม่น้ำ ในเมืองที่สงบแสนสงบเช่นนี้

ไม่สบายรึเปล่า พูดน้อยไปนะ หรือว่าตอนเย็นต้องทนหนาวนานไปหน่อยมือใหญ่วางแปะลงบนหน้าผากโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวมาก่อน ตัวก็ไม่ร้อนนี่ เอ้า...มีหมวกทำไมไม่ใส่หมวกล่ะ เดี๋ยวเจอน้ำค้างก็ป่วยไปอีก เป็นหวัดง่ายไม่ใช่เหรอมือใหญ่จัดแจงหยิบเอาหมวกฮู้ดที่ห้อยอยู่บนบ่าขึ้นมาคลุมให้อย่างอ่อนโยนจนความหนาวเย็นรอบกายเริ่มสลายหายไป ความอบอุ่นแบบแปลกๆ เริ่มคืบคลานเข้ามาในหัวใจอย่างช้าๆ ท่าทีเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้...เธอไม่เคยได้รับจากเขามาก่อนเลย ก็แน่ล่ะสิ เพราะทุกครั้งที่เจอกันก็จะต้องทะเลาะจนมองหน้ากันไม่ติดเสียก่อนทุกครั้งไป ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ นี่ ทำให้มัสยารู้สึกมือไม้เกะกะขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แล้ว...
แล้วอะไร...อีกฝ่ายซักถามทันทีที่เห็นเธอกลืนคำพูดลงไป
แล้วคุณไม่คิดจะต่อว่าฉันเลยเหรอ ว่าฉันขี้ลืม เอ๋อ เหวอ ซุ่มซ่าม ทำให้คุณกับพี่เด่นต้องมาเสียเวลาสะเดาะกลอนประตูห้องให้ แล้วก็ทำให้ทุกคนเดือนร้อนไปหมด

ตลกแล้ว...มันเป็นอุบัติเหตุนี่ ไม่มีใครตั้งใจเสียหน่อย เลิกมองโลกในแง่ร้ายได้แล้วอาจารย์มัสยาก็เพราะเจ้าประโยคสุดท้ายนี่แหละ ที่ร่ำๆ จะทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นนิดๆ สลายหายไปอีก ดีว่าประโยคต่อไปถูกส่งมาช่วยชีวิตตากล้องผู้ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองได้ทันเวลา คุณชอบมองว่าคนอื่นเขาชอบแกล้งคุณอย่างโน้นอย่างนี้ ร้ายกับคุณอย่างโน้นอย่างนี้ ยั่วโมโหคุณอย่างโน้นอย่างนี้ แต่คุณไม่เคยมองแง่มุมดีๆ ที่ผม เอ๊ย...คนอื่นๆ เขามีให้บ้างเลย คำหยอกล้อ มันก็ไม่ได้แปลว่าคนเขาเกลียดชังหรืออยากแกล้งคุณเสมอไปเสียหน่อย ใครจะไปอยากทำให้คนอย่างคุณต้องมาเจ็บปวดจริงๆ จังๆ กันล่ะทั้งที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนวิชาที่เกี่ยวข้องกับภาษาและวรรณคดี แต่เธอก็ต้องใช้ความพยายามในการตีความหมายคำพูดของภัทรอยู่นานทีเดียว ไม่เคยได้ยินหรือไง รักหรอกจึงหยอกเล่นน่ะแล้วเจ้าประโยคสุดท้ายที่ถูกส่งออกมาก็เป็นคำอธิบายประโยคข้างต้นได้เป็นอย่างดี ดี...จนคนฟังทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว

ว่าไง ทำอะไรกันอยู่จ๊ะเสียงสดใสของดาวดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก มัสยาคิดว่าเสียงนั้นช่างไพเราะดุจดั่งเสียงเพลงของทูตสวรรค์ที่ถูกส่งมาช่วยดึงเธอออกจากความรู้สึกแปลกๆ นั้นเสีย ใช่...มันแปลก แปลกเพราะมันเป็นความรู้สึกที่เธอบรรยายไม่ได้แต่ทำให้หัวใจพองฟูและขัดเขินจนวางตัวไม่ถูกไปในคราวเดียวกัน และมันก็เริ่มหลั่งล้นเข้ามาครอบครองหัวใจ และประสบการณ์การสอนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมา 2-3 ปี ก็ไม่สามารถช่วยอธิบายให้เธอได้เลย ว่าเธอควรจะจัดการกับมันอย่างไร

อาหารมื้อเย็นผ่านไปด้วยความพึงพอใจของทุกฝ่าย เพราะนอกจากอาหารรสเลิศแล้ว ทางร้านอาหารยังมีดนตรีอะคูสติกจากนักดนตรีกิตติมศักดิ์ซึ่งก็คือเจ้าของรีสอร์ตมาบริการลูกค้าและนักท่องเที่ยว คุณลุงนั่งเกากีตาร์เป็นเพลงสากล เพลงลาว และเพลงไทยกล่อมให้บรรยากาศดูอ่อนหวานยิ่งขึ้นไปอีก สองหนุ่มร่ำเบียร์ลาวจนหมดไปแล้วกว่าสิบขวด จนแต่ละคนตาเยิ้ม รู้สึกตัวเบาหวิว มองอะไรก็ร่าเริงไปหมด

ขอเพลง More than words คร้าบ
เสียงตะโกนจากหนึ่งในโต๊ะคนไทยที่อยู่ริมน้ำดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับเสียงหัวเราะและตอบปฏิเสธของเจ้าของสถานที่ร้องไม่ได้ครับ ร้องได้แต่เพลงยุค 60s”

งั้นขอเพลง Imagine ของ The Beatles”
ได้ๆคุณลุงตอบรับด้วยภาษาไทยและหันไปอธิบายเป็นภาษาฝรั่งเศสกับโต๊ะข้างๆ
ดาวหันมาพยักเพยิดกับคนในโต๊ะ ลุงแกเก่งเนอะ พูดลาวก็ได้ ไทยก็ได้ แล้วยังภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสอีก ปัญญาชนคนลาวแท้ๆ เลยเชียวน้ำเสียงของสาวสวยประจำกลุ่มเตมไปด้วยความชื่นชม ร้องเพลงก็เพราะ เล่นกีตาร์ก็เก่ง แนวมากเลย

เจ้ดาวเอาใจออกห่างพี่เด่นเหรอ แต่อย่างว่าล่ะนะ ผมพอจะเข้าใจ คนอายุมากกว่า...บางทีก็ดูอบอุ่น ผมขอเพลงบ้างดีกว่าภัทรยิ้มกริ่ม คว้าเอาเศษกระดาษในกระเป๋ามาจดยุกยิก

ทะลึ่งแล้วนายภัทร บังอาจมาค่อนแคะแฟนกู เอ๊ยแฟนพี่ ว่าแต่เอ็งจะขอเพลงอะไรเหรอเด่นเอ่ยถาม หากอีกฝ่ายอมยิ้มแล้วส่ายหน้านิดๆ พลางพับกระดาษส่งให้บริกรนำไปส่งให้คุณลุงถึงที่ เมื่อคุณลุงแกะกระดาษออกอ่าน ก็เริ่มบรรเลงเพลงสนองตอบโดยเร็วพลัน

เพลงนี้มีคนขอมาเป็นพิเศษ...ขอมอบให้คนมีความรักทุกคนนะครับ Can’t help falling in love ของอดีตราชาร็อค แอนด์ โรล  Elvis Presley”

Wise man says, only fool rush in,
But I can’t help falling in love with you.

Shall I stay, would it be a sin?
But I can’t help falling in love with you.

อูย...หวานซะ นึกยังไงขอเพลงนี้ฮึ นายภัทรเด่นคาดคั้น หากคนขอเพลงก็เพียงแค่หัวเราะเบาๆ และทำตาวาวๆ อยู่ในความสลัวๆ มัสยาเหลือบไปมองคนขอเพลงด้วยความรู้สึกแปลกๆ พอน้ำเมาเข้าปากไปจำนวนหนึ่งแล้ว เธอรู้สึกว่าภัทรทำตัวน่ารักขึ้นเป็นกอง พูดน้อย ยิ้มมาก และคอยดูแลเทคแคร์เธอเป็นอย่างดี ตักโน่นตักนี่ให้ คอยรินน้ำให้เมื่อหมด ใส่ใจว่าเธอชอบหรือไม่ชอบทานอาหารจานไหนประเภทไหน เวลาจะพูดจาก็รู้จักถนอมน้ำใจคนฟังมากขึ้น เขาว่ากันว่าเวลาเมา...คนเราจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกมา ถ้าอย่างนั้นจะพอสรุปได้ไหมนะ ว่าเนื้อแท้ของตากล้องปากมอมคนนี้เป็นคนดีกว่าที่เคยแสดงออกให้เห็น ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอยินดีจะหล่อเลี้ยงน้ำเมาเขาตลอดการเดินทางเพื่อความราบรื่นสบายใจของทุกฝ่ายเลยทีเดียวเชียวล่ะ

ปลา ดื่มไหม
ไม่เอาดีกว่า ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องดื่มเท่าไหร่หรอก
เบียร์ลาวอ่อนๆ ไม่หนักเหมือนเบียร์ไทยบางยี่ห้อหรอก ไม่เมาง่ายๆน้ำเสียงห้าวชักชวน ดวงตาดำคมวาววับยิ่งไปกว่าเดิมเสียอีก เออ...ในความมืด ตาคนนี้ก็ดูมีเสน่ห์อยู่บ้างเหมือนกันนะ
ไม่เอาล่ะ ฉันยังไม่อยากเมาแอ๋ให้เจ้ดาวลากกลับห้อง
ไม่ดื่มก็ได้แต่ว่าอย่าหนีไปนอนก่อนก็แล้วกัน
พรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้านะ จะอยู่ได้ดึกดื่นแค่ไหนกันเชียว

นั่นสิ...นี่เจ้ก็ว่าจะไปนอนแล้วล่ะ ร้านเขาปิดแล้วเห็นไหม เหลือแค่โต๊ะเรากับโต๊ะคนไทยโต๊ะโน้นเท่านั้นเองพอสาวสวยประจำกลุ่มพูดจบปุ๊บ กลุ่มคนไทยกลุ่มนั้นก็พากันลุกขึ้น แล้วเข้าไปยืนสนทนากับคุณลุงเจ้าของร้าน พร้อมทั้งยึดกีตาร์มาเล่นเองร้องเองไปเรียบร้อยโรงเรียนสยาม

เจ้นอนละดีกว่า เดี๋ยวขอบตาคล้ำไม่สวย ภัทรกับเด่นรับผิดชอบเบียร์ที่เหลือด้วยก็แล้วกันนะ
โอ้โห เจ้ดาว อยู่ดีๆ สาวๆ ก็จะทิ้งหนุ่มๆ ไปหมดเลยเหรอครับ ใจคอจะไม่อยู่เป็นเพื่อนให้ชุ่มชื่นหัวใจเลยหรือไงตากล้องที่เริ่มซึมซับเบียร์ไปหลายขวดเริ่มออดอ้อน จนอีกหนึ่งหนุ่มเอื้อมมือมาเขกหัวทันใด

ไอ้เด็กเวร อ้อนผิดคนแล้วโว้ย คนนี้แฟนพี่ อย่ามาทำเขิน เดินทางมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แค่เดินผ่านประตูสู่ความรักแค่นี้ ทำเป็นปอดแหกไปได้มัสยาเหลือบมองเป้าหมายด้วยหางตา มองเห็นเสี้ยวหน้าของคนข้างๆ ออกสีระเรื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือฤทธิ์คารมของเด่น อย่าว่าแต่เขาเลย...ตัวเธอเองก็รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียอย่างนั้น จนในที่สุดเธอต้องตัดสินใจลุกขึ้นยืนเพื่อหลบหนีบรรยากาศแปลกๆ ที่คล้ายจะชวนให้เคลิบเคลิ้มนั่น

ปลาไปนอนแล้วนะ ไว้เจอกันเช้าพรุ่งนี้ก็แล้วกันอาจารย์สาวลุกขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ไปทางบ้านพัก ปล่อยให้สมาชิกที่เหลือสามคนมองหน้ากันตาปริบๆ

พี่พูดอะไรผิดไปหรือเปล่าวะภัทรเด่นเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

พูดไม่ผิดหรอกพี่ แค่ผิดจังหวะเท่านั้นเอง เจ้ดาว เอากุญแจไปให้เขาด้วยสิ กุญแจอยู่ที่เจ้นะ เขาจะเข้าห้องยังไง ภัทรเอ่ยเตือนขึ้นทันที

โอ้โห...จะมีสักเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์มัสยาไหมเนี่ย ที่คุณภัทรไม่สนใจดาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
อะไรพี่ มาแซวอะไรเอาตอนนี้ ไม่เอา...เดี๋ยวมองหน้ากันไม่ติด
นี่ไม่คิดจะปฏิเสธเลยเรอะ แสดงว่าเอ็งชอบน้องปลาจริงๆ ใช่ไหมคราวนี้เด่นยิงคำถามตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมกึ่งยั่วเย้าเฉกเช่นครั้งก่อนๆ
โห...พี่ ยังจะต้องให้บอกอะไรอีกล่ะ แค่นี้มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอด้วยฤทธิ์เบียร์ลาว ตากล้องหนุ่มปากร้ายแต่ขี้อายในเรื่องรักเริ่มเปิดเผยความรู้สึกมากกว่าทุกที

ก็ดี พูดตรงๆ แบบนี้ก็ดี จะได้ช่วยกันสนับสนุนให้สำเร็จในทริปนี้แหละเจ้ดาวพูดกลั้วหัวเราะด้วยความถูกอกถูกใจ ถ้าอย่างนั้นก็รีบเอากุญแจไปให้น้องปลาก็แล้วกัน เพราะเจ้กับพี่เด่นจะไปอยู่คุยกับคนไทยกลุ่มนั้นก่อนนิ้วเรียวคีบกุญแจออกมาจากกระเป๋าถือแล้วส่งให้ชายหนุ่มทันที

เฮ้ย ภัทร ข้อมูลสำคัญอย่างหนึ่งที่เอ็งควรจะรู้ก็คือ...น้องปลาเขาชอบคนใส่ใจนะเว้ย และเอ็งคงต้องพยายามมากเป็นหลายเท่า เพราะเอ็งหน้าตาละม้ายแฟนเก่าของเขา และดันชอบถ่ายรูปเหมือนกันเสียอีก เขาเห็นเอ็งทีไร ก็คงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหมอนั่น แล้วก็รู้สึกปรี๊ดดดด เจ็บจี๊ดดดด ขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

อะไรนะพี่เด่น แฟนเก่าน้องปลาไม่ได้เป็นวิศวกรเหรอคราวนี้ตากล้องหนุ่มอ้าปากค้างกับข้อมูลใหม่

ใช่ เป็นวิศวกรที่ชอบถ่ายรูปจนทุ่มเทเงินไปกับเลนส์กับอุปกรณ์โน่นนี่ แล้วไม่คิดจะเก็บเงินแต่งงานเสียที แถมยังรักอิสระจนไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ ท่องเที่ยวถ่ายภาพไปจนไม่ค่อยมีเวลาให้น้องปลาเลยไงล่ะ

ภัทรอึ้งไปทันที

เอ็งก็ทำตัวดีๆ หน่อย เขาจะได้ไม่รู้สึกแย่กับคนที่ชอบถ่ายรูปมากไปกว่านี้ ที่ผ่านมาเขาก็เฮิร์ตมากพอแล้ว ต้องถูกทิ้งให้อยู่กับความเหงา มีแฟนก็เหมือนไม่มี ดันไปรักกล้องถ่ายรูปมากกว่าตัวเขาเองอีก ยิ่งเอ็งทำตัวปากหมา ไม่แคร์ ไม่สนใจเขา เขาก็จะยิ่งเกลียดเอ็งมากขึ้นไปทุกวันๆ เพราะคิดว่าพวกนี้ก็เหมือนกันหมด

นี่เองหรือ...เป็นสาเหตุที่อาจารย์สาวต้องเลิกรากับคนรักคนเก่าที่คบกันมานานปี นิกไม่เคยเล่าให้เขาฟังมาก่อนเลย เขารู้แค่ว่าตอนนี้เธอว่างแล้ว ไม่มีใครอยู่ เท่านั้นเอง
ช้าอยู่ทำไม น้องภัทร รีบไปทำคะแนนเร้ว...ทำให้เขารู้ไปเลย ว่าถึงจะเป็นช่างภาพแต่ก็ไม่จำเป็นต้องถูกขังอยู่ในโลกของความฝันตลอดเวลา

ภัทรอึ้งไป...ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินช้าๆ ไปตามทางที่โรยกรวดสีขาว ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความคิดที่ตีกันอยู่ในสมองที่ทุกอณูเริ่มชุ่มฉ่ำ้ำแอลกอฮอล์จนรู้สึกมึน หากร่างบางที่เดินย้อนกลับมาและหยุดยิ้มแหยๆ อยู่ตรงหน้าเขา ช่วยเรียกเอาสติที่เริ่มปลิวหายให้กลับมาอีกรอบ

ลืมไปค่ะ ว่ากุญแจอยู่ที่เจ้ดาว

ผมเอามาให้แล้ว เจ้ดาวกับพี่เด่นบอกว่าจะไปคุยกับคนไทยกลุ่มโน้นเสียหน่อย รู้สึกว่าเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่งที่วัดธาตุหลวงนะ แล้วเขาก็จะไปหลวงพระบางเหมือนกัน

อ๋อ...มือเล็กรับเอากุญแจที่เขายื่นให้พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มมาให้ ขอบคุณ...อีกครั้งนะคะ ทั้งเรื่องเมื่อตอนเย็น แล้วก็สำหรับกุญแจนี่

ไม่เป็นไรหรอกน่าแปลกใจนัก ที่ความจริงที่เพิ่งรู้มาทำให้เขาลดดีกรีความปากร้ายลงไปได้มาก และยังเพิ่มความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่อยู่ตรงหน้าอีกมากโข เข้าใจแล้ว...ว่าทำไมเธอถึงมีอาการไม่อยากให้เขาจดจ่อถ่ายรูปนานๆ เข้าใจแล้ว...ว่าสายตาขุ่นเขียวที่มองมาเวลาที่เขากำลังง่วนอยู่กับการเปลี่ยนเลนส์มันหมายถึงอะไร เข้าใจแล้ว...ว่าคำเหน็บแนมถึงการทุ่มเทถ่ายรูปมันไม่ได้มีไว้ให้เขาคนเดียว เธอไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผลอย่างที่เขาเคยคิด เหตุผลของเธอนั้นดีพอที่เขาควรจะเป็นฝ่ายถอย เลิกทำตัวกวนประสาทเธออย่างที่ผ่านมาได้แล้ว ร่างสองร่างเดินเคียงข้างกันไปจนใกล้ถึงเรือนที่พัก อาจารย์สาวหันหน้ามาส่งยิ้มให้ พร้อมกับกล่าวสั้นๆราตรีสวัสดิ์แล้วเธอก็ผลุบหายเข้าไปในห้องทิ้งให้เขายืนทอดถอนใจอยู่ในความมืด

ภัทรจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ห้องทั้งห้องยังเงียบสนิทแสดงให้เห็นว่าเด่นและดาวยังไม่ได้กลับมา ทั้งที่กลุ่มคนไทยกลุ่มใหญ่นั้นคงพากันกลับมายังห้องพักเรียบร้อยแล้ว เพราะเขาได้ยินเสียงพูดคุยและร้องเพลงดังแว่วมาจากห้องพักที่อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่เป็นไร...เข้าใจหรอกว่าคนรักกันย่อมอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ยิ่งคิดไปเรื่อยเปื่อยก็ยิ่งต้องทอดถอนใจอีกรอบ ความรู้สึกหวามไหวที่เกิดขึ้นแล้ววนเวียนอยู่ในใจทำให้เขานอนไม่หลับ นึกอยากจะออกไปนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างเงียบๆ บนระเบียง ขาสองข้างของเขาทำงานไวเท่าใจคิด มันพาเขามายืนอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บภายนอก ภัทรมองออกไปข้างนอกฝ่าความมืดมิดไปจนเห็นขุนเขาหินปูนรูปร่างประหลาดเป็นฉากหลัง ตั้งตระหง่านตระการตาแม้ในยามไร้แสง ปล่อยใจให้จมจ่อมอยู่กับความคิดต่อไป

เห็นดาวชัดดีนะคะเสียงหวานที่ดังมาจากระเบียงห้องข้างๆ ทำให้เขาสะดุ้งจนสุดตัว ร่างบางที่คุ้นตาใส่เสื้อหนาหลายชั้น ใส่หมวกไหมพรมมิดชิดยืนกอดอกอยู่ห่างจากเขาไปทางซ้ายมือเพียงเมตรเดียว มีรั้วเหล็กเตี้ยๆ กั้นขวางอยู่เท่านั้น

ที่กรุงเทพฯ แสงไฟมันสว่างเกินไป สว่างจนมองไม่เห็นดวงดาวแล้ว

นานๆ ทีได้หนีความวุ่นวายมาเห็นอะไรที่เรียบง่ายอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เหมือนได้พักผ่อนทั้งร่างกายและสมองเสียงหวานไม่มีท่าทีขุ่นขึ้นอย่างที่เคยเป็น คิ้วเรียวที่ขมวดอยู่เป็นนิจคลายออก รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าทำให้ดวงหน้าที่สวยหวานอยู่แล้วดูละมุนตากว่าที่เคย แม้เธอจะไม่สวยจัดแบบดาวแต่ก็ดูน่ารัก...น่าทะนุถนอม น่าจะชวนมาให้เป็นนางแบบของเขาแบบถาวร เหลือเกิน

ตกใจ...
ภัทรตกใจกับความคิดของตัวเองที่อาจหาญถึงเพียงนี้ ยอมรับอยู่...ว่าพอตาพอใจน้องสาวของเพื่อนคนนี้มาตั้งแต่ในงานรับปริญญาของเธอนั่นแล้ว ที่หยอกเธอแรงไปหน่อยในวันนั้นก็เพราะหมั่นไส้ที่เธอมีแฟนหนุ่มตามติดอยู่ไม่ห่าง แถมเจ้าหนุ่มนั่นยังมองเขาอย่างเหยียดๆ เขม่นๆ ชอบกลเสียด้วย แม้ว่าเวลาผ่านมาหลายปีทำให้เขาผ่านความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นมาบ้าง แต่ก็อยู่ตัวคนเดียวมาได้เกือบสองปี พร้อมกับที่รู้จากนิกว่าญาติสาวของเขาก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับใครนับแต่เลิกรากับหนุ่มคนนั้น ยอมรับว่าได้พบเจออาจารย์สาวผู้ยึดมั่นในกฎระเบียบทีไร เขาก็อดแกล้งเธอนิดๆ หน่อยๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจไม่ได้สักที พร้อมทั้งรู้สึกอยากจะหยอกล้อ ยั่วเย้า หาเรื่องให้ได้ใกล้ชิดอยู่ร่ำไป มาแน่ใจเอาว่าอยากทำความรู้จักให้จริงๆ จังๆ ก็เมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ก็ยังไม่กล้าจะทำอะไรมากกว่านั้น ภาพพจน์ของเขาในสายตาเธอคงจะย่ำแย่เอาการอยู่ โชคดี...ที่โอกาสลอยมาถึงพร้อมกับงานชิ้นนี้ แต่เขาจะมีโอกาสหรือไม่ ก็ยังไม่รู้

นี่เหม่อ...ใจลอยไปถึงไหนแล้วเสียงใสดังขึ้นจากข้างตัวอีกครั้ง ก่อนจะเป็นน้ำเสียงรวนๆ หรือว่าคิดถึงกล้อง อยากถ่ายรูป ห่างกันแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงไม่ได้เลย

แหม ปลา...ผมก็ไม่ได้หายใจด้วยกล้องถ่ายรูปเสียหน่อย ห่างกันแค่นี้ไม่ทำให้ขาดใจตายหรอกน่าครั้งนี้เขาไม่ได้ตอบด้วยน้ำเสียงกวนอารมณ์อย่างเช่นเคย แต่กลับทอดเสียงให้ฟังดูนุ่มนวลจนเจ้าตัวเองก็ไม่คาดคิดว่าจะทำได้ บางเวลาผมก็ไม่อยากพกกล้องไปด้วยหรอก เพราะว่า...ผมอยากจะให้ความสนใจกับอย่างอื่นมากกว่านัยน์ตาดำคมพราวพร่างขึ้นมาทันที ประโยคหลังนี่...คงเพราะฤทธิ์เบียร์แน่ๆ

อ่า...เอ่อ...วิวมันก็สวยดี บางครั้งมองด้วยตาเปล่า ไม่ต้องมองผ่านเลนส์มันก็เห็นชีวิตได้กว้างและชัดกว่านะ ภาพบางอย่าง...เก็บด้วยภาพถ่ายไม่ได้หรอก

ก็จริงนะดวงตาของภัทรมองไล่ไปตามดวงหน้าใสที่เริ่มระเรื่อไปทุกส่วนที่พ้นออกมาจากเสื้อผ้า ลำคอขาวผ่อง แก้มเนียน และหน้าผากโค้งมนน่าถนอมนั่น ภาพบางอย่าง...มันน่าจะเก็บไว้ในความทรงจำมากกว่า

สองมือของมัสยากอดอกแน่นขึ้นไปอีก ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นโลดอยู่นี่ต่างหาก เธอหันหลังให้ร่างสูงที่ยืนอยู่เพียงคนละฟากของราวรั้วเหล็ก และทรุดนั่งลงบนรั้วเตี้ยหากแข็งแรงนั้น พลางรวบรวมสมาธิที่เริ่มถูกระรานด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมานานแล้ว แต่สถานการณ์ก็ดูจะแย่ลงเพราะเธอรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายก็หันหลังให้และทรุดตัวลงนั่งบนราวเหล็กเหมือนกัน ในตอนนี้...ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะนั่งหันหน้าไปคนละด้าน แต่ก็นั่งอยู่บนวัตถุเดียวกัน และห่างกันเพียงไม่ถึงคืบเท่านั้น ใกล้...จนได้รับไออุ่นจากกายของกันและกัน

เก้าอี้ตัวโน้นมันเหงา....เหงาจังเลย ช่วยไปย้ายเอาตัวเล็กมาอยู่ใกล้ๆ กันหน่อยสิเสียงแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากบ้านหลังที่ไม่ห่างไปนัก ตามมาด้วยเสียงลูกคู่ตอบรับของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ไม่ทันไร ก็มีชายหนุ่มสมาชิกอีกคนของคณะทัวร์คณะนั้นกระโดดตุบลงไปจากระเบียง และจัดแจงลากเอาเก้าอี้อีกตัวไปวางด้วยกันตามคำบัญชาของสาวๆ ท่ามกลางเสียงร้องเชียร์จากพรรคพวกที่เหลือ แล้วก็ตะเกียกตะกายปีนกลับขึ้นระเบียงบ้านพักหลังเดิมด้วยความยากลำบาก

สงสัยคนไทยกลุ่มนั้นเขาจะเมากันแล้วเนอะอาจารย์สาวเสเปลี่ยนเรื่อง
คงงั้นแหละ ไม่เมาคงทำอย่างนั้นไม่ได้เสียงห้าวกับเสียงใสหัวเราะประสานกัน ตาสบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ นิ่ง...นาน...จนราวกับเวลาหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง

ปลา...เรามาทำสัญญาสงบศึกกันดีกว่า
ทำไม…”
เราคุยกันดีๆ แบบนี้มันดีกว่าที่ผ่านมาตั้งเยอะ

ไม่ใช่ค่ะ ฉันจะถามว่า ทำไมเพิ่งคิดจะมาทำตอนนี้ น่าจะทำมาตั้งนานแล้วต่างหากรอยยิ้มสดใสแรระบายริมฝีปากแบบบาง กระจ่างยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า นิ้วก้อยจากมือใหญ่ถูกยื่นส่งไปให้ นิ้วก้อยจากมือเล็กค่อยๆ สอดประสานเกี่ยวกระหวัดแน่นแทนคำสัญญาจากคนสองคน

ดีกันนะ
ก็ได้ค่ะ ตราบใดที่คุณไม่กวนอารมณ์ฉันอีก
จะพยายาม
ฉันก็จะพยายามเข้าใจอารมณ์ศิลปินของช่างภาพเหมือนกัน ก็ต้องพบกันครึ่งทางล่ะนะ จะตามใจใครคนใดคนหนึ่งคงไม่ได้หรอก

อากาศนอกห้องพักเย็นยะเยือก น้ำค้างเกาะบนยอดหญ้าและยอดไม้ดอกไม้ประดับพร่างพราว ลมหนาวพัดแผ่ว หากความหนาวเย็นนั้นไม่อาจกล้ำกรายคนสองคนที่นั่งชิดติดกันอยู่บนระเบียงเรือนพักริมแม่น้ำซอง ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามประดุจภาพถ่ายได้เลย



จบตอนที่ 1 


24 ความคิดเห็น:

Heathrow :D กล่าวว่า...

โห้ พี่แนะนำให้รวมเล่มครับ กว่าจะอ่านมาจบ

โรแมนติกมากครับ

แต่อ่านแล้ว แปลกๆ คุ้นๆ มึนๆ เครียดอ่ะ 5 5 5 ตัวละครกับเหตุการณ์มันทะแม่งๆ :P

“เก้าอี้ตัวโน้นมันเหงา....เหงาจังเลย ช่วยไปย้ายเอาตัวเล็กมาอยู่ใกล้ๆ กันหน่อยสิ” <-- ใครจะบ้ากระโดดลงไปเนี่ย

พูดเล่นนะ พี่ว่าสนุกดี อ่านแล้วคิดถึงความทรงจำดีๆ ที่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยครับ
ขอบคุณ ที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้อ่านนะครับ พี่เฝ้ารอตอนต่อไปนะครับ
วันหลังฝากบอก คุณปลา ว่า อย่าลืม กุญแจ หรือ ล๊อกกลอน ทำห้องปิดตาย อีกก็แล้วกัน นะจ๊ะ

Yim S. กล่าวว่า...

แหมพี่คูณ เครียดอะไร
คนเขียนยังไม่เครียดเลย อิอิอิ

Yim S. กล่าวว่า...

ไม่จำเป็นต้องบ้าหรอกค่ะ
.
.
ยิ้มว่าแค่เมาก็ทำได้แล้ว ก๊าก ๆ ๆ ๆ
จริงมั้ย ;)

Santi Santiago กล่าวว่า...

เดี๋ยวกลับมาอ่านใหม่ครับ ชอบๆ ^^

Chutchapol Youngwiriyakul กล่าวว่า...

ยาวจัง...
มาแปะไว้ก่อน...
แล้วว่างๆจะมาอ่านนะ...

Gift waidhaya กล่าวว่า...

แวะมาลงชื่อ

Som Thaksa-on P. กล่าวว่า...

แวะมาอ่านด้วยคน แต่ยาวเหมือนกันนะเนี่ยไว้ค่อยกลับไปอ่านที่ห้องดีกว่า ได้ข่าวว่าตอนนี้มันเวลางาน เหอๆๆ

Lex actually กล่าวว่า...

อะโหย..............บอกไม่ถูก.....อ่านไปยิ้มไป ละจ้ะ

PofriN Funny_Shutterbug กล่าวว่า...

ว้าวววววววว...อ่านแล้วมีความสุขจัง...อยากเป็นคนที่ชื่อ ภัทร ซะแล้วซิ !!!!

Lex actually กล่าวว่า...

" จริงเร่ออออออ พี่ "

ทำไมไม่มี scene นี้หว่า.....ขาดอะไรไปมั้ยนะ

Yim S. กล่าวว่า...

คุณแชมป์: รอนะคะ รอ อิอิ

พี่ชัช: ^ ^' อันนี้ครึ่งเรื่องเองนะ อิอิ

พี่กิฟต์: ^ ^' แหะๆ ลงชื่อเพียบเลย

ส้ม: ได้เลยจ้า อ่านแล้วเม้นต์ด้วยนะ

พี่เล็ก: เย่ มาอ่านกันให้หมดเลยเนอะ อิอิ ส่วน 'จริงเร้อ...' เนี่ย :P กลัว ไม่กล้าลง แต่หากแฟนๆ เรียกร้อง เดี๋ยวเอาลงใน part II

พี่โป้: เป็นคนที่ชื่อภัทร แล้วใครจะซื้อเบียร์มาหล่อเลี้ยงกลุ่มที่เมาอยู่ข้างๆ ห้องล่ะค่ะ ^ ^'

PofriN Funny_Shutterbug กล่าวว่า...

ขาดอะไรนะเหรอAlex...ก็ขาดคนข้างกายอะเด่ะ^^^ไอ้ที่นอนอยู่ข้างๆ...มันทำจาย........ม่ายด้ายยยยยยย!!!!!!

Yim S. กล่าวว่า...

น่านนนน

มาแตกคอกันเองซะละ ^ ^'

Som Thaksa-on P. กล่าวว่า...

อ่านตอนที่ 1 จบไปแล้ว รออ่านตอนต่อไป ณ หลวงพระบางอยู่เน้อ

pong photo กล่าวว่า...

55 มาเจิมช้าแต่ยังดีกว่าไม่มา
แค่อ่านไปนิดเดียว...ภัทรคงสะดุ้งสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว 55.55555 ริกเตอร์

"นี่คูณ เสร็จหรือยัง เดี๋ยวเราต้องไปต่ออีกนะ จะใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่เดียวหรือไงกัน"
" คูณเป็นคนวางแผนเองแท้ๆ ทำไมไม่ตรงต่อเวลา" !!!!

อ่านไปยิ้มไป...สมแล้วที่ดองเค็มมานาน เดี๋ยวจะกลับมาอ่านให้จบนะจ๊ะ

Nitikarn Pinmuang-ngarm กล่าวว่า...

พระเอกปากเสียจริงๆ รอตอนต่อไป

Heathrow :D กล่าวว่า...

เดี๋ยวๆๆ พี่พงซ์ ครับ เค้าเขียนว่า "คุณ" ครับ ไม่ใช่ "คูณ"

แต่คนวางแผนนี่มีหลายคนนะครับ :P

Yim S. กล่าวว่า...

ส้ม: เดี๋ยวขอเวลาปั่นนิดนึง ช่วงนี้ซุปเรียกอยู่ ^ ^'

พี่พงษ์: ฮ่า ๆ ๆ อ่านแล้วมีควมสุขก็ดีใจค่ะ

พี่ปุณ: เนอะ ปากเสยมากๆ เลย เขียนไปหมั่นไส้ไป

พี่คูณ: ^ ^' อะไรพี่ ใครเค้าเอาเรื่องจริงมาเขียนกัน...เขาแค่มี 'เค้าโครง' จากเรื่องจริงเฉยๆ เท่านั้นเอง อิอิ

pong photo กล่าวว่า...

55 ล้อเล่นนะน้องคูน...สายตาแหลมคมจริงๆ ยังแอบเห็นอีก อิ อิ

Lady Jade กล่าวว่า...

โห อย่าเขียนให้คนเค้าหมั่นไส้พี่ภัทรมากนะจ๊ะ อยากรู้จังว่า part II หลังสงบศึก
จะมีสงครามเย็น (ก็อากาศ...ยิ่งดึกยิ่งเย็นจิงๆนะ) เกิดขึ้นละป่าว
อยากอ่านความร้าวฉานจากเพื่อนข้างห้องเร็วๆจัง
โดยฉะเพาะ " จริงเหรอ.... " เนี่ย

Lady Jade กล่าวว่า...

ก้องานเนี้ยะ cupid เค้าเยอะ...จิงๆ

Yim S. กล่าวว่า...

พี่พงษ์: อิอิอิ ร้อนไง เลยเห็น

พี่น้อง:ตอนแรกว่าจะละไว้...แต่ในเมื่อแฟนๆ เรียกร้อง ก็ขอเพิ่มตอนสงครมเย็นเข้าไปดีกว่าค่ะ

pong photo กล่าวว่า...

55 น้องยิ้มจะไปเที่ยวสังขละด้วยกันหรือเปล่าจ๊ะ...จะได้มีนวนิยายเรื่องใหม่ฮักจังที่สังขละ

Yim S. กล่าวว่า...

ฮ่าๆ ๆ
อยากไปด้วยเหมือนกันค่ะ
ไว้ยิ้มกลับบ้านเมื่อไหร่ พี่พงษ์จัดอีกทริป สองทริปนะคะ งื้ด ๆ ๆ ๆ (อ้อนๆ)