วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550

ของฝากจากฤดูหนาว: เสียงกระซิบจากน้ำค้างแข็ง



แสงแรกของวันทาทาบอาบขอบฟ้าที่ทิศตะวันออก
ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น จากสีม่วงอ่อน...กลายเป็นสีชมพู จนกลายเป็นสีส้มและคงจะกลายเป็นประกายสีทองไปในที่สุด

แสงที่งดงาม และคงจะเป็นที่เฝ้ารอของหลายๆ คน
แต่ฉันรู้...นับแต่วินาทีที่แสงนั้นปรากฏขึ้น...เวลาของฉันใกล้จะมาถึงแล้ว
ผู้คนอาจจะคิดว่าฉันสวยงาม แต่ความสวยงามนั้นมันช่างสั้นเหลือเกิน
สวยงาม...แต่จับต้องไม่ได้ เพราะทันทีที่คุณแตะต้องฉัน ฉันจะละลายหายไป

แล้วฉันจะอยู่เพื่ออะไร

คุณเคยเห็นน้ำค้างแข็งอย่างฉันไหม...
ถ้าเคยเห็น...คุณเคยสนใจ และใส่ใจฉันบ้างไหม
ทุกๆ ยามเช้าของวันที่อากาศเย็น ฉันจะรอคุณอยู่บนเส้นหญ้า บนใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น บนกิ่งไม้ที่ไร้ใบ โอบกอดสิ่งเหล่านั้นไว้ด้วยใจรัก และหวังว่าประกายสีเงินของฉันจะช่วยแต่งแต้มโลกนี้ให้สวยงาม รอให้มีคนมาชื่นชม

เมื่อฟ้าเป็นสีฟ้า
ประกายวาววามของน้ำค้างแข็ง...คงจะช่วยสะท้อนให้แววสีฟ้านั้นเกิดขึ้นบนตัวของฉัน
สะท้อนให้รู้ว่า...
วันนี้เธอดูสดใสดีจังเลยนะท้องฟ้า แต่ฉันคงจะอยู่เป็นเพื่อนเธอได้ไม่นาน
เมื่อแสงสีทองมาถึง ฉันคงต้องจากไป
ขอให้เธอมีความสุขกับดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาที่เหลือนะจ๊ะ

วันใดที่ท้องฟ้าเป็นสีเทา หม่นเศร้า
วันนั้นฉันจะอยู่ได้นานเป็นพิเศษ
ฉันจะอยู่เพื่อคอยปลอบประโลม...เป็นเพื่อนท้องฟ้า
อย่าเสียใจไปเลยนะ...แม้วันนี้จะไม่มีดวงอาทิตย์ แต่ฉันก็ยังอยู่ อยู่เป็นเพื่อนเธอเสมอ...จนกว่าแสงอันอบอุ่นจะกลับมาอีกครั้ง

แต่ฉันจะเป็นที่ต้องการจริงๆ ของใครไหมนะ

ฉันเกิดขึ้น...และอยู่ได้ด้วยความหนาวเย็น

ความหนาวเย็นที่ไม่เป็นที่ปรารถนาของคนหลายคน
ความหนาวเย็นที่ทำให้หัวใจเย็นชาและสิ้นไร้ความรู้สึก
ความหนาวเย็นที่ดูดกลืนสีสัน และความมีชีวิตชีวาของฤดูร้อนไปจนหมดสิ้น
ความหนาวเย็น...ที่ทำให้กิจกรรมหรรษาอย่างการเดินเล่นในท้องทุ่งกว้างท่ามกลางดอกไม้สีเหลืองสดใสต้องหยุดลง

ฉันอยู่คู่กับความหนาวเย็นอย่างนี้
จะมีผู้คนรอคอยฉันอย่างตั้งใจจริงบ้างไหม...
จะมีใคร คิดถึงท้องทุ่งสีเงินประหนึ่งจะถูกโปรยปรายด้วยสะเก็ดเพชรพลอยบ้างไหม

หรือฉันจะเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น...และดับไป
มีคนชื่นชมเมื่อ 'มีอยู่' ...แต่ไม่มีใครคิดถึงเมื่อ 'ไม่อยู่'

เป็นเพียงสิ่ง "จรรโลงตา" ชั่วคราว แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ "จรรโลงใจ" ของใครๆ

ประกายแดดสีทองอาบไล้ทั่วท้องทุ่งอีกแล้ว
สัญญาณแห่งความอบอุ่นกำลังจะมาถึง...
ตัวฉันกำลังจะละลาย...
ท้องทุ่งสีเงินกำลังจะหายไป
ท้องทุ่งสีเขียวกำลังจะกลับมา

กลับมาพร้อมกับสายลมอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ...

อา...

ฉันคงต้องจากไปอีกแล้วสินะ
จะมีใครคิดถึงฉันบ้างไหม..

จะมีประโยชน์อะไรที่พร่ำร้อง
ในเมื่อเสียงกระซิบของฉันก็เป็นเพียงเสียงเพรียกจากน้ำค้างแข็งที่ไม่มีวันที่ใครจะได้ยิน


และเมื่อดวงตะวันส่องฉาย
น้ำค้างแข็งก็จะละลายหายไป...ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่เหลือแม้เพียงรอยเก่า...แห่งความทรงจำ

นี่คือชีวิตของฉัน...น้ำค้างแข็ง


บทเพลงฤดูใบไม้ร่วง

บทเพลงฤดูใบไม้ร่วง





สายพิรุณที่หลั่งหลากเป็นฉากหนา

ดุจจะบอกว่าถึงคราฟ้าร้องไห้

หยาดน้ำตาที่ไหลกลับไปท่วมใจ

คงไม่มีผู้ใดจะได้ยล


ลมวสันต์กรรโชกโบกแรงกล้า

ใบไม้หล่นบนผืนหญ้าใต้ม่านฝน

คงไม่ต่างจากชีวิตของชาวชน

มีเริ่มต้น มีลาลับ แตกดับไป


ความหนาวเย็นชำแรกแทรกรากหญ้า

รอเวลา...ความอบอุ่นหมุนมาใหม่

สายลมแห่งคิมหันต์...อยู่ที่ใด

ปรารถนาเกินสิ่งใด...ในโลกนี้


อีกไม่นาน...ใบไม้หล่นจนหมดก้าน

สายลมเยือกเย็นสะท้านผ่านทุกที่

แทรกอณูประตูใจไม่เหลือดี

ให้รู้ว่า..ข้านี้ไม่มีรัก


ใจทั้งดวง...ถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง

หากใช้แรงแกร่งกล้ามาหาญหัก

น้ำแข็งแตก...ก้อนเนื้อนุ่มคงช้ำนัก

คงเจ็บหนัก เจียนด่าวดิ้นสิ้นชีวา


จึงปล่อยให้ ใจคงอยู่ไร้คู่เคียง

ในห้วงไร้สรรพสำเนียงเสียงหรรษา

ดุจเดินทางในทุ่งร้างอย่างเอกา

ภายใต้ฟ้าที่โปรยปรายสายพิรุณ


.........................................