
ในที่สุดก็ปลดแอกด้านการเรียนออกไปได้อีกอย่างหนึ่งนะคะ....
จัดการกับวิทยานิพนธ์เสร็จไปแล้วค่ะ วันจันทร์ที่ 3 กันยา 2550 จึงเป็นวันที่ยิ้มหนีออกจากห้องไปเปิดหูเปิดตาพร้อมกับพี่ๆ คนไทยที่ Fountains Abbey ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในบัญชีของ UNESCO และเป็นสถานที่ที่ใครๆ ก็แนะนำให้ต้องไป ใช่ค่ะ...คนแนะนำส่วนมากคืออาจารย์และคนในวงการโบราณคดี ^ ^’
วันนี้เรื่องราวที่จะมาเล่าอาจจะมีกลิ่นไอวิชาการติดมาเล็กน้อย เพราะตอนเราไป เราพลาดคณะทัวร์ค่ะ เลยไม่ค่อยรู้ประวัติความเป็นมาของสถานที่เท่าไหร่ รู้คร่าวๆ แค่ว่าสร้างขึ้นเมื่อไหร่ มีไว้ทำไมเฉยๆ ผิดวิสัยการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ก็เลยต้องมาค้นคว้าต่อดังนี้แล คงไม่เล่ายาวมากค่ะ ตัวหนังสือ พรืดดด พรืดดดด คนไม่อ่านกันพอดี เอาเป็นว่าขอแบบสั้นๆ ได้ใจความละกันนะคะ
Fountains Abbey เนี่ย เป็นซากปรักหักพังของสำนักสงฆ์โบราณที่สร้างขึ้นในสมัย ค.ศ. 1132 ก็ประมาณ 800 กว่าปีมาแล้ว ประมาณก่อนการก่อตั้งกรุงสุโขทัยนิดหน่อย สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่อยู่ของนักบวชนิกายย่อย นิกายหนึ่งของโรมันคาธอลิก จัดได้ว่าเป็นสำนักสงฆ์ที่ใหญ่มากกก และยังเป็นซากที่ใหญ่ที่สุดของประเทศด้วย (ก็คงจริง เพราะไปมาหลายที่แล้ว ยังไม่มีที่ไหนอลังการเท่าที่นี่เลย) แล้วทำไมถึงได้กลายเป็นซากปรักหักพังแบบนั้น ทั้งที่ไม่มีพม่ามาเผาเมืองเหมือนอยุธยา...คำตอบก็คือ ในสมัยของกษัตริย์ Henry VIII นั้น มีการเปลี่ยนศาสนาจากนิกายโรมันคาธอลิกมาเป็นแองกลิกัน ก็ต้องมีการทำลายล้างสัญลักษณ์ของนิกายเก่ากันหน่อย ซึ่งที่นี่ก็กวาดล้างกันเป็นจริงเป็นจัง สำนักสงฆ์หลายๆ แห่งก็ถูกรื้อ ถูกยึดทรัพย์ กลายเป็นซากร้างๆ แบบนี้แหละ (ยุคนั้นเขาเรียก Dissolution of monasteries ค่ะ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1539)

เด่น เป็นสง่า

สถาปัตยกรรมหลายๆ สมัยรวมกันตั้งแต่ โรมาเนสก์มาถึงกอธิก

โถงใหญ่รู้สึกเขาจะเรียกว่า The cloister

การซ้อนทับของโบราณคดี แสดงถึงอดีตอันยาวนาน (ดูที่ฝา) มีการสร้างๆ รื้อๆ หลายครั้ง ขนาดวัสดุที่ใช้ยังไม่เหมือนกันเลย (ดูที่ขนาดและสีของหิน)

สถาปัตยกรรมรูปแบบนี้เรียกว่า vaulted คงเป็นสมัยแรกๆ เพราะยังไม่มีพวกดอกไม้ลายสลัก ห้อยระย้อยระย้า วิลิศมาหรา

Arch เป็นรูปโค้ง บ่งบอกอิทธิพลของ Roman (Romanesque ก็มาจากคำนั้นแหละค่ะ)
สะท้อนใจเหมือนกันนะคะ บางครั้ง...สงครามในประเทศ ก่อให้เกิดผลรุนแรงยิ่งกว่าสงครามระหว่างชนชาติอีก แต่อย่างไรก็ดี...ซากสำนักสงฆ์ต่างๆ ที่ถูกทุบทิ้ง ก็กลายมาเป็นเสน่ห์คู่ประเทศอังกฤษไปแล้วแฮะ คล้ายๆ กับว่าอังกฤษ ประเทศเก่าๆ ก็ต้องคู่กับซากเก่าๆ หญ้าเขียวๆ ตัดเรียบเนียน
ใครจะรู้เนี่ย...ว่าอดีตของสถานที่พวกนี้มันน่าเศร้าแค่ไหน
แวะพักที่ Ripon
พวกเราออกจากมหาวิทยาลัยกันตอน 8 โมง บางคนก็จัดการอาหารเช้ามาแล้ว บางคนก็ยังไม่ พอรถบัสแบบฉิ่งฉับทัวร์เอาพวกเรามาปล่อยไว้ที่เมือง Ripon เพื่อต่อรถอีกคันไปยัง Fountains Abbey แต่ละคนก็เลยจัดการตัวเองตามอัธยาศัย บ้างก็ไปเข้าห้องน้ำ บ้างก็ไปหาอะไรกิน (ส่วนยิ้มก็...อย่างหลังค่ะ ^ ^ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง) เมือง Ripon นี่ เป็นเมืองที่เล็กเป็นอันดับ 4 ของอังกฤษ ขนาดกำลังเล็กๆ มีจัตุรัสอยู่กลางเมือง เขาว่าประชากรมีไม่ถึง 20,000 ไม่เห็นคนเอเชียเลยสักกะนิด ยิ่งขึ้นมาทางเหนือของอังกฤษยิ่งหาคนผมดำยากค่ะถ้าเป็นเมืองที่ไม่มีมหาวิทยาลัย เคยไปขุดอยู่ที่ชายแดนอังกฤษ – สก็อตแลนด์ เด็กๆ ถึงกับวิ่งมาดูยังกะเป็นตัวประหลาดเลยทีเดียว เหอๆๆ ไม่รู้จะดีใจดีหรือเปล่าหนอ
เมืองเล็กน่ารักอย่างนี้...แวะพัก แวะกินข้าวก็ดีหรอก เล็กๆ น่ารัก แต่มีพร้อมทุกอย่าง แต่ถ้าให้อยู่ หุหุหุ คงลำบากหน่อยล่ะนะคะ เพราะ York (ที่ดูว่าเล็กแล้ว) ยังใหญ่กว่า Ripon มากมาย

เมือง Ripon ที่พักริมทาง
Fountains Abbey และ Studeley Royal Park
ในอังกฤษก็มีระบบที่คล้ายๆ กับระบบศักดินาเหมือนกัน อย่างเมืองไทยเราก็มีเจ้าขุนมูลนายยศต่างๆ ดูแลไพร่ทาสในสังกัดใช่ไหมล่ะ ที่ประเทศอังกฤษนี่เขาก็มีระบบเจ้าของที่ ดูแลประชากรที่เช่าที่ของเขาอยู่ ระบบคล้ายๆ กัน ดังนั้น...ซาก Fountains Abbey ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ Studeley Royal Park ไป เจ้าของคงจะคิดว่าเท่ไม่หยอกนะ มีซากโบราณสถานอยู่ในสวนของตัวเองด้วย
ที่ดินผืนนั้นก็มีการพัฒนาเรื่อยๆ ตามยุคสมัย เป็นมรดกตกทอดของลูกหลานต้นตระกูลมา สมัยประมาณ ศตวรรษที่ 18 เจ้าของที่ก็ได้สร้างสวนน้ำ หรือ Water Garden ขึ้นมา เป็นสวนที่มีชื่อมาก คนในคณะชอบเก็บมาเป็นกรณีศึกษา แต่บังเอิญยิ้มไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ศิลปะ เลยไม่ได้เก็บรายละเอียดมาก รู้แค่ว่ามันเป็น Neo-gothic style เป็นยุคที่...ผู้มีอันจะกินเริ่มสร้างสิ่งก่อสร้างด้วยรูปแบบเก่าๆ ด้วยความ 'กระหายวัฒนธรรม'
ถามว่าสวยมั้ย...ยิ้มก็ว่ามันสวยแบบอังกฤษๆ นะ คือดูรกๆ หน่อยน่ะค่ะ จะเน้นให้เห็นถึงความคิดอันลึกซึ้งและปรัชญาที่แฝงมาจากการจัดสวน ให้เห็นถึงความงามแบบไม่ปรุงแต่ง (อันนี้มั่วเอง ไม่มีทฤษฎีรองรับ) สวนของทางยุโรปภาคพื้นทวีปจะสวยแบบจัดตั้ง ดอกไม้ปลูกตามแปลง มีหินโรย หญ้าไม่มีสักเส้น แต่สวน Water Garden นี้จะออกแนวสวนป่า สวยตามธรรมชาติ เน้นที่สีเขียวของพื้นหญ้า สีน้ำตาลของซากปรักหักพังและตัววิหาร สร้างความอลังการด้วยเนินเล็กๆ และการจัดตำแหน่งของสิ่งก่อสร้างให้ดูมีมิติ คือ...ถ้าเราไปอยู่ตรงนั้น...จะมีความรู้สึกเกรงๆ และเคารพในสถานที่ เหมือนกับว่าพลังงานจะส่งผ่านจากซากโบราณสถานออกมาถึงสวนแห่งนี้ (หรืออิชั้นจะคิดไปเอง)

แต่มันขลังจริงๆ นะคะ ไม่ได้พูดเล่น ดูดิ
นอกจากสวนน้ำแล้วก็ยังมีโบสถ์ประจำตระกูล มีโรงสี (mill) มีบ้านประจำตระกูล เรียกได้ว่าแค่ที่ดินของตระกูลนี้ก็กินพื้นที่เนินเขาไปแล้วหลายลูกล่ะค่ะ ความยิ่งใหญ่มีจริงค่ะพี่น้อง ถ้าเป็นที่เมืองไทย เศรษฐีคนไหนมีที่ดินที่มีโบราณสถานอยู่ จะไม่ค่อยกล้าพัฒนาที่ดินต่อ ภาษาเหนือเรียกว่า ‘ขึด’ แปลว่าผิดจารีตประเพณี (หรือบางคนก็อาจจะขุดเอาไปขายเลย อันนี้ไม่เรียกว่าขึด แต่เรียกว่า ‘ชั่ว’ )
คิดไปคิดมา...ยิ้มว่าดีออก ของเก่า กะของใหม่ อยู่ด้วยกันอย่างสันติ โบราณสถานควรมีส่วนร่วมกับปัจจุบันมากว่านี้ ตั้งอยู่สวยๆ ก็เหมือนโมเดล ดูได้ ชมได้ ใช้งานไม่ได้ มันต้องมีวิธีสิคะพี่น้อง มันต้องมีวิธีเชื่อมอดีตกับปัจจุบันมากกว่านี้ (เริ่มเข้าโหมดเพ้อพล่าม)
Marquis of Ripon ที่เป็นต้นตระกูลเจ้าของที่คนแรกๆ เขาก็พัฒนาที่ของเขาไป โดยให้ความเคารพกับโบราณสถาน มีการพัฒนาตามสมควร ที่ดินผืนนี้ ก็จะเป็นที่ดินที่รวบรวมเอาพัฒนาการจากสมัยเกือบพันปีที่แล้ว มาถึงสมัย Elizabethan ที่เลยยุคกลางมานิดๆ มาถึงสวนน้ำในสมัย Georgian ที่อังกฤษเริ่มก้าวไปสู่คำว่า ‘ผู้ดี’ สวนกวางบนทุ่งหญ้าเขียวขจี และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อีก
โลกเรามันคู่อยู่กับการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว...เราไม่จำเป็นต้องแยก ‘ของเก่า’ ออกจาก ‘ของใหม่’ หรอก แต่ว่าต้องทำให้มันกลมกลืนกันไปได้หมด ยิ้มว่า National Trust องค์กรที่ได้รับที่ผืนนี้มาและบริหารจัดการอยู่ดูแลได้ดีในระดับหนึ่งเลยล่ะ แต่เขายังไม่ได้เน้นเรื่องการพัฒนาของที่ดินผืนนี้และความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องของสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่งในที่ดินกว้างๆ ผืนนี้ได้ นักท่องเที่ยวเลยมองไม่เห็นภาพรวมว่า Fountains Abbey, Fountains Hall, Fountains Mill, โบสถ์ประจำตระกูล, สวนกวาง ทุกๆ อย่างนี้มันมีความสัมพันธ์กันยังไง คือถ้าเราไปทันคณะทัวร์ที่มีไกด์ มันก็โชคดีไป ^ ^’ แต่ถ้ามาไม่ทัน เราก็จะมุ่งตรงเข้าหาซากโบสถ์ที่เด่นชัดที่สุดในสวนนี้อยู่แล้ว โดยลืมส่วนอื่นๆ ที่สำคัญไปได้ง่ายๆ
เสียดายที่มีเวลาน้อยเลยเดินได้ไม่ทั่ว ได้ไปแค่ซากโบสถ์ กับโบสถ์ประจำตระกูลของเจ้าของที่ ยิ้มคิดว่า...คนเราสามารถอยู่ร่วมกับมรดกทางวัฒนธรรมได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปรบกวนอีกสิ่งหนึ่ง
ขอขอบคุณพี่เต่าและพี่ๆ ชาวยอร์คท่านอื่นๆ เป็นอย่างยิ่งที่ชวนพวกเราไปเที่ยวด้วยกันค่ะ ได้ความคิดดีๆ แล้ว เรื่องการบริหารจัดการมรดกทางวัฒนธรรม ที่อาจจะเป็นแนวทางการปฏิบัติให้กับประเทศไทยได้ต่อไปในอนาคต ยิ่งตอนนี้ มีอีกหลายแห่งที่กำลังจะส่งรายชื่อเข้าเสนอ UNESCO ด้วย
เป็นเวลาหนึ่งวันที่คุ้มค่าจริงๆ
ป.ล. ขอขอบคุณ เวบไซต์นำเที่ยวของ Fountains abbey และ วิกิพีเดีย ค่ะ
40 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ ชอบดูภาพโบราณสถานมากๆ
อย่างงดงามเลย
อลังการจริงๆ
สวยงาม โอ่โอ่ และมีมนต์ขลัง
พี่วี ไวมากค่ะ ^ ^'
ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาเลยทีเดยว ดีมากๆที่มาแบ่งปัน เพราะเราก็หนึ่งในผู้ร่วมการเดินทางไปในครั้งนี้เลยได้ซึมซับความอลังการณ์ของสถานที่แห่งนี้สมแล้วล่ะที่เป็นมรดกโลก แต่ก็เสียดายเนอะที่ดูได้ยังไม่ครบเลย
ยินดีด้วยนะ ที่ทำวิทยาพนธ์เสร็จสิ้นแล้ว
ขอบคุณค่ะ ^ ^
เนอะ
เวลาน้อยไปนิด
ขอบคุณสําหรับข้อมูลนะคะ เป็นที่ที่ไปแล้วรู้สึกประทับใจ โชคดีวันที่พวกเราไปอากาศดีด้วย
ยิ้มก็ชอบมากเหมือนกันค่ะ ^ ^
พูดถึงความสวย อาจจะไม่สุดๆ แต่มันได้บรรยากาศดีมากๆ เลย
เวรกรรม exceed data transfer usage ของ geocities อย่างรวดเร็ว
ขอไปหาที่ฝากรูปก่อนนะคะ T-T
ท่านผู้ที่มาเยี่ยมชมตอนนี้อาจจะพบว่าโหลดรูปด้านบนไม่ขึ้น แง.....
ยิ้มลงรูปไปนิดเดียวนะคะ
อยากเล่ามากกว่า (หุหุ)
ดูรูปต่อได้ที่ blog ของพี่รินกะพี่จุ๊บค่ะ
http://rinepr.multiply.com/photos/album/50
http://ponyfish.multiply.com/photos/album/27
thanks na ja for the article and nice pics.
ชอบรูปนี้จังเลย แสดงถึงความใหญ่โตมโหราฬและความก้าวหน้าทางสถาปัตยกรรมมากๆ
อันนี้ เปิดเล่นก่อนทำงาน เดี๋ยวไปเข้า class อบรมก่อนนะครับ เดี๋ยวแวะมาดูใหม่
ปล. สุโขทัย ก็ไม่ได้โดนพม่าทำลาย ทำไมเหลืออะไรที่สมบูรณ์ให้เห็นน้อยเหมือนกันเนอะ -_-"
อืม...
อากาศ อัตราการเจริญเติบโตของพืชเมืองร้อน ก็มีส่วนเยอะนะคะ
เอ๊ นี่ผอมลงหรือเปล่าเนี่ย :D
ว้าว น่าสนุกจัง ทำยังไงให้มันขึ้น กรอบๆ ดึ๊งๆ ในชื่อแต่ละคนอ่ะครับ
อลังการดีแท้
นี่มัน ฐานรองคบเพลิง ถ้วยอัคนี ใน แฮรี่ พอตเตอร์นี่นา :D
สรุปว่า ทริปนี้น่าสนุกทีเดียว และ อัลบัมนี้ ให้ความรู้อะไรหลายๆอย่างมาก เลย ขอบคุณคนทำที่อุตส่าห์สละเวลาค้นคว้าของมูลทำอย่างปราณีตครับ :D
ชอบภาพนี้มากๆ ซากตึกสีน้ำตาลอ่อนตัดกับหญ้าสีเขียว...
เข้ากั๊นนน เข้ากัน แบบแนวเอิร์ธโทนเลย
ชอบภาพนี้มากๆ ซากตึกสีน้ำตาลอ่อนตัดกับหญ้าสีเขียว...
เข้ากั๊นนน เข้ากัน แบบแนวเอิร์ธโทนเลย
^ ^
ไม่หรอกค่ะ
ออกจะบวมกว่าเดิมด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่ค่อยได้ออกห้องไปทำไร
เอาแต่ปั่นงานกะดู AF
แหะๆ ถ้าดูดีๆ จะพวว่าหน้าซีด และตาหมีแพนด้าจากการนอนน้อยด้วย ^ ^'
ก็เอาเม้าส์ชี้ที่หน้าคนแต่ละคนมันจะมี
drop down list ขึ้นมาให้เลือกว่าเป็นใครที่อยู่ใน contact เราน่ะค่ะ
^ ^
เนอะๆ
มันสวยแบบเย็นๆ ไม่ฉูดฉาดดี
เย็นตา เย็นใจเวลาอยู่ที่นั่น
แวะมาเยี่ยม มาดูรูปจ้ะ น้องยิ้ม รูปสวย คนสวย อยากไปเที่ยวบ้าง
ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาหลังจากตรากตรำจากการเรียนเนี่ย มันยอดมาก พี่เข้าใจ
ชอบรูปนี้ มิติสวยดีจ้ะ
ดูแล้วนึกถึงหนังย้อนยุคของยุโรปดีเนอะ
พี่สาวเราน่ารักจริง ๆ (นี่ไม่ได้ชมพวกกันเองนะจ๊ะ)
อะ ๆ ๆ น่ารักจังเลย
sud yod!!!!!
พี่เอ๋ยสนใจจะแวะมาเที่ยวมั้ยคะ หุหุ
แบบโครงการแลกเปลี่ยน ^ ^
พี่เอ๋ยมายิ้มพาเที่ยว เดี๋ยวยิ้มไปญี่ปุ่นมั่ง (มีเพื่อนอยู่ญี่ปุ่นพอดี)
จริงด้วยค่ะ
ยิ้มล่ะเดินไป นึกถึงพล็อตนิยายต่างๆ ในหัวไป อิอิ ได้อารมณ์ดี
แหม่ๆ ๆ
น้องกวาง
พูดความจริงอย่างงี้พี่ก็เขินแย่สิคะ อิอิอิ
(เขินแต่ชอบนะตัวเอ๊ง)
คนถ่ายก็เก่งค่ะ
(อวยกันเอง ^ ^'
เลือกเก็บแต่ดอกไม้เนอะ หุหุหุ)
I do agree ja, nice model and photographer.
^______^
พึ่งรู้ว่าเป็นสาวโบราณ...คดี อิอิอิ
ฮี่ ๆ ๆ
ใช่แล้วค่า
ก็เลยลึกลับ น่าค้นหา ควรคู่แก่การอนุรักษ์เหมือนโบราณวัตถุ ^ ^'
สวยมากๆ ครับ
นี้ขนาดเหลือเพียงรอยอดีต ยังยิ่งใหญ่ขนาดนี้..
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมบล็อกค่ะ
.
.
สวยเนอะ เราก็ชอบ
มันบอกเล่าอะไรหลายๆ อย่างดี
แสดงความคิดเห็น