วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2550

เพลงยาวพยากรณ์ดวงชะตากรุงศรีอยุธยา - ตำรามหาทักษา

กวีที่เอามาลงวันนี้ไม่ได้แต่งเอง...
ไหดองที่เปิดไว้ก็ยังคงค้างไว้อยู่ตามประสายิ้มน้อยร้อยโปรเจค (แต่ทำไม่เสร็จสักอย่าง - -')
ตอนเด็กๆ มีอาการโรคจิตเล็กน้อย คือชอบท่องคำทำนายชะตากรุงศรีจากตำรามหาทักษา ท่องไปก็เศร้าใจไป น้ำตาไหลพรากๆ ไป(ไม่รู้เป็นอะไร ชอบร้องไห้ตอนอ่านหนังสือ) ท่องนี่คือท่องจำเลยนะ (แต่ว่าจำเป็นบางบทที่โดนใจ สะเทือนใจ และปลุกใจ) อาจจะได้แรงบันดาลใจมาจากการอ่านนิยายเรื่องพิษสวาทของทมยันตี ซึ่งนับว่าเป็นจุดหักเหของชีวิตที่สำคัญเลยทีเดียว
แม่จ๋าก็คงจะไม่รู้ ว่าการค้นพบหนังสือเล่มนั้นในห้องเก็บของ แล้วเอามาให้เด็กที่ยังไม่ถึง 10 ขวบอ่านเนี่ย มันจะเปลี่ยนอนาคตลูกสาวไปตลอดกาล จากที่เคยคิดว่าอยากจะเรียนหมอ พลิกกลับมาอยากเรียนโบราณคดีทันที (แม้ว่ากว่าจะตัดสินใจว่าจะเรียนแน่ๆ ก็ปาเข้าไป ม. 5 แล้ว)
ตั้งแต่เจอข่าวประเทศไทยใน BBC ก็เริ่มนึกถึงเพลงยาวทำนายชะตากรุงศรีฯ ขึ้นมาถนัด...
วันนี้ ชะตาของประเทศไทยอาจจะยังห่างจากชะตาของอยุธยาในวันนั้น
แต่ทำไมก็ไม่รู้...กลอนเข้ามาวิ่งเล่นอยู่ในหัว ไม่ยอมออกไป

จะกล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา
เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนา มหาดิเรกอันเลิศล้น
เป็นที่ปรากฏร์จนา สรรเสริญอยุทยาทุกแห่งหน
ทุกบุรียสีมามณฑล จบสกลลูกค้าวานิช
ทุกประเทศสิบสองภาษา ย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุทยาเป็นอัคะนิด
ประชาราษฎร์ปราศจากไภยพิศม์ ทั้งความพิกลจริตแลความทุกข
ฝ่ายองค์พระบรมราชา ครองขันทสิมาเป็นศุข
ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุก จึ่งอยู่เย็นเป็นศุขสวัสดี
เป็นที่อาไศรยแก่มนุษย์ในใต้หล้า เป็นที่อาไศรยแก่เทวาทุกราศรี
ทุกนิกรนรชนมนตรี คะหะบดีชีพราหมณพฤฒา
ประดุจดั่งศาลาอาไศรย ดั่งหนึ่งร่มพระไทรอันษาขา
ประดุจหนึ่งแม่น้ำพระคงคา เป็นที่สิเนหาเมื่อกันดาน
ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพ อาจปราบไภรีทุกทิศาน
ทุกประเทศเขตขัณท์บันดาน แต่งเครื่องบัณาการมานอบนบ
กรุงศรีอยุทยานั้นสมบูรณ์ เพิ่มพูลด้วยพระเกรียศคะจรจบ
อุดมบรมศุขทั้งแผ่นภิภพ จนคำรบศักราชได้สองพัน
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศมิตราชธรรม์ จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ
คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพด อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล เกิดนิมิตพิศดานทุกบ้านเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี พระกาลกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกไห้ อกพระกาลจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด
มิใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้น มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปรุษย์จะแพ้แก่ทระชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกสิทธ์จะสู้ครูพัก จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า เพราะจันทานมันเข้ามาเสพสม
ผู้มีศีลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์ เพราะสมัคสมาคมด้วยมารยา
พระมหากระษัตรจะเสื่อมสิงหนาท ประเทศราชจะเสื่อมซึ่งยศถา
อาสัจจะเลื่องฦๅชา พระธรรมาจะตกฦกลับ
ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์ สัปรุษย์จะอับซึ่งน้ำใจ
ทั้งอายุศม์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปี ประเวณีจะแปรปรวนตามวิไส
ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไป ผลหมากรากไม้จะถอยรศ
ทั้งแพศพรรว่านยาก็อาเพด เคยเป็นคุณวิเศษก็เสื่อมหมด
จวงจันทน์พรรณไม้อันหอมรศ จะถอยถดไปตามประเพณี
ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพง สารพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่
จะบังเกีดทรพิศม์มิคสัญญี ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
กรุงประเทศราชธานี จะเกิดการกุลีทุกแห่งหน
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล จะสาละวนทั่วโลกทั้งหญิงชาย
จะร้อนอกสมณาประชาราช จะเกิดเข็ญเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย
จะรบราฆ่าฟันกันวุ่นวาย ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
ทางน้ำก็จะแห้งเป็นทางบก เวียงวังก็จะรกเป็นป่าเสือ
แต่สิงห์สารสัตว์เนื้อเบื้อ นั้นจะหลงหลอเหลือในแผ่นดิน
ทั้งผู้คนสาระพัดสัตว์ทั้งหลาย จะสาบสูญล้มตายเสียหมดสิ้น
ด้วยพระกาลจะมาผลานแผ่นดิน จะสูญสิ้นการณรงสงคราม
กรุงศรีอยุทยาจะสูญแล้ว จะลับรัดสมีแก้วเจ้าทั้งสาม
ไปจนคำรบปีเดือนคืนยาม จนสิ้นนามศักราชห้าพัน
กรุงศรีอยุทยาเขษมสุข แสนสนุกนิ์ยิ่งล้ำเมืองสวรรค์
จะเป็นแพศยาอาทัน นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ


อ่านแล้วเศร้า เคล้าน้ำตา
ชอบอ่านพวกตำนานเมืองอย่างเชียงแสนเอย...ตำนานบุรพนครที่ผู้เฒ่า ผู้แก่เล่ามาเอย
แล้วก็อีกหลายๆ เมืองเลยแฮะ...
แต่อ่านแล้ว ฟังแล้วก็ใจหาย ดังที่เขาบอกไว้ว่า
"Every empire is prone to the model of rise and fall."

17 ความคิดเห็น:

Sikarin Yoo-KOng กล่าวว่า...

ดีจัง......^__^

Yim S. กล่าวว่า...

พี่รินไวมาก

tawat 1991 กล่าวว่า...

กินใจจัง

Tom S. กล่าวว่า...

ขอบคุณที่เอามาให้อ่านครับ...

พี่ทอมเพิ่งอ่านนิยายอิงประวัติศาสตร์จบไปเล่มนึง บรรยายภาพให้เห็นตามโครงกลอนข้างบนเลย...

เรื่อง Le Roi Des Rizieres (ตากสิน มหาราชชาตินักรบ) ของ Claire Keefe-Fox ถ้าสนใจอ่านก็ติดต่อมาน้า...

Yim S. กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ
มาร่วมแชร์ความรู้สึกกันเนอะ

Yim S. กล่าวว่า...

อ่า สนใจค่ะ
ไปลีดส์วันที่ 27 มิย.
ขอยืมได้มั้ยคะ ^ ^

cHu_a_Ha ^^ กล่าวว่า...

น้องยิ้มท่องได้หมดเรยเหรอคะนั่น
อู.....ช่างมีความจำเป็นเลิศ......

Yim S. กล่าวว่า...

ง่า ไม่หมดค่า
ท่องได้เป็นห้วงๆ

อันนี้เอามาลงแบบเต็มๆ แหะๆ

Heathrow :D กล่าวว่า...

ยาวดีจังครับ แต่พอจะบอกนัย เรื่องสีได้ไหมครับ
ดำกับแดง สีไหน มีนัยยังไงครับ
ขออภัย ถ้าคำถามทำให้ลำบากใจ :D ไม่รู้เป็นสิ่งที่ควรถามหรือเปล่า

Yim S. กล่าวว่า...

ลืมบอกไป ^ ^
แดงๆ คืออะไรที่ชักจะเห็นบ่อยแล้วในปัจจุบัน

Yim S. กล่าวว่า...

ส่วนสีน้ำเงินคือ อะไรที่อ่านแล้วโดนใจ

ไม่มีนัยอะไรมากกว่านั้น

DD' Hack Around กล่าวว่า...

ซึ้งจังเลย

Anuchit Sundarakiti กล่าวว่า...

ขออนุญาตมาอ่านนะครับ ดีมากๆเลยครับ

Heathrow :D กล่าวว่า...

กลับมาดู ผ่านไปแล้วปีนึงนะเนี่ย

Yim S. กล่าวว่า...

2 ปีต่างหากค่ะ

Heathrow :D กล่าวว่า...

เจรงเด่ ทำไมมันรวดเร็วจัง ทำไมมันไม่มีปีบอกไว้ด้วยเนอะ

Heathrow :D กล่าวว่า...

เออ มีนี่หว่า แหะๆ โทษทีครับ