วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

Lincoln: 07-09-08




Lincoln Cathedral - the hidden (architectural) beauty in the Lincolnshire wold

ไม่มีอะไรจะเล่ายาวนะคะ ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเมือง Lincoln มาก นอกจากมันเป็นเมืองเก่าๆ ละม้ายกับ York เพราะอยู่มาตั้งแต่สมัยโรมัน แต่ว่า..พอมายุคหลังๆ เหมือนจะเป็นเมืองตลาด (Market Town) มากกว่าเมืองศูนย์กลางการปกครอง หรือศาสนา เลยทำให้ไม่ค่อยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้ว บ้านเมืองก็สวยดีค่ะ อังกริ๊ดด อังกฤษแล...

ทีสำคัญคือ John Ruskin นักปราชญ์แห่งศาสตร์ของ architecture และ conservation บอกว่าที่นี่สวยงามล่ำเลิศที่สุดในอังกฤษละ ยังรักษา fabric ของของเดิมไว้ได้ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว อืม ก็จริงของเขานะ ถ้าให้นั่งมองลายสลัก...มองทั้งวัน ข้าพเจ้าก็ไม่เบื่อ มันดูงดงาม วิจิตรไปอีกแบบดี

ถึงบจะไม่อ่อนช้อย ละเมียดละไมเหมือนศิลปะตะวันออก แต่มันก็บอกเล่าเรื่องราวไปอีกแบบหนึ่ง

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

นักบุญ - กุลสตรี - เรยีนาเชลี - คิดถึงจัง

Rating:★★★★
Category:Other


หลบประเด็นร้อนการเมืองมาเขียนเรื่องนักบุญดีกว่านะคะ

วันนี้ยิ้มไปเซ็นสัญญาหอพักสำหรับปีหน้ามา ต้องเซ็นชื่อลงไปในสัญญาสองฉบับค่ะ ตอนไปที่อาคารสำนักงานก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จรดปลายปากกาแล้วก็เซ็นแกรกเดียวตามความเคยชิน แต่พอเซ็นเสร็จแล้ว วันนี้ก็เริ่มมองลายเซ็นตัวเองอย่างพินิจพิจารณา...อื่ม...มันช่างดูเหมือนคำว่า 'saint' ในภาษาอังกฤษที่แปลว่านักบุญจริงๆ...ทำไมนะ ทำไม

สงสัยเราจะเป็นคนอ่อนโยน อ่อนหวาน ใจดี มีคุณธรรมเหมือนนักบุญแน่ๆ เลย คิก ๆ ๆ ๆ ๆ

คงจะมีคนสำลักน้ำแค่กๆ หรือไม่ก็อาหารติดคอแน่ๆ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ แต่อย่างไรเสียก็เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงไปไม่ได้ ว่ายิ้มนั้นนิสัยเหมือนนักบุญ เอ๊ย..ชีวิตของยิ้มเกี่ยวพันกับนักบุญมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ ทั้งนักบุญในศาสนาพุทธ (ครูบาต่างๆ) และนักบุญในศาสนาคริสต์ แต่เนื่องจากในวันนี้เกิดอารมณ์หวนหาวันเก่าเมื่อเห็นคำว่า 'saint' ก็ขออนุญาตเขียนถึงนักบุญคาธอลิกดีกว่า

แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ออกเรื่องอีกนิดนึง...

ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 3 ถึง ม. 3 ยิ้มเรียนในโรงเรียนคาธอลิกในจังหวัดบ้านเกิด นับเป็นเวลาได้ 10 ปี พอดีพอดิบ โรงเรียนที่เรียนอยู่ขึ้นชื่อมากในเรื่องความเคร่งครัดของการอบรมบ่มนิสัย 'กุลสตรี' เพื่อให้จบออกมาเป็นยอดหญิงที่เปี่ยมไปด้วยจิตสาธารณะและคุณธรรม (แต่สำเร็จมั่งมั้ยเนี่ย = =' ) พอเริ่มเข้าอนุบาลปุ๊บ มาเลยค่ะ ซิสเตอร์ (นักบวชหญิง) 2 ท่าน เดินเข้าๆ ออกๆ ตึกเรียนอนุบาล เพื่ออบรมบ่มนิสัยลูกศิษย์ตัวน้อยๆ ทุกสัปดาห์ต้องมีเข้าห้องประชุม เปลี่ยนหัวข้ออบรมไปทุกๆ สัปดาห์ นี่ยังไม่รวมชั่วโมงพุทธศาสนา คริสตศาสนา และจริยศึกษานะ อบรมมาเยอะขนาดนั้น...มันก็ต้องมีติดนิสัยดีๆ แบบนักบุญมาบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ

เอาล่ะ...มาเข้าเรื่องได้ละ

นี่ก็จบมาจากโรงเรียนเก่าได้ 10 ปีกว่าๆ แล้ว เรื่องของเรื่องคือ...ตลอด 10 ปีที่เรียนอยู่โรงเรียนนี้ คุณครูจะเล่าประวัติของนักบุญ 4 ท่านประจำบ้านสี (นักเรียนแต่ละห้องถูกแบ่งออกเป็น 4 สี คือฟ้า แดง เหลือง เขียว) ของโรงเรียนให้ฟังทุกๆ ปี นักเรียนต้องจำประวัติ และต้องร้องเพลงสรรเสริญให้ได้ เพื่อที่ในงานเฉลิมฉลองจะได้ร้องได้อย่างเต็มอก เต็มใจ เต็มภาคภูมิ ซึ่งนักบุญแต่ละท่านทางผู้ก่อตั้งก็คงคัดสรรค์มาแล้ว ว่าเป็นยอดหญิงที่มีทั้งความอดทน และรักศักดิ์ศรีมากจริงๆ

1. นักบุญประจำสีฟ้า (สีของข้าพเจ้าเอง) นักบุญ อัญเจลา เมริชี (Angela Merici)



ขอขอบคุณภาพจาก Wikipedia ค่ะ

นักบุญอัญเจลา (ออกเสียงตามที่เค้าออกกันมานะคะ อย่าถามล่ะว่าทำไมไม่เรียกว่าแองเจล่า) เป็นชาวอิตาเลียน เป็นลูกชาวนาธรรมดา เป็นกำพร้าตั้งแต่เด็กโดยการอุปถัมภ์ของลุง ซึ่งเมื่อท่านโตขึ้นมาหน่อยทั้งพี่สาว ทั้งลุงก็ทยอยเสียชีวิตไปจนหมด แต่ก็ไม่ได้ท้อแท้ กลับใช้ชีวิตสอนศาสนาให้กับเด็กสาวในเมืองบ้านเกิด แม้จะตาบอดไปในบั้นปลายของชีวิตแต่ก็ไม่ได้ท้อถอย กลับเดินทางแสวงบุญหาผู้สนับสนุนโครงการเรื่อยๆ (ในที่สุดอาการมองไม่เห็นก็หายไปเอง) และก็ได้ก่อตั้งคณะอูร์สุลิน (Company of St Ursula/ The Order Sister of St Ursula) หลังจากนั้นคณะนี้ก็ได้ก่อตั้งโรงเรียนหญิงล้วนขึ้นมามากมาย แต่ละที่...คิดว่าน่าจะมีความเป็นลักษณะเฉพาะตัวมากๆ นะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเคร่ง แบบแผนปฏิบัติบางอย่าง

โรงเรียนข้าพเจ้าก็...โดนขนานนามจากนักเรียนชายโรงเรียนอื่นอยู่บ่อยๆ ว่าโรงเรียนคุก เพราะสมัยก่อนนั้น นักเรียนชายไม่ใช่ว่าจะได้ย่างกรายเข้ามาในโรงเรียนง่ายๆ ซิสเตอร์ท่านดักตั้งแต่ป้อมยามเลยทีเดียว ส่วนโรงเรียนหญิงบางโรงเรียนเรียกโรงเรียนข้าพเจ้าว่า "คุณหนูเร" (ตอนนั้นละครเรื่องพี่เลี้ยงดังอยู่ นางเอกชื่อคุณหนูเร อ่อนปวกเปียก ต้องการคนดูแล) เพราะว่านักเรียน 'ดู' ท่าทางอ่อนๆ เรียบร้อย(แต่ความเป็นจริงมันห่างไกล)

นี่ยังดีนะ เพื่อนของพ่อบอกว่าตอนเขาเรียนอยู่ ซิสเตอร์ซึ่งเป็นแม่ชีจริงๆ มาจากต่างประเทศสอนว่า "It's a sin to look at boys"

โอว....ถ้าเยี่ยงนั้นบาปของข้าพเจ้าคงจะมากมายนัก เพราะที่ไปออกกำลังที่ยิมอยู่ทุกวันนี้ แรงบันดาลใจหนึ่งก็มาจากการได้เหลือบแลหนุ่มๆ ล่ำบึ้กน่าซบ เอิ๊กกกก

2. นักบุญอูร์สุลา (Ursula) ประจำบ้านสีแดง



ขอบคุณภาพจาก Wikipedia เช่นกัน

ตรงกันข้ามกับประวัติของนักบุญอัญจลา นักบุญอูร์สุลาเป็นตำนานเล่าขานต่อกันมา ไม่ได้มีจารึกถึงวันเกิดเหตุชัดเจน สิ่งเดียวที่ยืนยันถึงเรื่องราวนี้ก็คือจารึกจากสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4-5 ที่โบสถ์แห่งหนึ่งใน Cologne เรื่องเล่าก็คือ เจ้าหญิงอุร์สุลาเป็นเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งของราชวงศ์โรมันที่อยู่ในเกาะบริเตน (Romano-British) เธอจะถูกส่งไปแต่งงานกับเจ้าชายนอกศาสนา (ไม่เชิงนะ เรียกว่านอกคริสต์ศาสนาดีกว่า - พวก Pagan น่ะ) ที่ Brittany พร้อมบรรดาสาวพรหมจรรย์ที่เป็นบริวารอีกมากมาย (ขบวนเรือคงใหญ่มาก) แต่ว่าเรือดันโดนพายุ ไปติดที่ชายฝั่งยุโรป เธอก็เลยเดินทางอ้อมยุโรปไปแสวงบุญถึงโรมเสียเลย แล้วก็เลยชักชวนนักบวชอีกหลายท่านเดินทางไป Cologne ต่อ แต่ระหว่างนั้น เจอพวกโจร Huns จากเอเชียกลางปล้นสดมภ์ หมายฉุดคร่าทำอนาจาร แต่เธอไม่ยอม พวกโจรก็เลยฆ่าให้สิ้นซาก

จากนั้นมา...ชื่อของนักบุญอุร์สุลาก็เลยกลายมาเป็นอนุสรณ์เตือนใจ ถึงความกล้าหาญ รักศักดิ์ศรียิ่งชีพ นักบุญอัญเจลาเลยนำมาเป็นชื่อคณะนักบวชและคณะครูเสียเลย

3. นักบุญมารีย์มังสาวตาร ประจำบ้านสีเหลือง (Marie of the Incarnation)

ไม่แน่ใจนักว่าหาประวัติมาถูกไหม เพราะจำที่เคยเรียนมาไม่ได้แล้ว ^ ^' หาในเนตก็ไม่มีคำว่า 'มารีย์ มังสาวตาร' อยู่เลย ก็เลยคิดว่า...มังสาวตารน่าจะมาจาก มังสะ + อวตาร น่าจะเป็นคำว่า Incarnation นั่นแล พอเดาๆ ได้แล้วก็ลอง search ดู พระเจ้า...มีสองคน เกิดในฝรั่งเศสทั้งสองคน ทำไงดีเนี่ย...ใครกันแน่นะ แต่ดูจากประวัติน่าจะเป็นท่านนี้มากกว่า

นามเดิมของท่านคือ Mary Guyart ท่านเกิดที่เมือง Tours มีครอบครัวอะไรไปตามปกติ จนกระทั่งสามีเสีย ท่านก็ดูแลครอบครัว เลี้ยงลูก กอบกู้กิจการที่สามีทำพังไว้ ต่อมาสายตาก็เสีย ก็เลยเข้าหาทางธรรมที่คอนแวนต์ในเมืองนั่นแหละ โดยทิ้งลูกชายไว้ให้ครอบครัวดูแล ต่อมาท่านก็เดินทางไปแคนาดา ไปก่อตั้งคอนแวนต์ โรงพยายาบาล และคณะอูร์สุลินที่นั่น

คิดว่า...ท่านเป็นสัญลักษณ์ของอะไรดี...ไม่รู้เหมือนกันแฮะ เดาเอาเองว่าเหมือนกับ 'เนกขัมมะบารมี' มั้ง การละซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วออกบวช ซึ่งท่านก็ห่วงลูกชายของท่านมากล่ะ แต่ก็ตัดใจเสีย ปล่อยวาง ซึ่งเมื่อลูกของท่านโตขึ้นก็กลายเป็นนักบวชเหมือนกัน

4. นักบุญเทเรซา ประจำบ้านสีเขียว (Thérèse de Lisieux )



นี่ก็หาประวัติยากอีกแล้วค่ะ ค้นหาในวิกิ โผล่มาเยอะมาก เนื่องจากชื่อเทเรซาเป็นชื่อที่ป๊อปปูล่าร์เอาการอยู่ แต่ก็เดาๆ เอา เพราะในเพลงเทิดทูนมีวรรคหนึ่งที่ร้องว่า "เป็นบุปผาชื่นชมพรหมจรรย์ ของเจ้าจอมเทวัญทรงชัย" ก็ดูสอดคล้องกับ She is also known by many as The Little Flower of Jesus.

ต้องใช่แน่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

นักบุญเทเรซาเป็นแม่ชีชาวฝรั่งเศสที่เคร่งครัดมากกกกก เป็นแม่ชีมืดด้วย (ปฏิบัติอยู่แต่ในคอนแวนต์ ไม่ออกไปไหน) เธอพยายามวอนขอบวชชีหลายครั้ง จนสำเร็จเมื่อตอนอายุ 15 แม่ชีเทเรซาเป็นคนถ่อมตน และงานเขียนของท่านก็มีชื่อเสียงทั้งศาสนจักร จนกระทั่งท่านไม่สบายและเสียไปตอนอายุเพียง 24 เท่านั้น

จำไม่ได้อีกละ ว่าอะไรคือลักษณะเด่น แต่ถ้าจะให้คิดเองคงคิดว่าเป็นความ 'ถ่อมตน' และ 'สมถะ' มั้ง เพราะท่านบวชตั้งแต่ยังเล็กมาก และปฏบัติอย่างเคร่งครัดแต่ไม่อวดตนมาตลอด

จบแล้วค่ะ ประวัตินักบุญของคณะอุร์สุลิน...แต่ละท่านก็ถูกนำมาเป็นแม่แบบสั่งสอนลูกศิษย์สาวๆ ของโรงเรียนนะคะ ก็สำเร็จมั่ง ไม่สำเร็จมั่ง ว่ากันไป แต่ภาพที่ติดตาตรึงใจทุกครั้งที่นึกถึงก็คือการเฉลิมฉลองนักบุญแต่ละท่านประจำปี นักเรียนผมเปียตัวเล็กๆ ยืนร้องเพลง อ่านกลอน อ่านประวัติ สรรเสริญนักบุญแต่ละท่าน อืม...เป็นบรรยากาศเฉพาะที่ไม่ได้สัมผัสมานานแล้วล่ะ ดูช่าง...ช่าง...ช่างเฟมินิสต์มากในความคิดของข้าพเจ้า อืม...หรือว่ามันเป็น cult แบบหนึ่ง การบูชาเพศแม่และความอ่อนโยน คือหัตถาครองภิภพจบสากล

มาถึงวันนี้...ห่างหายจากความเป็นนักบุญมานานเหลือเกินแล้ว ตอนที่อยู่ที่นั่นก็ท่องๆ ไป ร้องๆ ไป ไม่ค่อยได้คิดตามเท่าไหร่ มาถึงวันนี้ อืม...ช่างเป็นอะไรที่ดู 'Holy' มากเลยอ้ะ แล้วก็ดูใกล้ตัวกว่าที่คิด (แหงดิ ก็ตอนนี้อยู่ยุโรปนี่หว่า ก็ใกล้บ้านเกิดของท่านเหล่านั้นมากกว่า = =') อย่างนักบุญ อูร์สุลาก็เป็นชาว Romano-British นี่เอง โอ....

จริงๆ แล้วดูเหมือนว่าโรงเรียนจะพยายามสอนออกมาให้ถ่อมตน เรียบง่าย รักศักดิ์ศรีกุลสตรีไทย ไม่เรียกร้องให้เท่าเทียมบุรุษ แต่ก็ต้องไม่ยอมให้ใครหมิ่นเกียรติ อ่อนหวาน อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ(เรียกร้องมากจังวุ้ย) แต่ถ้าเกิดลูกศิษย์บางคนผ่านกระบวนการนั้นมาแล้วกลับรู้สึกฮึกเหิม ลำพองใจ กลายเป็นเฟมินิสต์ต้องการความเสมอภาคระหว่างเพศไปจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย แหะๆ ๆ ๆ