Rating: | ★★★★ |
Category: | Other |
ไม่ได้ไปเที่ยวค่ะ ครั้งนี้แม่ไปทำงาน เราก๊อติดตามไป...โดยตั้งฐานทัพที่ขอนแก่น ตอนแรกท่านน้าตั้งใจจะพาไปอุบลฯ หนองคาย แต่มีงานด่วนเข้ามา ก็เลยไม่ได้ไปกัน แต่ก็มีโอกาสได้ไปที่ใกล้ๆ ได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านพอสมควรอยู่
สีประจำทริปนี้:
เขียว...อีสานเขียวจริงๆ ด้วยค่ะ สงสัยจะเป็นเพราะไปช่วงหน้าฝนพอดี นาก็เขียว ไร่อ้อยก็เขียว งามตาดีแท้ (เพื่อสนองความต้องการของโรงงานน้ำตาลหลายๆ แห่งใน จ. ขอนแก่น) ห้วยหนองคลองบึงก็เยอะ (ถ้าไปหน้าแล้ง อาจจะเป็นสีน้ำตาลหมดก็ได้แฮะ)
อาหารหลัก:
ไก่ย่าง ส้มตำ ปลาเผา ก๋วยเตี๋ยว
ไก่ย่างเขาสวนกวางที่อุดร อร่อยมากกกกกค่ะ เนื้อมันนุ่ม เหนียว แน่น แห้งๆ กรอบนอก นุ่มใน อร่อย ^ ^' ส้มตำลาวใส่ปลาร้าก็อร่อยนะ แต่มันเค็มไปนิดอ้ะ ก็เลยกินตำไทยเป็นหลัก ส่วนปลาเผานี่ก็ โอ้โห...ทำไมปลาแถวๆ นั้นตัวใหญ่กว่าปลาที่เชียงใหม่คะ ปลานิลยาวศอกนึง เอามาทำปลาลุยสวนกินกับผักสด อร่อยอย่าบอกใคร
ส่วนก๋วยเตี๋ยว...อาหารที่ดูเหมือนจะธรรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดา เพราะก๋วยเตี๋ยวแถบนั้นออกแนวเฝอหมดทั้งนั้นเลยค่ะ อาจจะเพราะอยู่ใกล้เวียดนามมั้ง แต่ละร้านก็จะมีการแถมผักสดตะกร้าใหญ่ บวกกับใบโหระพามาให้ด้วย ชอบมากกกก

ศาสนสถาน: วัดพระธาตุขามแก่น นี่เป็นสิ่งศักสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขอนแกนค่ะ ไปถึงก็ต้องไปสักการะบูชา เพื่อขวัญและกำลังใจ ไหนๆ ก็ผ่านแล้วก็แวะไหว้เสียหน่อย

ทริปแรกที่ไปก็...บ้านเชียงน่ะค่ะ
เมื่อก่อนแม่จ๋าก็เคยไปแล้ว และก็บอกว่าเชื่อมโยงบ้านเชียงกับหม้อ ไห เครื่องถ้วยชาม อะไรทำนองนั้น ก็แหม...เล่นมีร้านขายของที่ระลึกตั้งขายหม้อเขียนสีแดงๆ เต็มข้างทาง
ก็ถูกอยู่...
แต่น่าเสียดายที่แง่มุมที่ว่าบ้านเชียงเป็นแหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ตั้งแต่ 5000 กว่าปีมาแล้ว ไม่ค่อยได้รับการเผยแผ่เท่าไหร่ ส่วนมากพอพูดถึงบ้านเชียงปุ๊บ จะนึกถึงหม้อใบลายๆ มากกว่า

บ้านเชียงเป็นหนึ่งในมรดกโลก ที่ได้รับการรับรองสถานะจาก UNESCO มีแท่งศิลามาตั้งเด่นเป็นสง่า บ้านเชียงมีความสำคัญค่ะ เพราะเป็นอะไรที่ 'Unique' มีแหล่งชุมชน มีการผลิตเครื่องปั่นดินเผาไว้ใช้ มีการถลุงโลหะ ตัวไซต์เป็นสุสานเก่าค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะหาร่องรอยของสถานที่อยู่ยังไม่เจอ แต่แค่นี้ก็...เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักโบราณคดีมากมายแล้ว เพราะสิ่งสำคัญก็คือ
1. กระดูก: สามารถบ่งบอกลักษณะของมนุษย์ในสมัยนั้นได้คร่าวๆ บ่งบอกพิธีกรรมความเชื่อก็ได้ ดูจากท่าทางการวางในหลุมฝังศพ บ่งบอกว่าคนสมัยนั้นกินอะไรก็ได้ ดูจากฟันและการสึกกร่อนของกระดูก เอาไปวิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึกถึงความเจ็บป่วย หรืองานประจำของคนนั้นๆ ก็ได้ เช่นคนนี้ข้อมือแข็งแรง...ช่างปั้นหม้อชัวร์
2. หม้อไห: จริงๆ แล้วมันก็ค่อนข้างศึกษาได้จำกัด เพาะว่าสวนมากเจอในหลุมศพ ไม่ได้เจอตามบ้านเรือนจริงๆ แบบที่เรียกว่า in situ แต่ที่นี่มันเคลื่อนย้ายมาอยู่ในหลุมแล้ว แต่ก็บ่งบอกเทคโนโลยีการทำหม้อ ถลุงเหล็กได้บ้าง บ่งบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอาหารได้บ้าง (กรณีที่มีเศษอาหารในหม้อ)
แต่ว่า...บ้านเชียงไม่ใช่ที่แรกและที่เดียวนะคะ จริงๆ แล้วไซต์อื่นๆ อย่างบ้านดอนตาเพชร โคกพนมดี ที่อยู่ทางภาคกลาง บ้านหลุมเก่า บ้านปราสาท ที่ในภาคอีสานนี่แหละ ก็มีสุสานโบราณแบบนี้เหมือนกัน เก่าแก่ และดูมีเอกลักาณ์เหมือนๆ กัน เพียงแต่ยังไม่ได้รบการสนับสนุนเท่านี้เท่านั้นเอง
ประเทศไทยเราขาดการประชาสัมพันธ์อย่างร้ายแรงค่ะ

จากบ้านเชียงเราก็ไปภูเวียง (อีกวันหนึ่งแล้ว) ชื่อเสียงภูเวียง อำเภอเล็กๆ ที่มีภูล้อมรอบ มีทางเข้าทางเดียวมันโด่งดังขึ้นมาก็เพราะเจ้าไดโน่ ที่นอนสนิทอยู่ใต้ผืนดิน รอให้คนมาค้นพบที่แหละค่ะ

พิพิธภัณฑ์เขาก็ทำได้ดีพอใช้ เข้าฟรีด้วย (ของฟรีเนี่ย...ชอบ) มีการทำไดโน่จำลองให้เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจ (สงสัยเราจะโตเกินไปแล้วแฮะ) ดังนั้น...ก่อนออกจากพิพิธภัณฑ์ก็เลยบริจาคเงินสมทบทุน กองทุนงานวันเด็กให้เขาหน่อย ไหนๆ ก็ไม่คิดเงินค่าเข้าเราแล้ว

หลังจากชมพิพิธภัณฑ์แล้ว ยิ้มก็อยากเดินดูหลุมขุดค้น ตามประสาคนชอบของเก่าๆ ถึงจะไม่ได้เรียนมาทาง Paleonthology หรือ โบราณชีววิทยา ก็ตาม แต่ดูระยะทางสิคะ แต่ละหลุมห่างกันพอดู ถ้าจะเดินให้ครบ 9 หลุมก็ 5-6 กิโลเมตรเห็นจะได้
ผู้(เกือบ)สูงอายุ (พระมารดา) ก็เลยรออยู่ด้านล่าง ให้ยิ้มกะน้องเดินไปดู เราก็แว้บบไปดูหลุม 3 กันนิดนึง เดินลุยๆ ไปในป่า ก่อนที่จะพบว่า อ้าววว มันมีทางรถให้ขึ้นไปจอดที่หลุม 2 ได้ ที่นั่นจะใกล้กับหลุมอื่นๆ มากกว่า แทนที่จะเดิน 4-5 โล ก็เดินแค่ 1 โลกว่าๆ เอง ก็เลยกลับลงมา เพื่อที่จะขึ้นรถไปกัน

แต่ถึงเราจะไปจอดจ่อปากหลุมเลยก็ตาม ก็ยังต้องขึ้นบันไดสูงๆ ไปอีก - -' นัยว่าหลุมมันอยู่บนเนินเขา ท่านแม่เริ่มหอบแฮ่กๆ

แถมพอขึ้นไปถึงก็บ่นพึมว่า 'มาดูแค่เนี๊ยะ' โห...นี่มันกระดูกสันหลังของ Phuwiangosaurus Sirindhornne' เชียวนะ ไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่อ้ะ น่าภาคภูมิใจแค่ไหน ถ้าอยากเห็นมากกว่านี้...ก็เดินไปหลุมอื่นอีกสิคะ หลุมนี้มันเจอแค่กระดูกสันหลังอ้ะ

ก็เลยหลงกลเดินกันต่อไป ท่ามกลางอาการดี๊ด๊าของนักโบราณคดี ที่ทำตัวเสมือนเป็นนักโบราณชีววิทยาไปชั่วขณะ บอกท่านแม่ว่าสุสานหอย 130 ล้านปีอยู่ห่างไป 50 เมตร ท่านแม่หลงเชื่อ เดินนำไปดุ่ยๆ ปรากฏว่าทางลาดชันเล็กน้อย 50 เมตรแม้วอ่ะดิ...เดินไปไม่ถึงซักที ^ ^' แหะๆ

ในที่สุดก็มาถึง เนี่ยค่ะ ก้อนหินพวกนี้ก็มีเปลือกหอยติดหมดเลยนะ บรรยากาศก็ดี๊...ดี เห็นแล้วอยากเดินไปหลุมอื่นๆ อีก ศึกษาดูธรรมชาติไปด้วย ประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาไปด้วย ชอบใจดีนักแล
แต่ทว่า T-T ไม่มีโอกาสไปต่อแล้ว...
ก็เลยตั้งปณิธานเอาไว้ว่า มาอีกรอบ อิฉันต้องไปให้ครบ 9 หลุมให้ได้
ขนาดไปน้ำตกยังปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุดได้
ตีกอล์ฟก็ัยังตีครบทุกหลุมได้ (หมายถึงคนอื่นนะ ^ ^' ข้าพเจ้าตีไม่เป็นนน)
ไปเที่ยวหลุมขุดค้นน้องไดโน่ทั้งที ก็น่าจะเดินได้ครบหลุมสิ
ไปครั้งหน้าจะทำแซนด์วิช พกน้ำดื่มมา เตรียมไปปิกนิกบนภูทีเดียวเชียวค่ะ
ป.ล. อิจฉาคนค้นพบกระดูกจังค่ะ ได้ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อไดโนเสาร์ด้วย เท่ดี...
อยากมี Yimmosaurus มั่งอ้ะ ท่าทางจะดุหน่อย แล้วก็ชอบกินเด็กหนุ่มกระดูกอ่อนขบเผาะเป็นอาหาร