สวัสดีค่ะ
พอฤดูร้อนเยี่ยมกรายมาถึง เหล่านักเรียนไทยในอังกฤษก็พากันออกเดินทางกันใหญ่ ปีนี้งานการพันหัวหาง ไปทริปยาวๆ ต่างประเทศไม่ไหว เลยหันเห มาท่องเที่ยวในประเทศแบบวีคเอนด์ทริปแทน จริงๆ ทริปนี้ไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตี เพราะว่าที่มาของการเดินทางก็คือการที่พี่เบียร์อยากจะพาจัน(แฟนสาว) ไปเที่ยวที่ไหนสักที่ แต่บังเอิญไม่มีใครเลือกสถานที่ และด้วยความที่อิฉันอยากหวนกลับคืนสู่ Northumberland ดินแดนที่เคยไปร่วมงานขุดค้นของ Bamburgh Research Project อยู่นานถึง 3 สัปดาห์เมื่อ...เอ่อ....6 ปีก่อน(ไม่อยากบอกเลย ฟังดูแก่จริงๆ) และด้วยความที่ปันๆ ตากล้องประจำบ้านอยากได้ภาพสวยๆ ของปราสาทริมทะเลกับแสงเรื่อๆ ดึจทองทาบยามสนธยาที่ถ่ายย้อนจากชายหาดหรือสันทรายอย่างสุดแสน พวกเราเลยถือโอกาสเลือกจุดหมายปลายทางเองเสียเลย 555
และในเมื่อได้มีโอกาสเดินทางย้อนไปสู่ถิ่นที่เป็นเสมือนแคปซูลเวลา ที่ย้อนกลับไปเมือไหร่ก็มีความสุขเมื่อนั้น ก็เลยต้องถือโอกาสเขียนบล็อกยาวๆ แบบที่ไม่ได้เขียนมานาน น้าน....นานเสียหน่อย
การเดินทางครั้งนี้ ค่อนข้างจะเป็นการเดินทางตามรอยตัวละครหลักในนิยายเรื่อง "เก็บรักไว้...ใต้ผืนดิน" อันได้แก่ 'สิตา' นักศึกษาวิชาโบราณคดี และ 'อธิป' ผู้เป็นทั้งรุ่นพี่และ Site Supervisor เพราะเขาทั้งคู่ใช้เวลาครึ่งเล่มหลังอยู่ในไซต์ขุดค้น ณ เมือง Bamburgh อดีตเมืองหลวงของ Northumbria นี่เอง ทิวทัศน์ที่สวยงามและดูมีมนต์ขลัง (เพราะความเก่า) ของ Northmbria จึงกลายมาเป็นสถานที่บ่มรักตัวละครทั้งคู่
หรือจะพูดให้ถูก...คนที่หลงใหลต้องมนต์เสน่ห์ของดินแดนแถบนี้ก็คงจะเป็นเจ้าของบล็อกนี่แหละค่าาา อิฉันเองที่ที่ต้องมานอนกลางดิน กินกลางทราย หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน ขุดๆ ค้นๆ อยู่แถวนี้เมื่อสมัยอยู่ปี 1 ปริญญาตรี ต้องขอขอบคุณสถานที่เหล่านี้ด้วยนะคะ ถ้ายิ้มไม่ได้มาทำงานที่นี่ นิยายเรื่องนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น (นิยายบทแรกถูกเขียนขึ้นในไดอารี่เล่มโปรดขณะที่นอนแกร่วๆ อยู่ในเต็นท์ด้วยซ้ำ)
เข้าเรื่องกันดีกว่า
Northumbria หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันในนามของ Nortumberland คือ ดินแดนทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ อยู่ติดกับ Scotland นะคะ จากสถิติของประเทศ เป็นเขตที่ยากจนที่สุด - -' แต่จากสายตาของยิ้ม...เป็นเขตทีมีมนต์ขลังและเสน่ห์ดึงดูดมากที่สุดแล้วค่ะ
ทำไมถึงมีมนต์ขลังน่ะเหรอ...ก็พูดยากนะ ถ้าพูดถึงความสวยของทิวทัศน์ อื่ม..ก็สวยนะ แต่คงไม่วิจิตรบรรจงเท่าแถบ Cornwall หรือ Ireland แรงดึงดูดของมันคงมาจากอดีตอันน่าสนใจกระมัง ดินแดนแถบนี้อยู่ระหว่างอังกฤษกับสก็อตแลนด์พอดี มีข้อขัดแย้งและคามเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในพื้นที่มากมายนัก แถมภูมิประเทศแบบชายทะเล หน้าผา เนินเขา ยังเอื้อต่อการสร้างตำนานที่เล่าต่อๆ กันมาปากต่อปากอีก
Northumbria เป็นอาณาจักรเก่าแก่สมัย Anglo-Saxon (ซึ่งเริ่มมีอำนาจหลังจากชาว Roman อพยพไปจากเกาะบริเตนในปี ค.ศ. 410) เริ่มมีอำนาจสูงสุดประมาณต้น ค.ศ. 700 เพราะเกิดการรวมตัวของสองอาณาจักร อันได้แก่ Bernicia (Northumberland ในปัจจุบัน) และ Deira (Yorkshire ในปัจจุบัน) ช่วงแรกๆ เมืองศูนย์กลางคือ Bamburgh ปราสาทที่จะกล่าวถึงในอัลบั้มต่อไปนี่เองนะเคอะ ส่วนช่วงหลังๆ ศูนย์กลางย้ายลงมา York เมืองที่อิฉันอยู่ในปัจจุบัน โอ้...ที่แท้เราก็ผูกพันโยงใยกันไปมาแบบนี้นี่เอง
เส้นทางการเดินทางของเรานี้ เริ่มจาก Alnwick - Seahouses - Berwick upon Tweed - Lindisfarne (Holy Island) และ ปิดท้ายด้วย Bamburgh ไม่บ่นมากละ เดี๋ยวคนอ่านจะตาลาย บรรยายเลยดีกว่า
Alnwick Castle

เป้าหมายแรกของพวกเรา ก็คือ Alnwick Castle ซึ่งเป็นนิวาสถานของตระกูล Northumberland (Dukes and Earls of Northumberland) ซึ่งแต่ละท่านหน้าตาดีม้ากกกก ตระกูลนี้ตระกูลใหญ่นะคะ ถ้าอ่านประวัติศาสตร์อังกฤษ พวกตระกูล Northumberland มีบทบาทปราสาทเป็นอย่างมาก ทั้งทางบวกและทางลบ
ปราสาทแห่งนี้เริ่มสร้างครั้งแรกในสมัยที่ชาว Norman เอาชนะ Anglo-Saxons ได้แล้ว Alnwick Castle ก็กลายมาเป็นฐานกำลังสอดส่องความเป็นไประหว่างชายแดนอังกฤษ-สก็อตแลนด์ ปราสาทแห่งนี้เริ่มมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าเดิมเมื่อกองถ่าย Harry Potter ภาคแรกๆ มาใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากควิดดิช ก็แหงล่ะเนอะ ฟังดูน่าดึงดูดขึ้นไม่น้อย

ทางปราสาทเองเลยจัดคนหน้าคล้ายมาทำกิจกรรมกับเด็กๆ เลย

นอกจากการจัดปราสาทเป็นบ้านพิพิธภัณฑ์ให้ผู้ใหญ่ชมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์แล้ว ทางปราสาทก็ยังมีโซนสำหรับให้เด็กๆ เล่นด้วย (คนนี้เด็กเหรอ???) โดยส่วนนั้นเขาจัดให้เป็นโซนฝึกหัดอัศวิน มีอุปกรณ์ให้เด็กๆ ได้ทดลองเล่นหลายอย่าง

โดยรวมแล้วก็สวยดีค่ะ มีทั้งความยิ่งใหญ่ มีสวนสวยงาม(ที่ไม่มีเวลาเข้า) มีเมืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัย ค.ศ.1000 กว่าๆ น่ามาเที่ยวอยู่นะ
Seahouses:
Seahouses เป็นเมืองท่าอยู่ห่างจาก Alnwick ประมาณ 15 ไมล์ ห่างจาก Bamburgh แค่ 3 ไมล์เท่านั้นเอง

ตัวเมืองไม่มีอะไรมาก เป็นที่พัก ร้านขายของ ร้านอาหาร น่าจะเป็นเมืองที่คนมาพักเพื่อท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลเหนือ ส่วนมากคนจะมาลงเรือที่ท่าเรือในเมืองนี้เพื่อล่องออกไปชม Farne Islands ซึ่งเป็นหมู่เกาะเล็กๆ ที่ถือว่าเป็น wildlife sanctuary ที่สำคัญของอังกฤษ มีแมวน้ำ นกพัฟฟิน และอื่นๆ อีกหลายอย่างในหมู่เกาะนี้(แต่ถ้าจะลงไปเดินบนเกาะ ต้องเสียเงินค่าเหยียบแผ่นดินอีก ราวๆ 3-4 ปอนด์: ข้อมูลปี 2010 นะ) ทริปก็มีตั้งแต่ชั่วโมงครึ่งจนถึงทั้งวันเลย

แต่พวกเราไม่ทันลงเรือ เพราะว่ารอบสุดท้ายคือบ่ายสามโมง (ขณะนั้นยังเริงร่าอยู่ที่ Alnwick อยู่เลย) ก็เลยรวดไป Berwick-upon-Tweed เลยก็แล้วกัน
Berwick-upon-Tweed:
Berwick-upon-Tweed เป็นเมืองชายแดนกั้นระหว่างอังกฤษ กับสก็อตแลนด์ ไม่น่าแปลกใจที่เมืองนี้จะยังคงรักษาแนวกำแพงและป้อมติดอาวุธเอาไว้ได้เป็นอย่างดี (ดีกว่า York อีก) เพราะป้อมเหล่านี้คงจะได้ใช้งานมาเรื่อยๆ ตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้น ตัวเมืองก็ถูกอังกฤษลากไป สก็อตแลนด์ลากมา จนกระทั่งถึงยุคที่อังกฤษกับสก็อตแลนด์ถูกผนวกเข้าด้วยกัน

กำแพงเมืองและป้อมปืนแน่นหนา
พอเรามาถึงก็เข้าที่พัก วางของ และออกไปเดินเล่นบนกำแพงเมือง Berwick ยังรักษากำแพงได้เกือบรอบเมือง เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ก็มาถึงมุมที่หันเข้าสู่ทะเล สวยงามแล้วก็ได้อารมณ์ดีเหมือนกันเนอะ หลายร้อยปีก่อนคนที่เดินไปเดินมาคงเป็นทหารแหละ ไม่น่าเชื่อเลยว่าปัจจุบันจะกลายเป็นที่เดินเล่นของนักท่องเที่ยวไป

สะพานเต็มไปหมด ทั้งสะพานรถข้าม และสะพานรถไฟ ก็สวยแปลกตาไปอีกแบบ

วันแรกของทริปก็จบลงที่ Berwick นะคะ พบกันต่อในอัลบั้มหน้า Lindisfarne และ Bamburgh สถานที่ที่ยิ้มชอบม้ากกก มากกกก ประหนึ่งเคยอยู่ที่นั่นมาแล้วอย่างไงก็อย่างงั้น